ตอนที่ 10 น่ากัด
ด้วยความที่ทิวาไม่ใช่คนช่างพูด เมื่อเข้าห้องน้ำเสร็จทั้งเธอและลิกไนต์จึงเดินไปด้วยกันอย่างไร้จุดหมาย น่าแปลกที่ความเงียบระหว่างทั้งคู่ไม่ได้ทำให้ทิวารู้สึกอึดอัดเลยแม้แต่น้อย
เสียงเพลงที่เปิดทั่วบริเวณหน้ามอดูเหมือนจะช่วยตัดเสียงรบกวนอื่นๆ ไปจนหมด
“หืม?” ลิกไนต์เลิกคิ้วมองทิวาเมื่อเห็นว่าอยู่ดีๆ เธอก็หยุดเดิน
“เอ่อ เราจะไปไหนกันคะ”
ออกจากห้องน้ำมาก็เดินไปด้วยกันโดยไม่ได้พูดอะไร ทิวาไม่รู้ตัวเลยว่าขณะที่เธอให้ความสนใจกับข้าวของที่มีขายในตลาดนัด ลิกไนต์เองก็เดินตามมาโดยไม่พูดอะไร จนกระทั่งเสื้อที่ผ่านการล้างคราบไอศกรีมออกเริ่มแห้งแล้วเธอถึงเพิ่งตระหนักได้ว่าไม่ได้อยู่คนเดียว
“...” เขาอยากจะยกมือยีหัวผู้หญิงข้างตัว เธอจะถามด้วยสายตาไร้เดียงสาอย่างนี้ได้ยังไง ทำเหมือนเขากำลังหลอกเธอไปขายอย่างนั้นแหละ ต้องเป็นเขาไม่ใช่เหรอที่ควรถามว่าเธอกำลังจะไปไหน
แล้วเขาเดินตามเธอมาทำไม...
เขาเองก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน
“ฉันเดินตามเธอมา”
ทิวาเบิกตากว้าง “เดินตามฉันมาทำไม”
“...” มุมปากของชายหนุ่มกระตุกขึ้นอย่างควบคุมไม่ได้ ปลายนิ้วชี้เสื้อที่กำลังสวมอยู่ “ดูเหมือนว่าต้องมีคนรับผิดชอบ”
ความหมายคือเธอควรจะรับผิดชอบในเรื่องนี้
แต่...จะรับผิดชอบยังไง
“แหะๆ ให้ฉันซื้อตัวใหม่ให้มั้ย” ในฐานะคนที่ไม่เคยซักผ้าด้วยตัวเองมาก่อน วิธีแก้ไขปัญหาที่ดีที่สุดคือการซื้อของใหม่
ลิกไนต์ไม่รู้ว่าในหัวของเธอมีอะไรบ้าง “แค่เสื้อผ้าเปื้อนไอศกรีมต้องซื้อใหม่เลยหรือไง”
“เอ่อ...ถ้างั้นให้ฉันทำยังไง”
“ซัก” เห็นท่าทางกระอักกระอ่วนของเธอแล้วอดโมโหนิดๆ ไม่ได้
“...” เพียงแค่มองปราดเดียวก็รู้แล้วว่าเสื้อผ้าที่เขาสวมอยู่ไม่ใช่แบรนด์ที่มีทั่วไปตามท้องตลาด ถ้าเธอซักไม่ถูกต้องขึ้นมา ไม่เห็นต่างกับการซื้อให้เขาใหม่เลย อย่างไรก็ตามคนอย่างทิวาจะไม่พูดอ้อมค้อมมากนัก “ฉันซักไม่เป็น”
ดูเหมือนการคาดเดาของลิกไนต์จะถูกต้อง ผู้หญิงคนนี้ซักผ้าไม่เป็น
“ซักไม่เป็นก็ต้องหัดไว้” ไม่รู้ว่าเมื่อคืนเขาตาบอดขนาดไหนถึงไปคว้าลูกคนรวยบ้านอื่นมา ดูจากอากัปกิริยาแล้วเธอคงไม่เคยทำงานหนักเลยแม้แต่น้อย
น้ำเสียงดุของลิกไนต์ทำให้ทิวาหดคอลง ใจจริงอยากจะแหวกลับไปแต่ก็เพราะความรู้สึกผิดที่ทำเสื้อเขาเปื้อนจึงพยายามอ่อนน้อมให้มากที่สุด
คุณหนูทิวาแม้จะไม่เคยทำงานหนักแต่ก็ไม่เคยทำนิสัยแย่ๆ ใส่ใครเหมือนกัน
“หรือจะให้ฉันถอดเสื้อตรงนี้”
ถอดเสื้อ!!!
ทิวาเบิกตากว้าง ลอบกลืนน้ำลายเมื่อจินตนาการถึงรูปร่างของผู้ชายตรงหน้า แต่ทันใดนั้นก็ถูกเรียกสติขึ้นมาเมื่อผู้ชายตรงหน้าเคาะปลายนิ้วใส่หน้าผากเธอ
เจ็บ...
ทิวายกมือคลำหัวป้อยๆ
เอาล่ะ ในฐานะของคนช่างจินตนาการเธอไม่อยากปฏิเสธการมองรูปร่างของผู้ชายหล่อเหลาอย่างลิกไนต์ ทว่าเพื่อคีพลุคกุลสตรีไทยสมองจึงทำงานอย่างหนักในทันที
“โอเคค่ะ เดี๋ยวกลับไปแล้ววาจะช่วยซักเสื้อให้ แต่คุณอย่าดุวานะ เพราะวาไม่รับประกันว่ามันจะกลับมาเนี้ยบเหมือนเดิม แต่ถ้าคุณเปลี่ยนใจก็ให้วาซื้อตัวใหม่ให้น่าจะง่ายกว่า”
ประโยคยาวพรืดที่ผ่านการกลั่นกรองออกมาทำให้ลิกไนต์ชะงัก ทันใดนั้นเขาก็เลิกคิ้วพร้อมกับสายตาพิกลเมื่อคิดแผนการบางอย่างขึ้นมาได้
“ดี...แต่เสื้อตัวนี้ไม่มีขายในประเทศไทย ดังนั้นถ้ามันพังขึ้นมาเพียงแค่ซื้อคงชดใช้ไม่ได้...”
“ไม่มีขายเหรอ” เธอถามเสียงสูง จะไม่มีขายได้ยังไง
ลิกไนต์ระตุกมุมปาก เธอคิดว่าเสื้อที่สั่งตัดพิเศษจากห้องเสื้อชื่อดังระดับโลกจะสามารถหาซื้อได้ง่ายขนาดนั้นเลยหรือไง
“ความจริงแค่เปื้อนคราบไอศกรีมก็ทำให้ใยผ้าเสียหายแล้ว” เขาว่า “ถ้าซักไม่ดี...ฉันจะให้เธอฝึกจนกว่าจะชำนาญด้วยการซักเสื้อผ้าให้ฉันสักสามเดือนเป็นไง”
ค่าจ้างแม่บ้านสามเดือนยังไม่ได้ค่าเสื้อตัวเดียวของเขาเลย แต่เพื่อแผนในการแก้ปัญหาที่ตัวเองก่อเมื่อคืน เขาต้องเก็บเธอไว้ใกล้ๆ อย่างน้อยก็จนกว่าพิษมันจะไม่ทำให้เกิดเรื่องใหญ่
ทิวากัดริมฝีปาก ท่าทางน่าสงสารเหมือนกระต่ายน้อยถูกรังแกจนลิกไนต์รู้สึกผิดเล็กน้อย
แต่ถ้าหากลิกไนต์รู้ว่าความจริงแล้วในใจเธอกำลังโลดแล่นเพราะไม่ต้องเสียเงินสักบาทเดียว บางทีเขาอาจเปลี่ยนความคิด
เนื่องจากในความคิดเธอ ยังไงเสื้อตัวนี้ก็จะต้องพังเพราะความไม่ชำนาญของเธอ ขณะเดียวกันหากให้เธอซักผ้าให้เขา อีกทั้งแผนการในการหนีออกมาอยู่คนเดียว ยังไงก็ต้องมีการสำรองค่าใช้จ่ายไว้เสมอ
อืม...การอยู่ใกล้หนุ่มหล่อแม้ว่าจะในฐานะแม่บ้านก็ถือว่าคุ้มค่าในการแอบมองอาหารตา
และถ้าเขารู้ว่าถูกทิวามองในฐานะอาหารตา ไม่รู้ว่ายังอยากเสนอเงื่อนไขนี้หรือเปล่า
หมาป่าเจ้าเล่ห์ที่คิดว่าตัวเองวางแผนมาอย่างดีเพื่อจัดการกับสาวน้อยตรงหน้าไม่เคยรู้ตัวเลยว่าเขากำลังจะกลายเป็นที่หลบภัยของเธอ
“ตกลง ให้วาทำงานให้ตอนไหนดี”
“คืนนี้”
“โอเค”
“...” จู่ๆ ลิกไนต์ก็รู้สึกถึงลางสังหรณ์แปลกประหลาดในใจ ทำไมเธอถึงตอบตกลงง่ายขนาดนี้
ไม่กลัวเหรอว่าเขาจะหลอกเธอมาทำอะไรมิดีมิร้าย
“กลับเลยมั้ยคะ” ทิวาถาม
เขาหลุดปากโดยไม่ทันได้คิดด้วยซ้ำ “อืม...”
“รถอยู่ไหนคะ”
“ตามมา”
ทิวาพยักหน้า เดินตามเขาไปอย่างไม่อิดออด นี่ยิ่งทำให้ลิกไนต์รู้สึกผิดปกติอย่างมาก
“เดี๋ยวก่อน” เขาหยุดฝีเท้ากะทันหันจนทิวาซึ่งกำลังเหม่อหน้ากระแทกกับแผ่นหลังเขาเต็มๆ
หอม...
ดวงตาของเธอเป็นประกาย เพิ่งรู้ว่ากลิ่นน้ำหอมผู้ชายหอมขนาดนี้
“อ๊ะ ขอโทษ มีอะไรเหรอ”
เขาอยากจะถามว่าเธอเจ็บหรือเปล่า แต่พอเห็นสีหน้าไร้เดียงสาของทิวาก็อดถอนหายใจเหมือนคนแก่ไม่ได้ “เธอไม่กลัวฉันจะพาไปทำอะไรไม่ดีเหรอ”
ทิวากะพริบตาปริบๆ พยายามจูนสมอง
เอาล่ะ...จริงอยู่ที่พ่อเคยสอนว่าผู้ชายนอกจากคนในครอบครัวแล้วคนอื่นๆ ไม่มีอะไรดี แต่สำหรับเขาแล้วเธอไม่เห็นสายตาที่น่าขยะแขยงจากเขาสักนิด
อีกอย่างเธอป้องกันตัวเองได้ในระดับหนึ่งหากมีอะไรไม่ชอบมาพากล
คนอย่างเธอมีเซนส์ที่ค่อนข้างพิเศษ เพราะสามารถสัมผัสถึงนิสัยใจคอคนได้จากกลิ่นตัว เอ่อ...ไม่ใช่กลิ่นตัวที่ออกมาจากร่างกาย แต่มันเหมือนเป็นกลิ่นที่มาจากจิตวิญญาณของคน
เพราะตอนเด็กทิวามักถูกคนอื่นรังแก เธอจึงอาศัยความรู้สึกพิเศษนี้ในการคัดกรองผู้คนรอบตัว
อีกอย่างตัวเขาหอมสะอาดมาก...กลิ่นสัมผัสได้ทำให้เธอคันเขี้ยว
อยากกัด...
โดยไม่รู้ตัวเลยว่าความคิดนี้ผิดปกติ ทิวาตอบกลับอย่างมั่นใจ “ไม่กลัว”