ม้าอัคคีเพลิงตัวนี้เดิมทีนอกจากซุนโหวและฮูหยินใหญ่แล้วมันไม่ยอมให้ผู้ใดขี่ แต่ด้วยความเชี่ยวชาญและเก่งกาจของท่านแม่ทัพ สัมผัสอัคคีเพลิงและขี่มันวนเพียงไม่กี่รอบเขาก็สามารถปราบพยศมันลงได้แล้ว
ซุนโหวชื่มชมแม่ทัพใหญ่ยิ่ง คนผู้นี้คือเทพสงครามอย่างแท้จริง เขาเองก็ได้เรียนรู้จากโจวซีฉือมาไม่น้อย
มือหนึ่งของเขายังจับมือของซุนหลีเอาไว้ พลางปลอบเบา ๆ
“ไม่ต้องกลัว ท่านแม่ทัพเชี่ยวชาญเรื่องม้า เจ้าจะได้ขี่มันอย่างสบาย แต่เดิมพี่เคยคิดจะสอนเจ้าแต่เพราะสงครามทำให้ไม่มีเวลาอยู่กับเจ้าอย่างที่ใจคิด”
ในสมองของซุนหลีกำลังคิดถึงเรื่องของตนเอง บุรุษสองคนนี้คิดทำสิ่งใดกันแน่
“ซุนหลี ได้ยินหรือไม่ หืม”
น้ำเสียงอ่อนโยนดังอยู่ข้างหู ซุนหลีจึงได้สติ นางหันไปถามเขาทันใด
“ท่านพี่ บอกข้ามาเถิดว่าท่านตกลงอันใดกับท่านแม่ทัพเจ้าคะ”
ซุนโหวยิ้ม ดวงตายังจ้องไปที่ม้าอัคคีเพลิงที่พุ่งทะยานสุดกำลัง โดยมีท่านแม่ทัพนั่งสง่างามอยู่บนนั้นด้วยสายตาชื่นชม
“ข้าไม่มีสิทธิ์ถามเจ้าและพูดสิ่งใด ท่านแม่ทัพจะบอกเจ้าเอง จำไว้ว่าหากเขาถามสิ่งใด หลีเอ๋อร์ของพี่ต้องทบทวนหัวใจเป็นอย่างดี อย่าได้ตัดสินใจเพราะทำตามคำสั่ง หรือเพราะสงสารผู้ใด สำหรับพี่แล้วขอเพียงเจ้ามีความสุขพี่ก็ยินดีที่สุดแล้ว”
ซุนหลียิ่งร้อนรน นางไม่เข้าใจที่เขาเอ่ย แต่ด้วยฐานะของเขายามนี้เมื่อท่านแม่ทัพพูดว่าจะเป็นฝ่ายบอกนางเอง แน่นอนว่าซุนโหวย่อมไม่ขัดคำสั่ง
เขาหันมาลูบศีรษะของนางแผ่วเบาก่อนจะกระชับมือแน่นแล้วดึงนางให้เดินตามไปที่จุดขึ้นม้า
“ตามพี่มาเถิด ท่านแม่ทัพรออยู่”
“ท่านพี่ข้ากลัว”
“ไม่ต้องกลัว แล้วเจ้าจะรู้สึกสนุก”
ซุนหลีพยักหน้า นางเดินตามซุนโหวไปเรื่อย ๆ
ท่านแม่ทัพบังคับให้อัคคีเพลิงวิ่งกลับมาที่เดิม ม้าลดความเร็วของฝีเท้า ส่งเสียงดัง ฮี้ ฮี้ แล้วหยุดอยู่ตรงจุดขึ้นมาพอดี
ท่านแม่ทัพลูบหลังอัคคีเพลิงเบา ๆ ให้มันสงบลง จากนั้นจึงเอื้อมมือไปรับซุนหลี นางยังไม่ทันได้เหยียบโกลนขึ้นม้าร่างเล็กก็ถูกซุนโหวยกขึ้นจากพื้นแล้วส่งนางให้โจวซีฉือ
เขารับนางมาราวกับรับกระสอบนุ่ม วางนางไว้บนหลังม้า จู่ ๆ ซุนหลีก็ครางออกมา
“ซี้ด”
“หืม เป็นอะไร”
คนทั้งสองต่างมองหน้านาง ซุนหลีอายจนแทบแทรกแผ่นดินหนี แต่นางไม่รู้ว่าเสียงร้องครางของนางเพียงคำเดียวจะทำให้บุรุษทั้งสองบังเกิดอาการร้อนรุ่ม บางสิ่งบางอย่างกลางร่างกายแข็งชันขึ้นทันใด
แม่ทัพโอบรอบร่างของนางเอ่ยถามเสียงเบา
“ยังใส่ชุดตัวในที่ฮูหยินเตรียมให้หรือ”
นางยิ่งอายที่เขาพูดเรื่องนี้ต่อหน้าพี่ชาย จึงไม่ได้ตอบออกไป โจวซีฉือจึงเอ่ยเบา ๆ
“เห็นเจ้าเดินสบาย นึกว่าไม่ได้ใส่เสียแล้ว ตอบข้ามาเจ้าใส่หรือไม่ได้ใส่”
แม้จะอับอาย แต่นางก็ยังตอบเสียงเบาราวยุงบิน
“ตรงกลางกางเกงที่สวมมิได้เย็บไข่มุกหรือแท่งหยกเล็ก แต่กลับเย็บตะเข็บให้แข็งกว่าส่วนอื่น เวลาข้านั่งเช่นนี้เหมือนกำลังถูกเสียดสีตรงส่วนนั้นเจ้าค่ะ”
“เช่นนั้นก็เลยทำให้เจ้ารู้สึก”
นางพยักหน้า
“ท่านแม่ทัพ ให้ข้าลงเถิดเจ้าค่ะ ข้าจะทนไม่ไหวแล้ว”
คำพูดของนางที่กล่าวออกมา ซุนโหวล้วนได้ยิน นั่นเป็นเพราะว่าโจวซีฉืออยากให้เขาได้ยินเช่นกัน
ใบหน้าของเขาร้อนผ่าว มองร่างขาวผ่องในอ้อมกอดของโจวซีฉือ ใบหน้างามล้ำแดงระเรื่อ ยังมีสีหน้าบิดเบี้ยวในยามที่โจวซีฉือขับ ช่างน่ารักเป็นอย่างยิ่ง
ซุนโหวกลัวว่านางจะอับอาย ซุนหลีไม่เหมือนฮูหยินใหญ่ที่ผ่านประสบการณ์รักมานานหลายปี กลัวว่าท่านแม่ทัพจะทำให้นางตกใจจนล้มป่วย
“ท่านแม่ทัพ นางจะไม่ไหวนะขอรับ ซุนหลีบอบบางกว่าที่ท่านคิด”
โจวซีฉือมองหน้าซุนโหว เขาหัวเราะเบา ๆ
“ข้าอิจฉาที่เจ้าได้ขี่ม้ากับฮูหยินของข้า ยามนี้ข้าก็จะทำให้เจ้าอิจฉาที่ข้าได้ขี่ม้ากับซุนหลีเช่นกัน พวกเราสองคนถือว่าหายกันแล้ว”
ทุกการกระทำของซุนโหวที่ลงมือจัดการฮูหยินใหญ่จนน้ำแตกคาหลังม้านั้น โจวซีฉือได้ยินมาทั้งหมดแล้ว เขาเพียงแต่ต้องการทำตามเพื่อสร้างความตื่นเต้น
ซุนหลีหวีดร้องด้วยความตกใจทั้งตื่นเต้นเมื่อม้าทยานออกไปอย่างรวดเร็ว
ซุนโหวจึงได้แต่มองตามคนทั้งสองดวงตาละห้อย เขาจะทำสิ่งใดได้เล่านอกจากรอคอยให้ซุนหลีเมตตาตอบรับเขาเอาไว้ในใจสักคน
ไม่ว่านางจะให้เขาอยู่ในตำแหน่งใด ขอเพียงได้อยู่กับนางเขาล้วนยอมทั้งหมด
หลังจากถูกท่านแม่ทัพชวนเล่นผาดโผนบนหลังม้าจนน้ำของนางแตกไปถึงสองครั้ง ร่างของซุนหลีก็ระทวยอยู่ในอ้อมกอดของเขา
และในยามนั้นท่านแม่ทัพก็ยังได้ถามนางคำหนึ่ง
“หากเจ้ารักซุนโหว ข้าไม่หวงห้าม”
“ใจของข้าหรือเจ้าคะ ท่านแม่ทัพให้ความสำคัญด้วยหรือเจ้าคะ”
“ย่อมสำคัญข้าเป็นคนที่มีความยุติธรรมกับผู้อื่นเสมอ”
“ซุนหลีเป็นของท่านแล้ว ไม่อาจปันใจให้ผู้อื่นเจ้าค่ะ”
แน่นอนว่านางตอบเอาใจเขา ทั้ง ๆ ที่ในหัวใจของนางนั้นยังมีซุนโหวอยู่เต็มส่วน หากนางโตเร็วกว่านี้ หากไม่มีสงคราม หลังจากซุนโหวหย่ากับภรรยานางยังเคยคิดจะสารภาพความรู้สึกของตนเองให้เขาได้รับรู้
แม่ทัพใหญ่ล้วงมือเข้าไปคลึงเต้าของนางจนหัวนมหดเป็นแข็งเป็นไต
“อ๊ะ...”
นางครางแผ่วเมื่อนิ้วของเขาขยับไม่หยุด ความเสียวซ่านที่บัดนี้นางได้นั่งทับของแข็งของเขาเสียดสีจุดกระสันของนางให้ซ่านสยิวกระทั่งทะลักไปถึงท้องน้อย
“เจ้าเคยได้ยินเรื่องฝ่าบาทของข้าหรือไม่”
“เรื่องอันใดเจ้าคะ”
นางบิดกายขยับส่วนนั้นให้สัมผัสกับเขาแนบชิดยิ่งขึ้น
“เรื่องที่ฝ่าบาทมักจะแบ่งปันนางสนมให้ขุนนางเสพสุขเสมอ ยิ่งผู้ใดทำความชอบฝ่าบาทยิ่งคัดสนมที่งดงามและร่านร้อนให้ปรนนิบิต และยังมีรสนิยมความชอบที่จะร่วมรักกับนางสนมคนนั้นกับขุนนางที่รักอีกด้วย หากใครได้รับคัดเลือกนั่นหมายความว่าเขาคนนั้นมีความสำคัญต่อฝ่าบาทเป็นอย่างมาก”
“ทะ ท่านแม่ทัพหมายความว่าท่านอยากแบ่งปันข้าให้ท่านพี่หรือเจ้าคะ”
“ข้าเล่าเพียงเท่านี้เจ้าคงเข้าใจแล้วว่าข้าหมายความถึงสิ่งใด ซุนโหวรักเจ้า อีกทั้งเจ้าก็รู้ว่าเขาคือผู้มีพระคุณต่อข้า และยังเป็นคนที่ข้าชื่นชอบที่สุด ด้วยอายุของข้าที่มากเพียงนี้ อนาคตไม่แน่ว่าอาจจะต้องฝากจวนให้เขาช่วยดูแล และเจ้าทั้งฮูหยินด้วยเช่นกัน”
“ทะ ท่านแม่ทัพ”
“หากเป็นซุนโหว ข้าก็ยินดี แล้วเจ้าเล่ารักเขาหรือไม่ ยินดีหรือไม่หากข้าทำเช่นนั้น”
“ข้า อื้อ ท่านแม่ทัพเจ้าขา”
มือหยาบหนาของเขารุกเข้าไปในกางเกง สัมผัสความอ่อนนุ่มและเนียนลื่นมืออันเกิดจากน้ำหวานที่นางเพิ่งแตกออกมาไม่นาน
ทุกครั้งที่ม้าขยับก้นนางต้องยกสูงขึ้นและกระแทกลงมาบดเบียดกับแท่งหยกของเขา
นางถูกกระแทกร่องเสียวไปเรื่อย ๆ ยังมีมือของท่านแม่ทัพที่ควักเต้าของนางออกมาแล้วก้มลงมาดูดอย่างกระหาย เขาทำบนหลังม้าตัวนี้ อย่างไม่อายฟ้าดิน