บทนำ (5)

1517 Words
ก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูเบาๆ ในยามดึกทำให้ร่างเล็กผุดลุกขึ้นนั่งด้วยความตกใจ หันไปมองลูกชายที่นอนอยู่อีกมุมของห้องที่ยังหลับปุ๋ย ก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก ก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะดังขึ้นอีกครั้งเมื่อเธอยังลังเลที่จะเดินไปเปิดประตู แต่ครั้นนึกได้ว่าจะเปิดหรือไม่ คนที่อยู่หลังประตูก็สามารถเข้ามาในห้องนี้ได้อยู่ดีถ้าเพียงเขาต้องการ นั่นจึงทำให้เธอเดินแผ่วเบาไปเปิดประตูให้เขา และทันทีที่สิ่งกีดขวางหายไป คนมาเยือนยามวิกาลก็รีบดันร่างเล็กเข้าไปในห้อง กระชากประตูปิดล็อกกลอนอย่างว่องไว แล้วช้อนอุ้มร่างบอบบางพาไปวางลงบนเตียงอย่างเร็วรี่ “อย่าทำแบบนี้นะคะคุณสาม” มือบางดันอกเขาไว้พัลวัน เมื่อคนที่มาเคาะประตูห้องยามดึกไม่พูดพร่ำทำเพลง กระโจนใส่เธออย่างกับเสือที่ซุ่มดักรอเหยื่อมานานจนหิวซก “ทำไม” เขาชะงักก่อนจะถามเสียงต่ำ ทำให้คนฟังรู้ได้ทันทีว่าเขากำลังไม่พอใจ “เราไม่ได้เป็นอะไรกัน” “งั้นฉันคงต้องทำให้เธอดูว่าเราเป็นสินะ” เขาทำท่าจะก้มลงมาหาอีก แต่เธอก็ยกมือขึ้นปิดปากหยักไว้ “คุณแต่งงานแล้วนะคะ” “แล้วไง ฉันไม่เคยแตะต้องผู้หญิงคนนั้นสักครั้ง ที่ฉันยอมแต่งก็เพราะฉันต้องการอยู่กับเธอ ในเมื่อผู้หญิงคนนั้นอยากแต่งกับฉันมากจนตัวสั่นและใครๆ ก็เห็นดีเห็นงามด้วย ฉันก็ยอมแต่งแล้วไง จะมาเรียกร้องอะไรอีก ความรักของฉันไม่ได้มีเรี่ยราด ฉันรักเธอ ก็หมายความว่าฉันมีแค่เธอคนเดียวเท่านั้น” หญิงสาวน้ำตาไหลด้วยความตื้นตัน หมดคำพูดจะเอ่ยอ้างปฏิเสธเขา ได้แต่อ่อนระทวย เปลือยเปล่าอยู่ในอ้อมแขนอันอบอุ่น ยอมตามใจให้เขาดึงทึ้งเสื้อผ้าออกไปจนหมด คุณเล็ก หรือ คุณสามของเธอยิ้มชอบใจเมื่อเห็นคนตัวเล็กสิ้นฤทธิ์ในอ้อมแขน เขากดจูบที่ซอกคอขาวผ่องเบาๆ ทำท่าจะเลื่อนลงมาหาอกอวบอิ่มที่ยังคงพองใหญ่เนื่องจากต้องให้น้ำนมลูกชาย อีกนิดที่ปากหนาจะก้มลงมาสัมผัสได้อยู่แล้ว “อย่าค่ะ เดี๋ยวลูกตื่น” คำเตือนนั้นทำให้เขาหันไปมองที่มุมห้อง ใช่ว่าเขาจะไม่สนใจลูก แต่ความคิดถึงเมียมันก็มากล้นเหลือเกิน ชายหนุ่มยอมก้าวลงจากเตียง เสื้อผ้าบนตัวเขายังอยู่ครบแม้จะยุ่งยับไปหน่อยจากเหตุการณ์เมื่อครู่ก็ตาม “ไง ไอ้เสือน้อยของพ่อ” เสียงทุ้มเอ่ยนุ่มนวลพร้อมกับรอยยิ้มมุมปาก ใจอยากจะยกร่างเล็กขึ้นมากอดและหอมแก้มสักฟอด แต่ก็กลัวไอ้ตัวเล็กจะตื่นมางอแง จึงได้แต่ก้มลงหอมหน้าผากเล็กนั้นเบาๆ คนเป็นเมียและแม่ของลูกผุดขึ้นมานั่ง พร้อมกับรวบผ้าห่มมาปิดบังเรือนร่างอวบอิ่มไว้ หากก็ไม่พ้นสายตาเขาที่ตวัดกลับมามองจนทันเห็น ร่างสูงลุกขึ้นเดินห่างออกมาจากเปลของลูกชาย เขาเดินกลับมาที่เตียงช้าๆ พร้อมกับปลดกระดุมเสื้อนอนแบบเชิ้ตไปด้วย ทีละเม็ด ทีละเม็ด เร้าอารมณ์คนมองชะมัด! “ไม่ใช่ไม่เคยเห็นนะ” น้ำเสียงเขามีแววขบขันเมื่อเห็นดวงตากลมโตยิ่งโตเข้าไปใหญ่ “คุณสามบ้า” สาวน้อยที่กลายเป็นผู้ใหญ่เต็มตัวว่าแค่นั้น ก่อนจะล้มตัวลงนอนหันหลังให้เขาพร้อมกับดึงผ้าห่มคลุมโปง แต่ก็ถูกเขาจับพลิกกายให้มานอนหงาย พร้อมกับร่างแกร่งที่คร่อมอยู่ด้านบน โดยที่เขาก็อยู่ใต้ผ้าห่มผืนเดียวกันกับเธอ มุดเข้ามาได้! “หนูง่วงแล้วนะคะ วันนี้ลูกชายคุณงอแงทั้งวัน” “ก็นอนไปสิ ไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย” “คุณสามก็ปล่อยสิคะ” “ขออย่างอื่นเถอะ” เขาว่าแค่นั้นแล้วก็ก้มลงมาหา แต่ไม่ได้ก้มลงมาหาริมฝีปากหรือทรวงอวบอิ่มที่ยังอยู่ในระยะให้นมบุตร กลับขยับกายลงไปใกล้หน้าท้องแบนราบและก้มลงไปหาจุดนั้น จุดที่เขาและเธอเคยหลอมรวมเป็นคนคนเดียวกันจนนับครั้งไม่ถ้วน “คุณสามอย่าค่ะ อย่าจูบตรงนั้น” “ไม่ จะจูบตรงนี้” เขาบอกเสียงอู้อี้ก่อนจะกดริมฝีปากลงไปหนักๆ เกิดมาเขาก็ไม่เคยทำอะไรแบบนี้ แต่นี่คือผู้หญิงที่เขารักที่สุดรองจากแม่ แค่นี้ยังน้อยไปกับการที่เธอเสียสละทั้งชีวิตให้เขา ลิ้นสากลากไล้เลียยังจุดกึ่งกลางกายสาวโดยไม่สนใจแรงขัดขืนน้อยนิดของเธอที่ต่อต้านเขา แน่ล่ะก็ที่ผ่านมาเขาโหมโรงแบบเบาๆ อาจจะจูบลูบคลำเธอไปทุกสัดส่วน แต่ก็ไม่ได้สร้างความรัญจวนด้วยการเคล้าคลึงที่จุดโฟกัสจนเธอขนลุกซู่แบบนี้ “อื้อ พอเถอะนะคะ...อ๊า...” เสียงสั่นระริกบอกเขา ราวกับอยากให้เพลาๆ แรงลิ้นที่พลิ้วไหวลงไปบ้าง ก่อนที่เธอจะถอนหายใจด้วยความโล่งอกพร้อมอาการเหนื่อยหอบ เมื่อใบหน้าหล่อเหลาเคลื่อนกายขึ้นมาส่งยิ้มให้อยู่ในระดับเดียวกัน จากนั้นก็กดจูบดูดดึงริมฝีปากอิ่มที่เขาหลงใหลราวกับห่างหายไม่ได้พานพบกัน ทั้งที่ความจริงเขารังแกเธอไม่เคยห่างในยามมีโอกาส เขาเหมือนคนอยากเอาชนะที่อยากแข่งกันกับลูกเพื่อคลอเคลียเธอยังไงยังงั้น ดูได้จากการที่เขากำลังดูดกลืนน้ำในอกสีขาวขุ่นเข้าปากอย่างไม่ออมแรง แย่งลูกกินอีก! สติสตังของคนทั้งคู่เตลิดไกล ทุกอย่างเกิดขึ้นใต้ผ้าห่มผืนเดียวกัน จากนั้นมหกรรมผีผ้าห่มก็เริ่มต้นอย่างเร่าร้อนและจบลงอย่างนุ่มนวล ทุกขั้นตอนดำเนินไปอย่างแผ่วเบา มีเพียงเสียงครางอ่อนแรงที่ดังขึ้นเป็นระยะๆ “อา...” สาวน้อยเมื่อสิบเอ็ดปีที่แล้ว ตอนนี้เป็นสาวเต็มวัยและเป็นแม่ของเด็กชายอายุสิบขวบที่พอจะเรียนรู้และเข้าใจความไม่สมบูรณ์ของคำว่าครอบครัวพ่อแม่ลูกได้บ้างแล้ว เธอเงยหน้าขึ้นมามองด้วยความแปลกใจ เมื่อเห็นคนที่สามารถอยู่ในคฤหาสน์หลังนี้อย่างสง่าราศีในฐานะสะใภ้แต่ง เดินอุ้ยอ้ายเข้ามาหาจนถึงเรือนพักหลังเล็กของเธอและลูกชาย “สะใจเธอล่ะสิที่ฉันจะเดินออกไปจากที่นี่เสียได้ แต่บอกไว้เลยนะว่าฉันไม่ได้แพ้เธอ ลูกฉันจะต้องอยู่ที่นี่ ไม่ใช่ลูกเธอ นังไพร่!” คนที่คิดว่าตัวเองสูงส่งมองหญิงสาวที่นั่งน้ำตาไหลบนพื้นด้วยสายตาหยามเหยียด หลังจากพ่นถ้อยคำบาดใจทั้งที่ตัวเองเป็นฝ่ายมาทีหลัง “คุณวิพูดเรื่องอะไรคะ” อดถามออกไปไม่ได้ เมื่ออยู่ดีๆ ก็ถูกกล่าวหาโดยไม่ทราบสาเหตุ “อย่ามาตอแหล เพราะเธอ ชีวิตฉันถึงต้องเป็นแบบนี้ อย่าหวังเลยว่าฉันจะปล่อยให้เธอเสวยสุขได้ง่ายๆ” ผู้มาเยือนว่าแค่นั้น ก่อนจะเดินนวยนาดออกไปทั้งที่ท้องโตใกล้จะคลอดในอีกไม่กี่วันนี้ ปล่อยให้เจ้าของสถานที่ได้แต่นั่งน้ำตาไหลด้วยความเจ็บปวดใจ โดยที่ไม่รู้เลยว่าใครได้แอบยืนดูเหตุการณ์ตั้งแต่ต้นจนจบ เด็กน้อยค่อยๆ ขยับกายออกมาจากที่ซ่อน มือเล็กกำแน่นอยู่ข้างลำตัว มันห้ามไม่ได้จริงๆ กับความโกรธที่อัดแน่นจนจุกในตอนนี้ นานเป็นครู่กว่าที่เขาจะระงับอารมณ์แค้นแบบเด็กๆ ได้ แล้วจึงวิ่งเข้าไปกอดมารดาที่นั่งร้องไห้กระซิกๆ “แม่ครับ” เสียงเรียกของลูกทำให้หญิงสาวเข้มแข็งขึ้น เธอรีบเช็ดน้ำตาก่อนจะกอดตอบเขาแนบแน่น “แม่ร้องไห้” เด็กน้อยไม่เชื่อรอยยิ้มฝืนๆ ที่มารดาส่งให้สักนิด “แม่หยุดร้องแล้วลูก” “รักแม่ครับ” “แม่ก็รักหนูนะ” สองแม่ลูกบอกรักกัน ก่อนจะกอดกันกลมแน่นอีกครั้ง “ทำไมพ่อไม่มาหาเราเลยครับ” เด็กชายตัวน้อยถามหาบิดาที่เขายังไม่ได้เห็นหน้าเลยตลอดสัปดาห์มานี้ “คุณพ่อทำงานอยู่นะลูก พ่อรักหนูมากนะครับ เข้าใจคุณพ่อนะครับคนเก่ง” เธอปลอบลูกเสียงแผ่ว ทั้งที่ในใจก็เจ็บแปลบไม่ต่างกัน ด้วยรู้ดีว่าเหตุผลที่เขามาหาบ่อยๆ ไม่ได้คืออะไร แต่ก็ต้องยอม เพื่อแลกกับความสุขที่รออยู่ปลายทาง ทั้งที่ไม่รู้ว่าวันนั้นจะมีอยู่จริงไหม สิ่งที่ทำได้ตอนนี้ก็มีเพียง…ความหวัง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD