ตอนที่ 7 หมูกระทะร่วมสาบาน EP.1

1995 Words
ตอนที่ 7 หมูกระทะร่วมสาบาน EP.1 Our Café เป็นร้านกาแฟที่ค่อนข้างใหญ่ เนื่องจากได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก จึงทำให้เริ่มขยายไปยังชั้นสองเพื่อรองรับคนได้มากขึ้น เมื่อทั้งสามคนขึ้นไปยังชั้นสองก็พบว่ามีคนกลุ่มใหญ่กำลังคุยกันอยู่ตรงที่นั่งติดระเบียง ในบรรดาคนเหล่านั้นส่วนใหญ่เป็นผู้ชายที่คุ้นหน้ากันดีและเพื่อนผู้หญิงที่ทิวาไม่รู้จักอีกสองคน แต่เมื่อสังเกตดีๆ แล้วทิวาก็ต้องแปลกใจ เพราะคนที่หน้าหวานคล้ายผู้หญิงคนหนึ่งกลับเป็นสาวข้ามเพศซึ่งสวยเกินกว่าจะมองข้ามไป รวมทั้งในหมู่ผู้ชายยังมีเพื่อนคนหนึ่งที่ทิวาจำได้ว่าเป็นชายข้ามเพศอีกหนึ่งคน ทิวาไม่ค่อยแปลกใจเพราะเมื่อก่อนคณะวิศวะมักจะมีนักศึกษาชายเป็นคนส่วนใหญ่ หากเป็นผู้หญิงที่มาเรียนก็จะเป็นสาวห้าวหรือไม่ก็ทอมบอย แต่ช่วงหลังมานี้เท่าที่เธอคอยสังเกตดู พบว่ามีรุ่นพี่ที่เป็นกะเทยไม่น้อย อืม...ทิวามักจะเรียกสาวข้ามเพศเหล่านี้ว่าเพื่อนสาว หรือพี่สาวเพื่อเป็นการให้เกียรติ เพราะพี่เลี้ยงของเธอคนหนึ่งก็เป็นสาวข้ามเพศชื่อว่าพี่พาย ซึ่งแม่มักจะแซวว่าพี่พายไม่ใช่พี่เลี้ยงธรรมดาแต่เป็นพี่เลี้ยงนางงาม เมื่อคิดถึงพี่เลี้ยงซึ่งแก่กว่าเธอสิบปีทิวาก็แอบคิดถึงนิดหน่อย เพราะเสื้อผ้าหน้าผมทุกอย่างจะถูกจัดเตรียมโดยพี่พายเสมอ กระทั่งทิวาเข้าเรียนมหาวิทยาลัยพี่พายก็ลาออกไปสานฝันในการเป็นช่างแต่งหน้าประจำกองถ่าย ทำเอาทิวาร้องไห้ตาบวมปูดไปพักหนึ่งเพราะพี่พายเป็นคนเดียวที่ทิวาสนิทที่สุดในบ้าน และเพราะเหตุนี้เมื่อทิวาขอย้ายออกมาอยู่คนเดียวแม่กับพ่อเลยไม่พยายามขัดขวางมากนัก เนื่องจากกลัวว่าทิวาจะหนีออกจากบ้านไปจริงๆ ตามที่เคยขู่ เอาล่ะ...เธอไม่ใช่เด็กดีในโอวาท แต่เป็นเด็กดื้อที่พร้อมกบฏได้ทุกเมื่อ แน่นอนว่าโลกแห่งการเรียนมหาวิทยาลัยทำให้เธอโบยบินสู่อิสรภาพ สำหรับเพื่อนผู้หญิงที่มีหัวใจห้าวหาญเหมือนชายหนุ่ม ทิวาจำได้ว่าอีกฝ่ายชื่อเพชร เป็นคนหนึ่งที่ทำคะแนนได้ค่อนข้างสูงในตอนแอดมิชชันจนพี่ปีสองต่างก็พูดถึง ความจริงเพชรเป็นคนที่หน้าตาธรรมดา แต่ด้วยบุคลิกที่สุภาพกับทุกคนทำให้เข้ากับเพื่อนคนอื่นได้ง่าย จนกลายเป็นตัวเต็งประธานเมเจอร์ของรุ่น “หวัดดีสามสาว สั่งอะไรแล้วใช่มั้ย” คนทักคือกวิน ผู้ชายคนที่นั่งข้างเธอเมื่อตอนเรียนแคลคูลัส ไม่รู้ว่าเป็นเพราะสัญชาตญาณที่จู่ๆ ก็ดีขึ้นมาของเธอหรือเปล่า เพราะทิวาเหลือบไปมองไหมกับมุก พบว่าหน้ามุกขึ้นสีเรื่อเล็กน้อย “สั่งแล้วจ้า ดีใจจังมีคนมาเยอะเลย” ไหมรีบตอบแล้วดึงเพื่อนให้นั่งลง แน่นอนว่าที่ที่เว้นข้างกวินกลายเป็นที่ของมุก ซึ่งกลายเป็นใบ้ชั่วขณะ กา...กาวิน...กวิน ทิวาเลิกคิ้ว ปรากฏว่าเปิดเทอมมามุกก็เจอคนที่ชอบแล้ว เรียกได้ว่าล้ำหน้ากว่าชาวบ้านไปเยอะเลยทีเดียว เพื่อนสาวคนสวยที่ทิวาสะดุดตาตั้งแต่แรกเหลือบมองทั้งสามคนที่มาใหม่ สีหน้าไม่ยินดียินร้ายแต่ก็ไม่ถึงกับหยิ่ง ท่าทางนิ่งๆ ทำให้ไม่มีใครกล้าทักอะไร กลายเป็นเพชรเสียอีกที่ถามขึ้นด้วยเสียงที่แหบเล็กน้อย “ยังไม่ได้กินข้าวกันใช่มั้ย” “ยังเลยจ้า แอบหิวเหมือนกัน” ไหมยิ้ม กวาดสายตามองเพื่อนคนอื่นแล้วก็หยุดที่กวิน “กวินนัดกินนมแล้วไปไหนต่อหรือเปล่า” หนุ่มหล่อประจำเซคเลิกคิ้ว เหลือบตามองทิวาแวบหนึ่งก่อนจะตอบไหม “เราคุยกันว่าจะไปกินหมูกระทะอะ ไปกินด้วยกันมั้ย” ทิวาหูตั้ง กะพริบตาปริบๆ หันไปมองมุกกับไหม ไปสิไป หิวจนจะกินควายได้ทั้งตัวแล้ว มุกซึ่งได้ยินคำชวนตาเป็นประกาย หากแต่ไหมกลับให้คำตอบที่ทำเอาสองสาวแทบใจสลาย “แหะๆ ช่วงนี้ไหมไดเอตอะ แค่กินของหวานนี่ก็แคลลอรี่เกินแล้ว” “...” ทิวากับมุกมองกันตาละห้อย เพราะเธอทั้งสองคนไม่ได้เอารถมา มุกรวบรวมความกล้าตอบเสียงแผ่ว “พอดีเรามากับไหม ไปคงไม่สะดวกเท่าไร เอาไว้โอกาสหน้านะ” “เสียดายจัง ว่าจะชวนไปกินหมูกระทะร่วมสาบาน” เพื่อนผู้ชายคนหนึ่งพูดขึ้นมา “ใช่ๆ ร้านของเจ๊มิลล์เพิ่งเปิดหน้ามออะ ช่วงเปิดเทอมใหม่ราคานักศึกษาเขาลดให้ด้วยนะ” “นั่นสิ กินวันนี้วันเดียว วันอื่นค่อยลดก็ได้นะไหม” อีกคนช่วยเชียร์ “เอ่อ...ทิวาว่ายังไง” ว่ายังไง? ยังต้องถามเธออีกเหรอ? ถ้าทิวาเป็นลูกหมา ตอนนี้เธอกำลังนั่งกระดิกหางรอตับบดจานใหญ่ตรงหน้า น้ำลายแทบจะไหลถึงตีนแล้วนะ! ทันใดนั้นทุกสายตาก็มองมาที่ทิวาซึ่งกำลังเลียปากโดยไม่รู้ตัว “...” ทิวากะพริบตาปริบๆ ก่อนจะหัวเราะเขินแล้วพึมพำว่า “เราตามใจไหมเลย แต่เราก็หิวนิดหน่อย แหะๆ” ไหมมีท่าทีลำบากใจ “ไหนๆ ก็นัดเจอกันครั้งแรกแล้ว ไปก็ได้” “งั้นดีลละนะ มิลล์จะบอกที่ร้านไว้” เจ๊มิลล์ หรือมิลลิเมตร เพื่อนสาวร่างชายแต่ใจเป็นหญิงพูดเสียงแหลมเล็กน้อย ใบหน้าที่ก่อนหน้านี้ค่อนข้างเฉยเมยปรากฏรอยยิ้ม ข้างแก้มซึ่งบุ๋มเล็กน้อยเป็นลักยิ้มน่ารักยิ่งทำให้อีกฝ่ายเหมือนผู้หญิง แถมดูจากรูปร่างแล้ว มิลล์ดูจะเป็นสาวร่างเล็กยิ่งกว่าทิวา ทันใดนั้นทิวาก็หดหู่เล็กน้อย รู้สึกว่าตัวเองยังเหมือนกะเทยร่างยักษ์มากกว่าอีกฝ่ายเสียอีก หลังจากตกลงเรื่องหมูกระทะร่วมสาบานแล้วทุกคนก็เริ่มพูดคุยถึงเรื่องการรับน้องและก็เรื่องเรียน รวมถึงให้แต่ละคนแนะนำตัวว่ามาจากที่ไหนบ้าง ปรากฏว่ามีเพื่อนสองสามคนที่ได้ผ่านการรับน้องรถไฟ ทิวาได้ฟังคนอื่นเล่าเรื่องกิจกรรมตอนรับน้องรถไฟแล้วรู้สึกอิจฉาเพื่อนมาก เพราะแค่เธอดูจากข่าวและคลิปที่สโมสรนักศึกษาเอามาลงให้ดูในแฟนเพจก็รู้สึกคึกคักอยากมีส่วนร่วมกับชาวบ้านเขาด้วย แน่นอนว่าจากการที่ถูกพี่ฉายหรือตะวันฉายคอยเป่าหูเรื่องความสนุกของกิจกรรมต่างๆ ในมหาวิทยาลัย ทิวาแทบอดไม่ไหวที่จะไปลงชื่อสมัครเข้าร่วมเป็นคนแรก เพียงแต่ชมรมกีฬายังไม่เปิดรับเพราะเพิ่งเปิดเทอมอาทิตย์แรก และชมรมใต้ตึก(ชมรมอื่นๆ ที่ไม่ใช่ชมรมกีฬา)จะรับช้ากว่าชมรมกีฬาไปอีกอาทิตย์หนึ่ง นั่นทำให้ทิวาเริ่มคิดหนักว่าจะไปร่วมกับชมรมอะไรดี แต่หลังจากที่ทิวาได้ยินเรื่องเล่าการผจญภัยของชมรมอาสาของคณะวิศวกรรมศาสตร์ เธอก็ตัดสินใจแล้วว่านี่จะเป็นชมรมแรกที่เธอเข้าร่วมกิจกรรม แค่คิดว่าต้องไปแบกอิฐถือปูนช่วยสร้างโน่นนี่นั่นเธอก็ตื่นเต้นแล้ว รวมทั้งทิวทัศน์บนยอดเขา ไอหมอกในช่วงอากาศเย็นๆ ธารน้ำใสสำหรับประปาภูเขา เอาล่ะ...ต้องบอกว่ามันให้ความรู้สึกเหมือนเป็นการเที่ยวไปในตัว สำหรับชมรมกีฬา ทิวาไม่แน่ใจว่าจะเข้าดีหรือจะอยู่ชมรมรักหอ(ไม่เข้าชมรมกีฬา)ดี เธอกลัวว่าพอตัวเองเข้าชมรมไปแล้วจะกลายเป็นภาระคนอื่น เพราะนอกจากจะมีความสามารถเพียงน้อยนิดแล้ว ทิวาไม่เคยออกกำลังกายหนักๆ เลย ยกเว้นว่ายน้ำ... แต่เธอไม่อยากเข้าชมรมว่ายน้ำ อยากอยู่ชมรมเดียวกับพี่ฉาย เพราะคิดว่าพอวิ่งขึ้นดอยทิวาจะได้เจอตะวันฉายอีกครั้ง ฮิๆ คราวนี้เธอจะได้ถ่ายรูปกับอีกฝ่ายแถมยังเอาไปอวดเพื่อนที่รู้จักกันในด้อมด้วยว่ามาตามนัดแล้วนะ ทิวาหลุดหัวเราะกับตัวเองด้วยสีหน้ามีความสุข จนกระทั่งไหมต้องสะกิดไหล่เธอเบาๆ “วา คุยกับใครอะ” “...” ทิวาอ้าปากหวอ งงกับคำถามของไหมมาก “วาคุยอะไร” ทันใดนั้นก็มีคนเอ่ยแทรกขึ้นมา “คุยกับแม่ซื้อเหรอ?” “...” คราวนี้ทั้งโต๊ะเงียบกริบ มองทิวาด้วยสายตาหวาดหวั่น ประหนึ่งกำลังกลัวสิ่งที่มองไม่เห็น “ไม่ใช่ว่าวามีสัมผัสที่หกหรอกนะ” “วาเห็นผีเหรอ” “ดูดวงเป็นมั้ย ดูให้เราหน่อยสิว่าจะจบสี่ปีหรือจะเปอร์[1]” “เอ่อ...เราไม่ได้มีสัมผัสพิเศษ” ทิวาเกาหัวอย่างจนปัญญา “เมื่อกี้แค่คิดอะไรเพลินไปหน่อยเฉยๆ” หลายคนพ่นลมหายใจด้วยความโล่งอก มีเจ๊มิลล์ซึ่งน่าจะเป็นสายมูเตลูมีท่าทางเสียดายเล็กน้อย “เสียดายจัง แต่เขาว่ากันว่าหน้ามอมีร้านหนึ่งดูดวงแม่นมาก” ทันใดนั้นสาวๆ ก็ดวงตาเป็นประกาย หัวเรื่องเปลี่ยนไปเรื่องมูฯ แทบจะทันที ทิวามองคนอื่นด้วยความงง ดูเหมือนว่าเธอจะไม่ค่อยทันบทสนทนาชาวบ้านสักเท่าไร ได้แต่ฟังคนอื่นคุยกันตาปริบๆ เป็นต้นว่าไปบนวัดไหนให้สอบติดมหาวิทยาลัย หรือห้อยพระอะไรตอนมาสัมภาษณ์ก่อนเข้าเรียน เรียกได้ว่าหัวข้อสนทนาเปลี่ยนไปร้อยแปดพันเก้าจนเวลาล่วงเลยไปเกือบหนึ่งทุ่มทุกคนถึงคิดได้ว่าควรไปกินหมูกระทะได้แล้ว ทิวาแทบจะร้องไห้ด้วยความดีใจ ในที่สุดก็มีคนเห็นใจลำไส้ของเธอที่บิดเป็นมาม่า ได้แต่ปลอบใจกระเพาะที่โอดครวญว่ารออีกนิดนะจะได้กินแล้ว เมื่อคนกลุ่มใหญ่ลงจากชั้นสองมาก็เรียกสายตาของบรรดาสาวๆ ในร้านแทบจะทันที เพราะออร่าของกวินและเพื่อนชายอีกสองสามคนซึ่งก็ถือว่าหน้าตาค่อนข้างผ่านมาตรฐาน กอปรกับมีคนหนึ่งยังอยู่ในเครื่องแบบปีหนึ่ง ด้วยเชิ้ตขาวโอโม่และกางเกงสีกรมท่า แม้ว่าจะปลดซ็อกแล้วแต่สาวๆ จากทุกคณะก็รู้ดีว่ามาจากคณะไหน ทุกคนจึงอดแสกนผู้ชายในกลุ่มไม่ได้ โดยเฉพาะกวินที่ไหมบอกว่าอาจได้เป็นเดือนคณะ หลังจากคนกลุ่มใหญ่ออกจากร้านไปแล้วถึงมีเสียงซุบซิบดังขึ้นมา ทันใดนั้นโต๊ะข้างเคาน์เตอร์บาร์ก็มีเสียงเลื่อนดังขึ้นเบาๆ หนุ่มหล่อเจ้าของร้านหยุดชะงัก หันมองเพื่อนรักด้วยความแปลกใจ “อ้าว...ไม่รอฉันปิดร้านเหรอ” “ไม่ล่ะ” “จะรีบไปไหนวะ เนี่ย ใกล้ปิดร้านแล้ว ฉันกลับคนเดียวนายไม่กลัวฉันโดนคนอื่นฉุด...เอ่อ” บาสหุบปากฉับ เพราะสายตาเย็นชาที่ลิกไนต์ปรายมองนั้นแทบตอบทุกคำถามแล้ว เขาอยากจะเอาหัวโขกบัตเตอร์เค้กตายเมื่อเพื่อนรักทำร้ายจิตใจดวงน้อยจนบอบช้ำ “สรุปไม่รอกันว่างั้น” “ไม่ล่ะ หิว” ลิกไนต์ตอบ คว้ากระเป๋าสะพายแล้วเดินออกจากร้านโดยไม่หันกลับมามองบาสอีก “ไอ้...” บาสกัดฟันด้วยความน้อยใจ หมอนี่เอาแต่ใจชะมัด “ชาเขียวมัจฉะปั่นใส่วิปครีมหนึ่งค่ะ” “โอ้...เอาหวานปกติหรือหวานน้อยครับคนสวย” ใบหน้างอง้ำเมื่อครู่กลับมาเก๊กหล่อเหมือนเดิมเมื่อได้ยินเสียงหวานจากลูกค้าคนใหม่ “ลองวิปครีมสูตรใหม่มั้ยครับ เป็นสูตรแนะนำของร้านเลยนะ” แน่นอนว่าบาสสามารถกลับมาเป็นผู้ชายสายหวานได้อย่างรวดเร็วด้วยคำที่ว่า ‘ทำเพื่อเงิน!’ [1] เปอร์ หรือ ซูเปอร์ซีเนียร์ ใช้เรียกคนที่ใช้เวลาเรียนจบเกิน 4 ปี
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD