๔
"...มีประชุมตอนเก้าโมงครึ่งค่ะ นี่คือหัวข้อวาระการประชุม" มือเรียววางแฟ้มเอกสารลงตรงหน้า ทว่า คนที่นั่งไขว้ห้างบนโต๊ะประจำตำแหน่งของท่านประธานกลับทิ้งสายตาจับจ้องเพียงที่ใบหน้าของเธอ
"มีอะไรหรือเปล่าคะ" ที่ต้องถามเพราะเธอรู้สึกตลอดเวลาว่าเขามองหน้าเธออยู่ เรื่องแบบนั้นเขาก็จัดการเธอไปเรียบร้อยแล้ว นึกไม่ออกว่าเขาจะมองหน้าเธอทำไม
"ฉันมีเรื่องให้เธอช่วยหน่อย" เลขาสาวเอียงคอมองแทนการเอ่ยถาม เขายกยิ้มบางๆ ก่อนจะคว้าแฟ้มเอกสารไปสนใจแทนที่จะตอบคำถามของเธอ
"...นอกจากคำสั่งใหม่ของเจ้าสัวที่ให้ผมเข้ามาบริหารแทนในตำแหน่งท่านประธาน ในส่วนของการรับซื้อขายฝาก ผมเสนอให้ปรับดอกเบี้ยให้ถูกลง เราได้กำไรจากส่วนนี้ไม่ใช่น้อยๆ ผมปรึกษากับคุณปู่ของผมซึ่งในตอนนั้นชื่อท่านยังคงดำรงตำแหน่งท่านประธานอยู่ เห็นว่าการลดดอกเบี้ยให้ถูกลง เป็นการกระตุ้นให้ลูกค้าของเราเพิ่ม เท่ากับว่า แม้รายได้อาจจะลด แต่จำนวนลูกค้าที่เพิ่ม รายได้ของเราจะไม่ลดลงซ้ำยังจะเพิ่มขึ้นจากจำนวนคน คุณเม เม..."
"คะ? ค่ะๆ" คนที่เหม่อเพราะแอบมองตอบรับออกมาเร็วๆ ร่างสมส่วนขยับเข้าไปชิดหลานชายของท่านประธานซึ่งในขณะที่ท่านประธานไม่อยู่เขาคือคนที่ใหญ่ที่สุดของที่นี่ รับแฟ้มที่วางตรงหน้าของบอสหนุ่มแล้วนำไปให้บอร์ดที่เข้าร่วมประชุมในครั้งนี้ลงชื่อในมติเหมือนทุกๆ ครั้ง
"ตรงไหนนะครับ..." คำถามดังขึ้นในขณะที่ร่างหนาในชุดสูทอย่างดีโน้มตัวเข้ามาใกล้ แขนที่ยกขึ้นมาโอบร่างบอบบางทั้งที่ไม่จำเป็นส่งผลให้เลขาสาวนิ่วหน้า หนึ่งในบอร์ดที่ชอบทำแบบนี้กับเธอเสมอ และเธอเอาตัวรอดได้ทุกครั้ง ครั้งนี้เขาก็ยังคงใช้นิสัยเดิม
"ตรงนี้ค่ะ" นิ้วเรียวชี้ลงพลางขยับถอย ใบหน้าสวยตึงขึ้น การทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ของอีกฝ่ายและใช้จังหวะโฉบฉวบมันทำให้เธอตั้งตัวไม่ทัน
หมับ~
ปึกก~
"อ๊ะ ปากกาหล่น" เลขาสาวหน้าตึงขึ้นมาทันที เพราะมือหนาวางหมับลงที่สะโพกของเธอ ส่งผลให้เธอปัดมือนั้นทันที ตามด้วยปากกาในมือนั้นที่หล่นลงพื้นทันที
สายตาของใครต่อใครที่มองมาสร้างความกดดันจนเลขาสาวต้องแสร้งยิ้ม ดวงตากลมเฉี่ยวเหลือบมองปากกาเพียงนิด บอร์ดคนนั้นไม่ยอมก้มเก็บ หมายความว่า คนที่ต้องก้มเก็บก็คงต้องเป็นเธอ
ฟันสวยเบียดบดเข้าหากันแน่น หากเธอก้มลงเก็บปากกา หมายความว่าเธอต้องคุกเข่าลงตรงหน้าบอร์ดหื่นกามที่ใช้การกระทำห่ามๆ แตะนู่นแตะนี่เธออย่างฉวยโอกาส
"เมญ่า!" เสียงจากหัวโต๊ะส่งผลให้คนตัวเล็กหันขวับ พบดวงตาคมกริบที่มองมาที่บอร์ดคนนั้นด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
"มารับโทรศัพท์เดี๋ยวนี้ งานด่วน!" แม้จะงุนงงที่เขาเรียกเธอไปรับโทรศัพท์ทั้งที่วาระการประชุมยังไม่เสร็จสิ้น แต่มันเป็นจังหวะที่หญิงสาวอยากก้าวออกมาจากตรงนั้นพอดี
โทรศัพท์มือถือเครื่องหรูวางหมับบนโต๊ะ หญิงสาวคว้ามาถือเอาไว้ น่าแปลกที่บนหน้าจอโทรศัพท์ไม่ปรากฏสิ่งใดบนนั้นเลย
"ผมขอจบวาระการประชุม ขอให้ทีมบริหารชุดเดิมยังคงทำงานกันอย่างเต็มที่นะครับ ผมที่เป็นหลานชายของท่านเจ้าสัว แม้ว่าอายุยังน้อยประสบการณ์อาจจะมีไม่มาก แต่ผมเต็มที่กับทุกอย่างเสมอ" คำพูดที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจเรียกเสียงปรบมือและรอยยิ้มจากทุกคน หลานชายของท่านประธานซึ่งอาจจะไม่คุ้นหน้าคุ้นตาใครเท่าไหร่ แต่ทุกคนเชื่อมั่นในมือเจ้าสัว ท่านคงไม่ยอมให้บริษัทที่ลงแรงมาขนาดนี้พังแน่นอน
"...น้องเมครับ พี่มีของฝากอยู่ที่รถน่ะ" ทั้งที่ทุกคนกำลังเดินออกไปจากห้องประชุม แต่บอร์ดคนนั้นกลับไม่ล้มเลิกความตั้งใจ
"ขอบคุณคุณอดิศักดิ์มากนะคะ แต่เดี๋ยวเมส่งน้องๆ ไปรับของแทน ขออภัยในความไม่สะดวกด้วยนะคะ พอดีว่าเมติดงาน"
"ใจร้ายจังเลยครับ พี่อุตส่าห์ตั้งใจซื้อมาฝากน้องเมโดยเฉพาะเลยนะ เอางี้ จะเป็นอะไรไหมครับคุณเสือหากผมจะขอ..."
"ไม่อนุญาต!" เสียงแข็งโพล่งตอบรับ เรียกสายตาของทุกคนให้หันมามองทันที
"เธอไปจัดการงานที่ห้องให้เรียบร้อย อีกสิบห้านาทีไปพบลูกค้ากับฉัน"
"ค่ะคุณเสือ" จบคำนั้น เลขาสาวก้าวขาออกไปจากห้องทันที แว๊บหนึ่งที่รู้สึกว่า บิ๊กบอสคนใหม่เขาคล้ายกับท่านประธาน คือเหมือนรู้ความต้องการของเธอ รู้ว่าในสถานการณ์ไหนเธอต้องการอะไร
หมับ~
"อื้ออออ~" ไม่ทันตั้งตัวว่าคนที่ไล่เธอกลับห้องก่อนจะตามมาเร็วขนาดนี้ ทันทีที่มาถึง ท่อนแขนแกร่งรั้งเอวคอดกิ่วเข้าไปแนบชิดทันที ส่งผลให้หน้าท้องแบนราบแนบเข้ากับหัวเข็มขัดเย็นเฉียบอย่างแรง
"มันกดดันให้ก้มเก็บปากกาเธอก็จะเก็บสินะ" เขาเอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ เขาเปิดประเด็นในตอนนี้ ไม่ต่างจากตอนที่เจ้าสัวพูดกับเธอด้วยความห่วงใย
'...เลี่ยงได้ต้องเลี่ยง อย่ายอมให้ใครรังแกและเอาเปรียบ อย่ากลัวว่าฉันจะไม่พอใจ!'
คำพูดของท่านเจ้าสัวลอยเข้ามาในหัว เป็นจังหวะเดียวกับเสียงหลานชายท่านที่ดังขึ้นมา
"อย่าให้ฉันเห็นว่าเธอปล่อยให้มันแตะเนื้อต้องตัวได้อีก อย่ามาห่วงว่าฉันจะไม่พอใจ ฉันจะไม่พอใจแน่ๆ หากเธอปล่อยให้ใครหน้าไหนแตะเนื้อต้องตัวเธอ!" หัวใจดวงน้อยเต้นแรงขึ้นมาอย่างบ้าคลั่ง น้ำเสียงของเขาเกรี้ยวกราดมาก แต่เธอไม่ได้รู้สึกกลัว ซ้ำยังใจเต้นแรงแปลกๆ รู้สึกเหมือนเขากำลังหวงเธอ
"คุณ..."
"ฉันไม่ชอบให้ใครมายุ่งกับของทุกอย่างที่เป็นของฉัน!"
หมับบ~
"อื้ออ~" ร่างเล็กล้มลงบนหน้าตักแกร่ง แขนเรียวเกี่ยวลำคอหนามาสวมกอดทันที
"หวงก็พูดดีๆ สิคะ ทำไมต้องดุด้วย ฉันไม่ได้อยากยอมให้เขาทำแบบนั้นสักหน่อย"
"หวง?"
"ค่ะ หวง สิ่งที่คุณแสดงออกเขาเรียกว่าหวง" รอยยิ้มจางๆ ผุดขึ้นที่มุมปากบาง จริงๆ แล้วเธอไม่ได้ใจกล้าหน้าด้าน ลึกๆ แล้วเธอไม่ได้กล้าเอ่ยคำพูดนี้ออกมาด้วยซ้ำ แต่เธอเลือกที่จะพูดมันออกมาเพราะอยากให้เขายอมรับมันออกมา
"ใครบอกเธอว่าฉันหวง"
"ไม่ต้องบอกหรอกค่ะ ของแบบนี้มองด้วยตาเปล่าก็รู้แล้ว"
"เธอก็แค่ของของฉันที่ฉันยังไม่เบื่อ" คำพูดคำจาแบบตรงไปตรงมาทำใจดวงน้อยกระตุกวูบ
"ของที่หมายถึงของเล่นน่ะเหรอคะ" หญิงสาวแสร้งทำท่าเมินเฉย ทำเหมือนไม่รู้สึกอะไรเลยกับคำที่เขาเอ่ยมันออกมา
"ถ้าคุณจะเปรียบฉันเป็นแค่ของเล่น คุณก็ได้เล่นแค่ตอนที่ฉันเต็มใจให้เล่นนะคะ วันไหนที่ฉันไม่เต็มใจ ของเล่นชิ้นนี้อย่างตัวฉัน คุณไม่มีวันได้แตะต้องแน่นอน..."