เขาผลักร่างเล็กจนเซไปด้านหลัง ลักษณ์นาราถอยจนชิดผนัง ใบหน้าสวยหวานเปื้อนด้วยคราบน้ำตาและแววตาอาบด้วยความหวั่นกลัว เธอเหมือนยืนอยู่บนปากเหวปราศจากที่ยึดเหนี่ยวนอกจากความเข้มแข็งของตัวเองที่หลงเหลือเพียงน้อยนิด แมทเทียสสืบเท้าเข้ามาใกล้ เขาหยัดมุมปากขึ้น มองผู้หญิงตรงหน้าด้วยสายตาหยามเหยียด
“ลิลลี่...รู้ตัวหรือเปล่าว่าตอนนี้คุณดูไม่น่าสงสารเลยสักนิด คุณดูน่าสมเพช ไร้ค่าจนผมคิดว่าเศษฝุ่นเศษดินมันยังมีค่ามากกว่าความชั่วช้าของคุณซะอีก”
“มีอะไรก็พูดมาสิคะ คุณอยากจะบอกอะไรฉันก็พูดมาเลย”
เขาเลิกคิ้วและประสานมือทั้งสองเข้าหากัน กดมันแน่นจนได้ยินเสียงกระดูกข้อนิ้วลั่นก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า
“ที่มานี่เพราะผมจะมาทวงของผมคืน ผมจะเอาสมบัติของผมกลับบ้าน”
“หมายความว่ายังไง?”
เขายักไหล่ “ผมจะพาลูกแฝดของผมกลับบ้าน”
“ไม่นะคะ! ที่นี่เป็นบ้านของพวกแก”
แมทเทียสส่ายหน้าพร้อมยิ้มหยัน “บ้านของลูกคือกรีซต่างหาก”
“ฉันไม่ให้คุณพาลูกไปไหนทั้งนั้น...โอ๊ย!”
ลักษณ์นาราร้องลั่นเมื่อเธอทำท่าจะวิ่งออกไปแต่ถูกแขนหนาใหญ่รั้งไว้และตรึงร่างนั้นในอ้อมกอดที่ทั้งหยาบและแข็งกระด้าง แมทเทียสะกดร่างเล็กไว้กับอกของเขา ถึงจะรู้สึกถึงลมหายใจหอบหนักและรับรู้ถึงความเจ็บปวดของหญิงสาวจากใบหน้าสวยที่คิ้วทั้งสองขมวดมุ่นด้วยความตระหนกตื่นรุนแรง หากเขาจะไม่ยอมผ่อนปรนไม่ว่าจะด้วยคำพูดและการกระทำที่แสดงออกว่าเขาชิงชังเธอมากแค่ไหน
“แมท...ปล่อยฉัน...ไม่!...ฉันจะพาลูกไป ฉันไม่ให้คุณเอาลูกไปจากฉัน”
“ถึงขนาดนี้ยังจะคิดพาลูกหนีไปจากผมอีกงั้นรึ!”
ร่างสูงใหญ่ตะเบ็งเสียงแข่งกับเสียงร่ำร้องของหญิงสาวโดยไม่เกรงใจว่าคนที่อยู่ข้านอกอาจได้ยิน ลักษณ์นาราร้องไห้เหมือนใจจะขาดแต่กลับยิ่งยั่วยุโทสะของแมทเทียสให้ยิ่งเดือดาลมากขึ้นทวีคูณ
“หยุดร้องไห้ ลิลี่...ผมบอกให้หยุด!”
“ไม่!...ไม่!...คุณจะเอาลูกไปจากฉัน...ฉันไม่ยอม ไม่ยอมให้คุณเอาลูกไปไหนทั้งนั้น!”
“ถ้าขืนยังร้องเสียงดังผมจะไม่ให้คุณได้เห็นหน้าพวกแกอีกเลย!”
คำขู่นั้นได้ผล ลักษณ์นาราแทบจะเงียบกรึบ เธอถอนสะอื้นแต่ยังหอบไห้ตัวโยนในอ้อมแขนหนาแกร่ง หญิงสาวกำลังควบคุมสติตัวเองไม่อยู่ เธออ่อนแรงและแทบจะทรุดฮวบตั้งแต่ได้ยินเขาบอกว่าจะพรากหัวใจดวงน้อยไปจากอก ร่างเล็กบางซบใบหน้ากับอกกว้างอย่างไม่ตั้งใจ นั่นเพราะเธออ่อนล้าและหมดหนทางจะขัดขืนต่ออำนาจของแมทเทียสซึ่งหญิงสาวรู้ดีว่าเขาทำได้ทุกอย่างยิ่งกว่าจอมซาตานที่กำลังกระชากวิญญาณจากตัวเธอ
“คุณจะทำอะไรคะแมท...คุณจะทำอะไร...ได้โปรดบอกฉัน...ถ้าคุณจะพาเด็กสองคนนั้นไป ฉันคงต้องตาย ฉันต้องตายแน่ๆ”
“ไม่...ผมจะไม่ทำอะไรแบบนั้นหรอก” เสียงนั้นต่ำลงหากก็เยียบเย็นอย่างน่าหวั่นกลัว “ลิลลี่...ผมคงไม่ให้ผู้หญิงอย่างคุณตายไปง่าย ๆ เสียทีเดียว อย่างน้อยคุณก็ควรได้รับการตอบแทนอย่างสาสม ผมก็แค่อยากให้คุณได้ลองลิ้มชิมความเจ็บปวด ทุกข์ทรมานกับการต้องอยู่แต่เหมือนตาย มีลมหายใจแต่เหมือนใกล้ขาดใจอย่างที่ผมเคยเป็น!”
ชายหนุ่มค่อย ๆ เชยคางหญิงสาวในอ้อมแขนขึ้น ลักษณ์นารามองผ่านม่านน้ำรื้นและเห็นใบหน้าคร้ามคมเคียดขึ้ง นัยน์ตาสีสนิมเหล็กสะท้อนเงาแห่งความแค้นเคียดข้นคลั่ก เขาเปลี่ยนไป หาใช่แมทเทียสคนเก่า หนุ่มช่างฝันที่รักเธอและแสนโรแมนติกคนนั้นราวกับได้ตายจากไปแล้ว หลงเหลือเพียงร่างกายของเขา ทิ้งไว้เพียงเงาของความโกรธแค้นและความพยาบาทราวกับมันฝังแน่นในลมหายใจป่าวร้อนจนแทบละลายเธอให้หลอมเหลวได้ รอยยิ้มเหยียดจุดขึ้นบนริมฝีปากได้รูป
“ผมจะไม่ทวงถามถึงเงินสามสิบล้านที่คุณหลอกเอาจากแม่ของผมไป เพราะผมจะถือว่านั่นเป็นค่าเหนื่อยที่คุณต้องอุ้มเลือดเนื้อของผมไว้ในท้องและต้องเลี้ยงดูพวกแกมาโดยที่คุณเองอาจจะไม่อยากทำอย่างนั้นสักนิดเลยก็ได้ ผมจะถือว่ามันเป็นแค่เศษเงินที่ผมยอมจ่ายให้ผู้หญิงคนหนึ่งเข้ามาทำหน้าที่ของตัวเองแล้วจบหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบแบบเบ็ดเสร็จ คุณได้เงินและผมได้...ชีวิตของผม หลังจากนี้เราจะต่างคนต่างไป”
ลักษณ์นาราส่ายหน้าช้า ๆ “ไม่...แมท...คุณจะทำอะไร”
“ผมจะพาลูกกลับบ้านและจะให้คุณกลับไปพร้อมกันด้วย แต่...มันหมายถึงการที่คุณจะได้เพียงแค่อยู่ใกล้และเห็นหน้าลูกเป็นเวลาหนึ่งปี คุณจะทำอะไรมากกว่านั้นไม่ได้”
“มากกว่านั้น...ไม่ได้...”
“ทุกอย่างอยู่ในสัญญาที่คุณจะได้เห็นและต้องเซ็นยินยอมหลังจากนี้”
“แมท...”
“ไม่มีข้อแม้ ไร้ข้อต่อรอง ไม่มีการอุทร และ...ผมจะไม่รับรู้ถึงการเรียกร้องใด ๆ จากคุณ!”
เขาผลักร่างเล็กบางออกห่าง ลักษณ์นาราเซไปด้านหลังแต่พยายามพยุงร่างกายอ่อนล้าค่อย ๆ ทรุดนั่งลงบนเก้าอี้ เธอได้แต่มองเขาด้วยสายตาอ้อนวอน
“คุณคงยังไม่ให้...พวกเราไปตอนนี้ใช่ไหมคะ?”
ร่างสูงสง่าหยัดยิ้มและยกข้อมือขึ้นดูเวลาบนหน้าปัดนาฬิกาฝังเพชร
“ไม่ใช่ตอนนี้ แต่หลังจากนี้อีกสามวัน”
“สามวัน!...ไม่...ไม่นะคะ”