“แม่ขอโทษ แม่ขอโทษที่ทำให้ลูกต้องลำบาก แม่ขอโทษที่ปกป้องลูกไม่ได้ แม่ขอโทษ”
นางโทษตัวเอง เป็นเพราะสถานะของนางที่ทำให้ญาตาวีต้องเผชิญกับความเกลียดชังของทุกคนในบ้าน ผกากรองโทษตัวเองมาตลอดแต่นางก็ไม่อาจทำให้เรื่องเลวร้ายมันดีขึ้น ทุกอย่างมันดูแย่ลงขึ้นทุกวัน
“แม่ไม่ต้องโทษตัวเองหรอกค่ะ ตาดีใจที่เกิดมาเป็นลูกแม่ ภูมิใจในการเสียสละของแม่ แล้วตาก็ไม่เคยเสียใจเลยที่เกิดมาเป็นลูกของแม่ ตารักแม่นะคะ ตารักแม่ ตาจะทำให้แม่หลุดพ้นจากนรกนี้เองค่ะ ตาสัญญาว่าตาจะทำให้ได้ค่ะ”
ญาตาวีมีจุดมุ่งหมายสำคัญเพียงสิ่งเดียวว่า เธอจะต้องปลดปล่อยอิสรภาพให้แก่ผกากรองให้ได้ เธอไม่ยอมให้มารดาต้องตกนรกบนดินไปตลอดชีวิตแน่นอน “ตาไปหยิบยาให้แม่ก่อนนะคะ เดี๋ยวตาต้องไปบ้านใหญ่ ตาไปช้าคุณพ่อจะโกรธแล้วจะมาทำร้ายแม่อีก”
ผู้พูดรีบรุดลุกขึ้นยืนเดินไปหยิบกล่องปฐมพยาบาลที่ขาดบ้านไม่ได้ ในกล่องนั้นมียาทาแก้ฟกช้ำ ยาแก้ปวด ยาแก้อักเสบ ยาแดง แอลกอฮอล์และยาสามัญประจำบ้านอีกหลายรายการ
ญาตาวีบรรจงทายาลงบนรอยฟกช้ำบนร่างกายของมารดา ตามด้วยยาพาราเซตามอลให้มารดาทานแก้ปวดอีกสองเม็ด เสร็จสรรพจากการดูแลผกากรอง เธอก็รีบเร่งเดินไปยังบ้านหลังใหญ่ตามคำสั่งของบิดาทันที
รณชัยมองร่างของญาตาวีที่เดินเข้ามาในห้องทำงานด้วยสายตาไม่บอกความรู้สึก ตั้งแต่ญาตาวีเกิดมาเขาไม่เคยอุ้มชูให้ความรักและความเอาใจใส่เหมือนกับรัตนามณี ลูกสาวที่เกิดกับนภาพร ภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของเขาเลย แต่เขาก็ยังมีความเป็นพ่ออยู่บ้างที่จะให้เธอใช้นามสกุล สุวรรณเจริญ
“กว่าจะมาได้นึกว่าจะต้องไปอัญเชิญถึงที่อีกรอบ” เสียงห้วนของรณชัยดังขึ้น คนที่กำลังเดินเข้ามาถึงกับสะดุ้งกับน้ำเสียงไม่พอใจของผู้เป็นพ่อ
“ตาทายาให้แม่ค่ะก็เลยมาช้า” ญาตาวีตอบเสียงเบา
“นั่งลง ฉันมีเรื่องจะต้องทำความเข้าใจกับแก” เจ้าของบ้านสั่ง ผู้อาศัยก็ทำตามอย่างว่าง่าย
“ตาก็มีเรื่องจะตกลงกับคุณพ่อเหมือนกันค่ะ”
“ฮ่าๆๆ” รณชัยได้ยินคำพูดของญาตาวีแล้วหัวเราะดังลั่น “อย่างแกเนี่ยนะจะมาตกลงอะไรกับฉัน สำเหนียกตัวเองผิดไปหรือเปล่านังตา”
“ตารู้ค่ะว่า ตาไม่มีสิทธิ์ต่อรองอะไรกับคุณพ่อ ตาแค่อยากให้คุณพ่อเมตตาตากับแม่บ้างก็เท่านั้นเองค่ะ”
ญาตาวีรู้สถานะของตัวเองดีว่าเป็นอย่างไร เธอไม่มีอำนาจในมือที่จะต่อรองกับใครบนโลกนี้ เธอหวังเพียงว่า สิ่งที่ตนจะร้องขอจะสำเร็จ
“แค่นี้ฉันก็เมตตาแกกับแม่ของแกมากแล้ว แกยังจะมาขอร้องอะไรฉันอีก ดีเท่าไหร่ที่ฉันไม่ขายแม่แกให้ไปเป็นอีตัวในซ่อง หัดเจียมตัวไว้ซะบ้างนะแล้วอย่ามาคิดต่อรองอะไรกับฉัน ถ้าฉันโกรธแกขึ้นมาระวังเถอะ แม่แกจะเจ็บตัว”
รณชัยพูดโต้กลับด้วยถ้อยคำรุนแรงและไม่กลัวว่าอีกฝ่ายจะเสียใจมากแค่ไหน เขาขู่ได้เป็นขู่ ทำร้ายได้เป็นทำร้าย ไม่สนใจอะไรทั้งสิ้นนอกจากตัวเอง น้ำตาของญาตาวีแทบเล็ดกับคำพูดบาดหัวใจของบิดา
“คุณพ่อมีอะไรจะตกลงกับตาคะ” เธอเบี่ยงเข้าประเด็น
“คืนนี้แกจัดเตรียมกระเป๋าให้เรียบร้อย พรุ่งนี้ฉันจะพาแกไปประเคนเป็นนางบำเรอให้คุณสิงห์”
คำพูดง่ายๆ ของบิดาเรียกความเสียใจให้กับคนเป็นลูกไม่น้อย ลำคอเล็กรู้สึกแห้งผาก หัวใจมันถูกบีบอัดจนเจ็บปวดไปหมด รู้สึกอดสูกับชีวิตในวันพรุ่งนี้ของตนที่จะไม่เหมือนเดิม ดวงตาร้อนผ่าว ไม่รู้ว่าต้องใช้ความอดทนกี่มากน้อยในวันพรุ่งนี้ แต่เธอก็ต้องทนเพื่อแม่ของเธอ
“ค่ะคุณพ่อ” ญาตาวีรับคำสั่งเสียงเบาหัวใจสาวรวดร้าวไปทั้งทรวง
“ฉันจะบอกแกเอาไว้นะว่า อย่าได้ขัดขืนหรือทำให้คุณสิงห์ไม่พอใจเด็ดขาด แกต้องเอาใจเขาให้มากๆ เพราะคุณสิงห์เป็นเจ้าของเงินก้อนโตที่ฉันอยากจะได้มากอบกู้ธุรกิจ แล้วถ้าเกิดแกทำให้ทุกอย่างมันพังล่ะก็ ฉันจะฆ่าแม่แกให้ทรมานที่สุด แล่เนื้อเอาเกลือทา ให้แม่แกส่งเสียงร้องจนกว่าจะขาดใจตาย เข้าใจไหม!”
รณชัยสั่งและข่มขู่ญาตาวี ที่ได้ฟังคำขู่ของผู้เป็นพ่อแล้วใจเต้นแรง แล้วรู้ดีว่ารณชัยพูดจริงทำจริง ซึ่งเธอก็ไม่มีวันทำให้มารดาต้องเจ็บตัวแน่นอน ญาตาวีจะอยู่ในนรกจนกว่าบิดาจะใช้หนี้สินหมด ไม่ว่านานแค่ไหนเธอก็จะทน
“ตาทราบค่ะคุณพ่อ ตาจะทำตามที่คุณพ่อต้องการทุกอย่าง ตาจะไม่ขัดขืนคุณสิงห์ จะตามใจเขาตามที่คุณพ่อบอกค่ะ แต่ตามีเรื่องจะขอร้องคุณพ่อเรื่องนึงคะ” ญาตาวีไม่แน่ใจว่า สิ่งที่เธอกำลังจะขอบิดานั้นจะได้หรือไม่ แต่ถ้าไม่ลองก็ไม่รู้ไม่ใช่หรือ
“อะไร” เสียงห้วนของรณชัยถามกลับ
“ถ้าวันใดที่คุณพ่อใช้หนี้คุณสิงห์หมดแล้ว ได้โปรดปล่อยแม่กับตาให้เป็นอิสระได้ไหมคะ ถือว่าข้อตกลงระหว่างแม่กับคุณพ่อเป็นอันยุติ ตาขอแค่นี้ค่ะคุณพ่อ ตาจะทนเป็นนางบำเรอให้กับคุณสิงห์จนกว่าจะถึงวันนั้น”
รณชัยอึ้งไปชั่วขณะกับคำขอร้องของลูกสาวคนเล็ก เขาไม่คิดมาก่อนว่าญาตาวีจะกล้าขอร้องเขาเช่นนี้ แต่ในเมื่อเธอกล้าขอเขาก็กล้าให้ เนื่องจากสิ่งที่ตนเองได้รับในครั้งนี้ มันคุ้มเกินคุ้ม คนที่ขาดทุนคือผกากรองกับญาตาวี อีกประการหนึ่งมันก็ถึงเวลาที่เขาจะปลดปล่อยสิ่งมีชีวิตที่ไร้ค่าไปจากตัวเองเสียที หลังจากที่เก็บเอาไว้เป็นหนามทิ่มแทงใจกับทุกคนในตระกูลมาเนิ่นนาน