ยามนี้เป็นยามโหย่[1] ฮูหยินใหญ่หลันหยาก็มาถึงท้ายจวน ท่ามกลางอากาศหนาวและความมืดมิดหลันหยากลับสามารถเดินได้อย่างคล่องแคล่วไปในเส้นทางอันมืดมิดราวกับตาเห็น
นั่นเป็นเพราะนางคุ้นเคยเส้นทางนี้มานานนับปีแล้ว
เพราะการกระตุ้นอารมณ์จากริมฝีปากของซุนหลีเมื่อสักครู่ทำให้หลันหยายังคงมีอาการเสียวที่ร่องหวาน ปุ่มเนื้อสีแดงของนางกำลังบวมเป่งและสั่นระริก
‘อา ข้าหวังว่าจะมาทันพบเขาอาบน้ำ’
เมื่อมาถึงเรือนของเขา นางเดินอย่างเงียบเชียบและหายเข้าไปในป่าด้านข้างเรือนดึงจุกไม้ที่ปิดช่องเล็ก ๆ ออกมา
ตรงนี้นางจะเห็นซุนโหวนั่งอยู่ในถังน้ำ กำลังใช้ผ้าเช็ดถูเนื้อตัวของตนเอง
แม้จะเห็นเพียงกล้ามหน้าอกที่แข็งแกร่ง และถันเล็กที่โผล่ขึ้นมา แต่นั่นก็เพียงพอแล้วสำหรับนาง
นางลูบไปที่ผิวเนื้อของตนเอง มือหนึ่งคลึงเต้านม อีกมือยัดเข้าไปในร่องเสียวพร้อมกับกระตุกนิ้วเบา ๆ
หลันหยากัดริมฝีปากครางเสียวเมื่อกระตุกนิ้วเร็วขึ้น ลิ้นของนางแลบออกมาจินตนาการว่าตนเองกำลังเลียหัวนมของซุนโหวอยู่ พร้อมกับลากไปที่เลียกล้ามอกแน่นของเขา
“อา ซุนโหว ซี้ด อา ซุนโหว เสียว ข้าเสียว”
นางบดนิ้วเข้ากับร่องของตนเอง ในขณะที่มืออีกข้างขยำปั่นหัวนมจนแข็งเป็นไต
นิ้วของนางเคล้นเต้าแรงขค้น พร้อมกับนิ้วที่กระแทกเข้ามาในร่องสวาทหนัก ๆ สองตาจับจ้องไปที่ใบหน้าและร่างเปลือยส่วนบนของซุนโหวอย่างกระหาย
และจู่ ๆ ซุนโหวก็หลับตาพริ้ม เสียงน้ำกระฉอกดังออกมา ใบหน้าของเขาเหยเกหัวนมแข็งเป็นไต
หัวใจของหลันหยาเต้นระรัว เมื่อซุนโหวเปล่งเสียงออกมา
“อ้า ฮูหยินใหญ่ อ้า ข้ากำลังใช้แท่งหยกอัดเข้าไปในร่องรักของท่าน แรง ๆ ลึก ๆ อ้า เสียวหรือไม่ ท่านอย่าทำหน้ายั่วสวาทข้าเช่นนี้ ซี้ด ครางออกมา ข้าจะอัดท่านให้กลีบแดง ๆ ของปลิ้นออกมา ซี้ด”
ฮูหยินใหญ่ได้ยินเต็มสองหู ด้วยวาจาเร้าสวาทของเขาทำให้นางเสียวจนต้องกระแทกนิ้วแรง ๆ
“อ้า ชอบหรือไม่ขอรับ ถ้าชอบก็กดร่องกระแทกรับข้าขอรับ ยามนี้ข้ากำลังกระแทกสวนร่องท่านถี่ ๆ ซี้ด ฮูหยินใหญ่ อ้า ท่านคับแน่นยิ่งนัก ข้าจะเสร็จแล้ว ซี้ด ข้าจะแตกแล้ว”
เขากำลังเร่งมือถอกแท่งหยกขึ้นลงเพื่อช่วยตัวเอง และยามนี้ที่เขาหลับตาพร้อมกับแหงนใบด้านหลัง
“อูย จะแตกแล้ว ซี้ด อ้า ฮูหยินใหญ่ร่องของท่านตอดข้าแรงมาก ซี้ด แตกแล้ว แตกแล้ว”
“ซี้ด ซุนโหว อื้ม ข้าก็จะแตกแล้ว ซี้ด อ้า”
ฮูหยินใหญ่ครางในลำคอและมือของนางก็เร่งจังหวะเร็วขึ้น ในที่สุดสะโพกของนางก็หยัดแอ่นน้ำเสียวพุ่งออกมาจากรูรักพุ่งรดไปที่ต้นไม้เล็ก ๆ ที่ขึ้นอยู่บริเวณนั้น
ร่องสวาทของนางกระตุกระรัว ยามนั้นคล้ายนางจะทำเสียงดังซุนโหวซึ่งปลดปล่อยตนเองแล้วเช่นกันจึงหันหน้ามามอง
ฮูหยินใหญ่กระชับเสื้อคลุมแล้วเร่งฝีเท้าเดินจากมา ซุนโหวลุกขึ้นจากถังน้ำคว้าเสื้อมาสวมคลุมอย่างไม่เร่งร้อน มือใหญ่ถือโคมไฟแล้วเดินออกมาจากเรือน
เขาเดินอ้อมเรือนของตนเองมายังจุดลับตาคนบริเวณที่ฮูหยินใหญ่เพิ่งจากไป
มุมปากของซุนโหวยกขึ้นเล็กน้อย เมื่อเห็นร่องรอยความเปียกชื้นที่กลิ้งอยู่บนใบไม้ใบหนึ่ง เขาเด็ดใบไม้นั้นขึ้นมาดอมดมเล็กน้อย
อา กลิ่นน้ำรักของสตรีนางนั้นช่างยั่วกำหนัดยิ่งนัก
ตั้งแต่วันแรกที่เชลยถูกเกณฑ์เข้ามาใช้แรงงานในจวนแม่ทัพโดยที่ท่านแม่ทัพยังอยู่ชายแดนหลันหยาก็ต้องตาบุรุษหนุ่มผู้หนึ่ง
บุรุษหนุ่มผู้นี้เขาคือ ซุนโหว
ซุนโหวมีใบหน้าที่หล่อเหลาคมคาย ดวงตาดำของเขาดูลึกล้ำเหมือนบ่อน้ำ และมีคิ้วกระบี่สะดุดตา รูปร่างกำยำงดงามแข็งแกร่ง เต็มไปด้วยกลิ่นอายของบุรุษเพศชวนให้หลงใหล
คนที่นำทาสมาส่งที่จวน ได้รายงานอดีตของซุนโหวให้นางฟัง
อดีตรองแม่ทัพผู้ทระนงตัวแม้มีโอกาสหลบหนีแต่กลับไม่ยอมหนี เขาติดตามมารดาบุญธรรมและน้องบุญธรรมมาที่นี่เพื่อคุ้มครองพวกนาง
หากเขาหนีไปคนเดียวก็ไม่ต้องมีภาระคุ้มครองผู้ใด สามารถใช้ชีวิตอย่างสบาย ทว่าเขากลับเลือกทิ้งศักดิ์ศรีเพื่อสตรีทั้งสองคน
น่านับถือยิ่งนัก
หลันหยาชื่นชอบการขี่ม้าและชอบม้ายิ่งนัก เห็นว่าซุนโหวมีฝีมือเรื่องนี้จึงมอบหมายงานให้เขาทันใด
การมาของซุนโหวทำให้สาวใช้ในจวนแตกตื่นและเขินอายทุกคน กระทั่งแม่ครัววัยห้าสิบปีที่อยู่ในจวนมาตั้งแต่เกิดยังคิดวางกระทะแล้วไปต่อคิวเพื่อยลโฉมบุรุษผู้นั้น
เพราะเขาเป็นพี่ชายของซุนหลี สาวใช้ทุกคนจึงปฏิบัติตัวต่อซุนหลีและมารดาราวกับญาติที่พลัดพรากและเพิ่งพบกัน
ต่อมาฮูหยินใหญ่ได้ยินข่าวว่ามีสาวใช้ทะเลาะกันเพื่อแย่งเอาใจซุนโหว นางรีบรุดไปดูเหตุการณ์ด้วยตนเอง พบว่าระหว่างทางที่จะไปยังโรงเลี้ยงม้าสาวใช้หลายคนกำลังทะเลาะตบตีกันเพราะแย่งกันทำอาหารมาส่งให้ซุนโหว
ฮูหยินใหญ่จึงจัดการขั้นเด็ดขาด ห้ามสตรีใดไปที่หลังจวนอีกเพื่อก่อความวุ่นวาย หากจับได้จะไล่สตรีนางนั้นออกจากจวนพร้อมกับโบยสามสิบไม้
ทุกคนย่อมไม่อยากโดนตี ถึงจะรักบุรุษผู้นั้นเพียงใดแต่ก็ไม่กล้าเสี่ยง เรื่องราวจึงสงบลงได้แต่โดยดี
หลังจากนั้นนางก็ได้เจอซุนโหวบ่อยครั้ง ในยามที่นางไปขี่ม้าที่สนามท้ายจวน และทุกครั้งจะมีซุนโหวมาคอยช่วยเหลือดูแลม้าให้นาง
และในวันหนึ่งที่หลันหยาได้ม้าป่าฝีเท้าดีนามอัคคีเพลิงมาที่จวนแม่ทัพ นางก็ส่งให้ซุนโหวเป็นผู้ฝึกฝนเพราะเขาคือคนที่เชี่ยวชาญและเก่งกาจที่สุดในบรรดาคนเลี้ยงม้าทั้งหมด
อัคคีเพลิงเป็นม้าที่แสนพยศ เป็นม้าที่พยศที่สุดเท่าที่หลันหยาเคยเห็นมา หลังจากปล่อยให้ซุนโหวปราบพยศอยู่หลายวันในที่สุดอัคคีเพลิงก็ยอมสงบ
เมื่อบ่าวมารายงานหลันหยารีบเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นกางเกงขี่ม้าไปที่ลานฝึกอย่างรวดเร็ว
นางเห็นบุรุษร่างกายแข็งแกร่งอยู่บนหลังอัคคีเพลิงก็ให้รู้สึกหัวใจเต้นระรัว
เขาทั้งหล่อเหลาและดูดี ช่วงขาเพรียวยาว เอวสอบ แผ่นหลังหยัดตรงสง่างาม
“ฮูหยินใหญ่ มาแล้วหรือขอรับ”
ซุนโหวขี่ม้ามาหานาง เขาลูบแผงคอของอัคคีเพลิงเล็กน้อยให้มันสงบเมื่อเจอสตรีที่มาใหม่
“เจ้าเก่งมากที่ปราบพยศมันได้ ข้าจะมีรางวัลให้เจ้า”
ทำดีย่อมมีรางวัลผู้ใดไม่อยากได้ ทว่ากลับมิใช่ซุนโหว
“ขอบคุณฮูหยินใหญ่ขอรับ แต่ข้าน้อยไม่ต้องการ”
เหย่อยิ่งจองหอง แต่กลับทำให้หัวใจของนางสั่นระรัว
“แล้วเจ้าต้องการสิ่งใดตอบแทน”
“เป็นเรื่องที่ข้าน้อยสมควรทำ ไม่ต้องการสิ่งใดตอบแทนขอรับ”
ฮูหยินใหญ่พยักหน้า อยากตอบแทนเขาแต่คนไม่ต้องการจึงรู้สึกเสียหน้าเล็กน้อย แต่ก็ช่างเถิดในเมื่อไม่อยากรับนางก็ไม่ฝืนใจ
“ข้าอยากขี่มัน”
“หากจะขี่ ต้องให้ข้าน้อยอยู่ใกล้ ๆ ยามนี้อัคคีเพลิงยังไม่ไว้ใจผู้ใดนอกจากข้าน้อย”
“ได้ เช่นนั้นเจ้าคอยดูแลข้า พวกเราขี่มันด้วยกัน”
ความจริงฮูหยินใหญ่กำลังตื่นเต้น นางไม่คิดเรื่องอื่นใดเพราะต้องการขี่ม้าจริง ๆ ทว่าเมื่อก้าวขึ้นสู่หลังม้าโดยมีซุนโหวซ้อนอยู่ข้างหลัง หัวใจของนางก็สั่นระรัว
เมื่อนางสัมผัสถึงความแข็งแกร่งของแผงอก ลำแขนแข็งแรงที่โอบล้อมร่างของนางอยู่ และยามที่ก้นของนางเสียดสีกับบางสิ่งบางอย่างที่อยู่กลางร่างกายของเขา ฮูหยินใหญ่ก็ร้อนผ่าว
อา อยากได้เขาจังเลย
ความคิดชั่วร้ายพลันเกิดขึ้นโดยไม่รู้ตัว และนางยังสัมผัสได้ถึงความร้อนจากร่างของเขา สัมผัสได้ถึงกลิ่นหอมเย็นของสายลมและทุ่งหญ้าที่ติดกายเขา
ขาแข็งแรงกำลังเบียดขาของนางอย่างแนบชิด
ทั้งเขาและนางต่างจับบังเ**ยรม้าพร้อม ๆ กัน มือของเขาจึงจับหลังมือนุ่มนิ่มของนางเอาไว้ แนบชิดยิ่งนัก
“ข้าจะพาฮูหยินใหญ่ขี่อัคคีเพลิงวิ่งไปด้านโน้นนะขอรับ”
“อืม ข้าอยากพิสูจน์ฝีเท้าของอัคคีเพลิงเช่นกัน”
ซุนโหวยิ้ม เขาโน้มกายลงมาด้านหน้าเล็กน้อย ฮูหยินใหญ่กำลังจะหันไปมองเขา จมูกโด่งของนางจึงปัดเข้ากับแก้มของซุนโหวโดยไม่ได้ตั้งใจ
ตึก! ตึก! ตึก!
หัวใจของนางเต้นแรงราวกับสาวน้อย นางไม่เคยเป็นเช่นนี้มาก่อน เขินอายและใจสั่น
ในสมองของนางเริ่มขาวโพลน และร่างกายสั่นระริก สัมผัสที่แนบชิดนี้ทำให้ไม่อาจยับยั้งชั่งใจได้อีกแล้ว
กระทั่งนางสัมผัสได้ถึงบางสิ่งบางอย่างที่กำลังทิ่มแทงแก้มก้นของนางอยู่
หัวใจของนางเต้นระรัว ของแข็งนั้นนางย่อมคุ้นเคย ฮูหยินใหญ่เบียดก้นของนางให้แนบชิด เอนกายพิงร่างแข็งแกร่ง ในจังหวะที่ม้าวิ่งเร็วนั้นก้นของนางขยับขึ้นลงเล็กน้อย และสุดท้ายเหมือนนางจะนั่งทับเจ้าสิ่งนั้น
“อ้ะ”
ยิ่งนางแนบชิดและบดเบียดก็ดูเหมือนว่าสิ่งนั้นจะเหยียดขยายตัวราวกลับมันกำลังมีชีวิต
ใบหน้าของนางร้อนผ่าว ในใจคิดกล้า ๆ กลัว ๆ ที่จะรุกเขา
กระทั่งฝีเท้าม้าของนางผ่อนลง วงแขนกว้างโอบกระชับร่างของนางแน่นขึ้น เขาก้มลงชิดใบหูและเป็นฝ่ายดึงร่างเล็กของนางให้แนบชิดด้วยตนเอง
“ขี่ม้าสบายหรือไม่ขอรับ”
วาจากำกวมของเขาทำให้นางยิ่งใจสั่น
“กะ ก็ เจ้าทำดียิ่ง มะ ม้าไม่พยศแล้ว สบายดี”
“ชอบหรือไม่ขอรับ”
“ชะ ชอบ”
“อยากขี่มากกว่านี้หรือไม่”
ฮูหยินใหญ่เม้มปาก รู้สึกว่าสิ่งที่นางกำลังนั่งทับนั้นกำลังขยับช้า ๆ ยิ่งเสียดสีเม็ดเสียวที่อยู่ภายใต้เนื้อผ้ามากยิ่งขึ้น
ฮูหยินใหญ่แทบจะร้องครางออกมาอยู่แล้ว นางกัดปากกลั้นเสียงครางของตนเองเอาไว้
“ยะ อยาก ขี่ ลึก ๆ อ้ะ ไม่ใช่ข้าหมายความว่า ขี่มากขึ้น”
ฮูหยินใหญ่แทบจะปกปิดความต้องการของตนเองเอาไว้ไม่ได้แล้ว ใบหน้าของนางเห่อร้อน อยากถูกกระแทกแรง ๆ จนแทบอดใจไม่ไหวจนเผลอพลั้งปากพูดออกมา
ริมฝีปากของซุนโหวกระตุกโค้งขึ้นอย่างพึงใจ
“เช่นนั้นข้าน้อยจะขี่วนอยู่แถวนี้นะขอรับ เพราะแถวนี้ปลอดคนแล้ว”
ฮูหยินใหญ่ตกตะลึงเล็กน้อย การที่เขาบอกว่าปลอดคนนั่นหมายถึงว่า.......
เขาคิดเช่นที่ข้าคิดใช่หรือไม่
เขากระตุกบังเ**ยนสั่งให้อัคคีเพลิงเริ่มต้นวิ่งอีกครั้ง ครานี้ไม่วิ่งเร็วเหมือนเดิมแล้ว
“ฮูหยินใหญ่ขยับสะโพกขึ้นลงสิขอรับ อย่าเกร็งนักปลดปล่อยตนเองบนหลังม้า ปกติข้าน้อยเห็นว่าฮูหยินใหญ่เป็นผู้เชี่ยวชาญในการควบขี่มิใช่หรือ”
“พะ เพราะอัคคีเพลิงเป็นม้าพยศ ข้าจึงหวาดกลัวเล็กน้อย”
ฮูหยินใหญ่กล่าวแก้ตัวน้ำขุ่น ๆ ร่างแข็งแกร่งที่นั่งซ้อนแผ่นหลังขยับเข้ามาชิดขึ้น
“เช่นนั้นผ่อนคลายนะขอรับ ข้าน้อยจะช่วยท่านเอง”
ม้าวิ่งวนไปอย่างช้า ๆ ทุกฝีเท้าย่อมทำให้เกิดการกระแทก ยามนี้ซุนโหวใช้มือข้างหนึ่งยกร่างของฮูหยินใหญ่ขึ้นเล็กน้อยแล้วกดร่างเล็กลงไปทำให้ร่องเสียวบดเบียดกับแท่งหยกแข็งแกร่งของเขาเต็ม ๆ
อึก! ซี้ด
ฮูหยินใหญ่บดลงไปบนของแข็งอย่างเต็มที่ ด้วยจังหวะการควบขี่ของม้าทำให้บริเวณนั้นทั้งบดเบียดทั้งถูไถจนร่องแฉะฉ่ำ
“อ้า ซี้ด”
[1] ยามโหย่ เวลา ประมาณ 17.00-18.59