“แล้วนี่อะไร...หนูเอาอะไรติดมือมาด้วย”
แอเรียลล่าถามเมื่อสายตาเหลือบไปเห็นถุงกระดาษที่ลักกษมีหิ้วไม่ยอมวาง หนูน้อยยกขึ้นพลางเปิดให้ดู
“เพื่อนของปุ๊บปั๊บ”
“ปั๊บชอบแต่งตัวให้ตุ๊กตา ปุนต์ไม่เล่นหรอก ปุนต์เป็นผู้ชายฮับ...ปุนต์เล่นเครื่องบิน”
ลักษณ์อธิบายขณะแอเรียลล่าก้มมองตุ๊กตาของหลานสาวอย่างสนใจ
“ตุ๊กตานี่เหรอ...อืม...ชุดสวยดีนะ”
“มี๊ขาตัดให้ ตัดให้ใหม่ทุกวัน”
แอเรียลล่าเหลือบมองลักษณ์นาราด้วยแววตาเหยียดชังก่อนเอ่ยกับหลานสาว
“แต่ถ้าหนูมาอยู่ที่นี่อิยาย่าจะซื้อตุ๊กตาตัวใหม่ให้ บาร์บี้แสนสวย ราคาแพงกว่าตุ๊กตาถูก ๆ พวกนี้หลายเท่า อยากได้ชุดแบบไหนฉันจะให้เลขาส่วนตัวที่บริษัทจัดแจงให้หมด”
“ไม่เอาค่ะ” ลักษมีส่ายหน้า “ปุ๊บปั๊บไม่เอาตัวใหม่...จะเอาที่มี๊ขาซื้อให้ ตัดชุดให้ใหม่ทุกวัน”
เสียงยืนยันของเด็กหญิงทำให้คนนำเสนออึ้งไป แม่หนูน้อยน่ารักดูไร้เดียงสาแต่ก็แน่วแน่เสียจนคนเป็นย่าชักหลงใหลในท่าทีที่ราวกับถอดพิมพ์เรื่องนิสัยไปจากตัวเองลึก ๆ แอเรียลล่ายกยิ้มน้อย ๆ และคิดว่าหลานสาวของเธอยังใหม่ต่อวัฒนธรรมของที่นี่แต่นานไปก็คงจะชินได้เอง
สักครู่ลักษมีก็จูงมือน้องเดินกลับไปหาแม่ ทั้งสองกอดร่างบอบบางไว้แน่น ลักษณ์นาราเกือบจะยกแขนขึ้นกอดตอบแต่กลับต้องยั้งไว้เมื่อนึกถึงข้อตกลงที่แมทเทียสตีกรอบเธอไว้ก่อนหน้า และลูกสาวตัวน้อยก็อยู่ในสายตาคมปลาบของเขาที่มองตามตลอดเวลา ชายหนุ่มเหลือบมองสามแม่ลูกและได้ยินเสียงลักษมีออดอ้อนแม่ว่า
“มี๊ขา...คืนนี้มี๊ขานอนกับปุ๊บปั๊บนะคะ”
“อ้า...เอ้อ...”
“คุณย่าจัดห้องไว้ให้ลูกแล้วนะลีอา”
แมทเทียสแทรกขึ้นแต่น้ำเสียงของเขาอ่อนโยนทว่าแววตาที่จ้องมองลักษณ์นารากลับเหี้ยมเกรียมในที ลักษมีทำหน้าไม่เข้าใจ
“แต่ทุกคืนปุ๊บปั๊บนอนกะมี๊ขานิคะ”
“มี๊ขาจะนอนกับลูกนะคะ”
หญิงสาวรับปากทั้งที่รู้ว่ามันขัดต่อข้อตกลงที่แมทเทียสตั้งไว้ ที่นี่เธอเหมือนนกตัวเล็กในกรงเหล็กเล็กแคบและพร้อมจะบีบรัดตัวเธอให้ตายทุกเมื่อ แม้แต่จะหายใจก็ยังอึดอัดแต่เธอก็จำต้องทำทุกอย่างให้เป็นปกติที่สุดเท่าที่จะทำได้เพราะกลัวลักษมีจะตื่นตกใจ แมทเทียสดึงมือหนูน้อยให้เธอหันกลับมายังเขา ชายหนุ่มโน้มใบหน้าหล่อเหลาเข้าไปใกล้
“แต่ต่อไปลูกกับน้องต้องหัดนอนคนเดียว...เอ้อ...ตอนนี้อาจจะนอนด้วยกันสองคน แต่ต่อไปต้องแยกกันนอนนะคะรู้ไหม”
“ทำไมละคะ?”
“เพราะจะเป็นการฝึกให้เด็กได้รู้จักอิสระและความกล้าหาญ”
ลักษมีส่ายหน้า แววตายังไร้เดียงสาเพราะไม่เข้าใจคำอธิบายนั้นแต่น้องชายกลับพยักหน้าและบอกมารดาว่า
“ปุนต์เข้าใจฮับ”
“เข้าใจว่างาย” ลักษณมีหันไปถามน้อง
“ก็เข้าใจว่า...ถ้าพวกเราโต...พวกเรา...ต้องนอนคนเดียว”
“แต่ปุนต์ยังม่ายโต ปุนต์ต้องนนอนกับพี่” ลักษมีชี้นิ้วเข้าหาตัว
“ปุนต์โตแล้วนะ”
“โอเคค่ะ...ปุนต์โตแล้วแต่ยังนอนฝันร้ายอยู่เลยนะคะ”
ลักษณาราแทรกการสนทนาระหว่างพี่น้อง พอได้ยินอย่างนั้นลักษมีก็รีบพยักหน้า
“จริงด้วยๆ...ปุนต์ชอบละเมอ ต้องให้พี่นี่งาย...กอดทุกคืน”
คำพูดด้วยเสียงแจ๋วๆ ของลักษมีทำให้แมทเทียสรู้สึกแปลกใจหากทว่าเขากลับไม่พูดอะไรนอกจากมองสามคนแม่ลูกคุยกันท่ามกลางสายตาของแอเรียลล่าและคาลิสต้าซึ่งมองหนูน้อยทั้งสองอย่างนึกเอ็นดู เธอเองก็อยากรู้ว่ามีเด็กน้อยสองคนน่ารักน่าชังขนาดนี้อยู่ในบ้านแล้วนายหญิงจะรู้สึกเช่นไร ขณะนั้นลักษณ์นารามองเด็กแฝดแล้วเม้มปากแน่น หัวใจดวงนั้นแทบขาดเพราะแค่นี้เธอก็สงสารลูกจับหัวใจ เด็กหญิงยังเล็กเกินไปที่จะเข้าใจความเปลี่ยนแปลงกะทันหัน เธอเอ่ยขึ้นเสียงอ่อนหวาน
“ไม่ต้องกังวลไปหรอกนะ ถ้ายังไงคืนนี้มี๊ขาจะนอนเป็นเพื่อนลูกก่อนนะคะ”
“มี๊ขาสัญญา?”
ลักษมีเสียงสูงและยกนิ้วก้อยขึ้นให้แม่เกี่ยวนิ้วก้อยอย่างทุกครั้งเวลาสัญญาต่อกัน ลักษณ์นารายิ้มทั้งดวงตารื้นน้ำเกี่ยวก้อยเล็ก ๆ ของลูกน้อยทั้งคู่เบา ๆ นั่นเองทำให้ทั้งลูกสาวและลูกชายของเธอยิ้ม ลักษมีจูงมือน้องกลับไปนั่งที่เดิม แอเรียลล่ามองคนทั้งสามที่พูดคุยกันตามประสาแม่ลูก
แล้วความรู้สึกที่เธอไม่อยากให้เกิดขึ้นก็วาบออกมาจากจิตใต้สำนึก ยิ่งมองเด็กสองคนที่แม้มีสายเลือดของชาวเอเชียอย่างลักษณ์นาราแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าคุณลักษณะแทบทุกกระเบียดมากเกินกว่าครึ่งนั้นได้รับการถ่ายทอดมาจากแมทเทียสมากเสียจนคนเป็นย่าไม่อาจต้านทานต่อความหวั่นไหว แต่อีกด้านหนึ่งสำหรับเธอแล้วข้อรังเกียจลูกสาวแม่บ้านที่เคยมีมากมายเท่าใดถึงตอนนี้มันก็ยังคงเดิมไม่เปลี่ยนแปลงและยิ่งนึกเจ็บใจที่แม้ว่าหลายปีฝ่านไปทำอย่างไรก็หาทางให้แมทเทียสลืมลูกสาวของรัชนีไม่ได้เสียที
หลังจากมื้ออาหารผ่านไปและลักษมีเริ่มเรียนรู้การกินอาหารแบบกรีกที่ไม่คุ้นเคยซึ่งทำให้หนูน้อยทั้งสองทั้งเต้นตื่นและประหลาดใจ โดยเฉพาะลักษณ์ แฝดน้องที่ยอมให้พ่อเอาอกเอาใจด้วยการตักอาหารและขนมอร่อย ๆ ให้ ส่วนลักษมีได้แต่จ้องมองแมทเทียสตลอดเวลาหากดูหมือนว่าเด็กน้อยยังคงคลางแคลงใจต่อการเปลี่ยนแปลงของชีวิตและการมายังที่อยู่ใหม่ซึ่งหนูน้อยยังไม่เข้าใจว่าที่แห่งนี้อาจเป็นที่อยู่ไปตลอดชีวิต เมื่ออิ่มท้องแมทเทียสจึงหันไปบอกเด็กทั้งสองว่า
“ลีอา...คาลิน...ลุงจะพาพวกหนูไปดูห้องนอนที่คุณย่าจัดไว้ให้”
ทั้งลักษมีและลักษ์พยักหน้า
“คุ...คุงลุง”
“ฮับ...คุงลุง”
“อืม...แต่ก่อนอื่นลุงอยากให้หนูเรียกลุงว่า ดี๊ขา...อย่างที่มี๊ขาให้หนูเรียกคุณพ่อของหนู...จะได้ไหม”
“แล้วถ้าดี๊ขากลับมาละคะ”
“ลุงก็จะบอกให้ดี๊ขาของลูกเข้าใจ”
“จริงนะคะ...สัญญา?”