ตอนที่2

1202 Words
Chapter 1 ห้องใหม่ของฉัน ในที่สุดฉันย้ายมาอยู่หอใหม่ที่ราคาแพงกว่าเดิมเกือบเท่าตัว ด้วยเหตุผลที่ว่าจะได้ไม่เจอปัญหาอะไรตามมาอีก ทั้งระบบแสง สี เสียง แต่ก็ต้องแลกมากับการประหยัดค่ากินค่าเที่ยวลงอีกเท่าตัวเช่นกัน เพราะโดนแม่บ่นเกือบทุกวัน จนขี้เกียจบ่นไป ที่จริงก็ย้ายมาได้อาทิตย์หนึ่งแล้ว หอนี้เงียบจริงๆ ถึงแม้ว่าจะมีคนอยู่ทุกห้อง โดยเฉพาะห้องข้างๆ ฉันที่รู้สึกว่าเหมือนไม่มีคนอยู่เลย ไม่มีการส่งเสียงอะไรออกมา ไม่เคยเห็นกันตอนออกไปไหน แอบเห็นเสื้อผ้ามาตากที่ระเบียงบ้างแต่ก็ไม่เคยเห็นตัวเจ้าของห้องสักที แต่ก็ดีแล้วแหละที่มีเพื่อนข้างห้องแบบนี้จะได้ไม่มีปัญหาอะไร ครืด~ ครืด~ ครืด~ "เสร็จแล้ว กำลังจะลงไป" ฉันกรอกเสียงใส่โทรศัพท์เมื่อเพื่อนสนิทโทรมา เพราะวันนี้เรามีนัดกันในวันศุกร์หรรษา ยะฮุ้ว~ ฉันรีบปิดเพลงที่ถูกเปิดเสียงดัง แล้วลงไปด้านล่างทันที ที่เปิดดังเพราะฉันรู้ดีว่าหอพักนี้เก็บเสียงได้ดีมาก ยกเว้นแต่จะเปิดหน้าต่างระเบียงหรือเปิดประตูเท่านั้น แย่แล้วเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าฉันลืมปิดหน้าต่างระเบียง หวังว่าจะไม่มีใครมาโวยวายนะ ดูจากข้างห้องแล้วก็เหมือนจะไม่มีคนอยู่ วันนี้เสื้อผ้าก็ไม่ได้ตากไว้ คิดได้ดังนั้นก็รู้สึกสบายใจขึ้นมา เพราะกลัวว่าฉันจะได้ย้ายออกที่นี่เพราะมีใครไปร้องเรียนเข้า เพื่อนสนิทของฉันชื่อฟ่าง เรารู้จักกันตั้งแต่ปีหนึ่งแล้ว และมันเป็นเพื่อนเพียงคนเดียวที่สนิทกับฉันมาก เพราะนิสัยเราคล้ายๆ กันถึงอยู่ด้วยกันได้ ไม่นานนักเราก็มาอยู่ที่ร้านนั่งเล่นร้านหนึ่งในย่านนี้ เป็นร้านที่เปิดเพลงคลอเบาๆ มีเครื่องดื่มแบบดื่มง่ายแต่เมาเละขาย ร้านนี้จึงมีลูกค้าส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง "ไง ย้ายหอ โอเคปะ" ฟ่างเอ่ยปากถามตอนที่เรากำลังนั่งดื่มและฟังเพลงกันไป "ก็ดีนะเงียบดี" "หอนั้นมันหอพี่แบทนะ เขาพักอยู่ที่นั่นมึงเคยเจอป่ะ" ฟ่างถามเสียงตื่นเต้น แบทเหรอ แบทไหน "ไม่รู้จักอะ หล่อเหรอ ทำไมแกต้องรู้จัก" ฉันขมวดคิ้วถามอย่างสงสัย ที่จริงไม่ใช่ว่าฉันไม่สนใจผู้ชายนะ ออกจะบ้าพวกผู้ชายหน้าตาดีจนต้องกดไลค์กดแชร์เลยด้วยซ้ำแต่ช่วงนี้มันยุ่งๆ กับชีวิตตัวเองเลยไม่ได้สนใจเท่าไหร่ "เดี๋ยวให้ดู แล้วแกต้องกรีดร้องยัยมีน" มันต้องขนาดนั้นเลยเหรอ ได้แต่คิดแล้วก็สงสัย แล้วมันก็ยื่นมือถือที่มีรูปแอบถ่ายตอนที่เขากำลังกินข้าว สวมเสื้อของคณะวิศวกรรม หน้าตาจัดอยู่ในระดับดีมาก ขนาดว่าเป็นตอนเคี้ยวข้าวยังหล่อขนาดนี้ "..." ฉันเอื้อมมือไปดึงมือถือของยัยฟ่างมาดูใกล้ๆ แล้วพยักหน้าหงึกๆ เป็นเชิงว่า ผ่าน! "ปลื้มล่ะสิ" "หล่อดี แต่อย่างเราก็ได้แค่นั่งดูหน้าจอเนี่ยแหละ คิดว่าคนแบบนี้เขาจะรอดมาได้เหรอ มีแฟนตั้งแต่ก้าวเท้าเข้ามหา’ ลัยแล้วมั้ง" ฉันพูดแล้วสนใจของกินตรงหน้าต่อ "พูดแบบนี้แปลว่าไม่ชอบ" ยัยฟ่างถามอย่างกวนๆ "ก็ชอบ ฉันชอบหมดแหละคนหล่อๆ อะ" "ถ้าเจอเขาที่หอ กดปล้ำเลยนะ ได้แล้วแบ่งฉันด้วย" พูดจบมันก็ทำหน้าหื่นๆ "แล้วเมียเขาก็จะมาทุบหัวฉันมั้ย" "แต่ฉันว่าเขาโสด" "แกรู้ได้ไง" ฉันเบะปากถามมัน "กูเด้า" "เดา! " พวกเราชอบคุยอะไรกันเรื่อยเปื่อยแบบนี้แหละ ทั้งที่ไม่มีใครจะมีแฟนเลยซักคน เหมือนกับว่าใช้ชีวิตเล่นสนุก กิน เที่ยวแบบนี้ไปวันๆ มันยังมีความสุขดี บทสนทนาเรื่องผู้ชายได้จบลงและเริ่มกลายเป็นนินทาชาวบ้านต่อ ถือเป็นเรื่องปกติของผู้หญิงเลยก็ว่าได้ อีกอย่างพวกเราไม่ใช่คนดีถึงขั้นที่จะไม่ยุ่งเรื่องชาวบ้านเลย "ยัยฟ่าง ฉันเริ่มเมาละนะ ไม่ไหวละ" ฉันเอามือปิดแก้วของตัวเองเอาไว้ หัวเริ่มโอนเอียงไปมา "อ่อนอีกละ" ยัยฟ่างรีบกระดกแก้วของมันแล้วเทต่อจนหมดเหยือก "ขอโทษนะครับ" เสียงของผู้ชายคนหนึ่งเรียกและสะกิดด้านหลังของฉันให้หันไปมอง ฉันยิ้มให้เขาไปนิดๆ ตาปรือๆ เพราะเริ่มเมา แต่ก็ยังมองออกว่าเขาหน้าตาดีพอสมควร หรืออาจจะดีมากเลยด้วยซ้ำแต่ตาฉันมัวๆ แล้ว ให้ผ่านก่อนแล้วกัน "เพื่อนพี่ฝากมาขอไลน์ หรือเฟสก็ได้" ฉันพยักหน้าหงึกๆ แล้วเอามือถือของเขามากดไอดีตัวเอง ที่แท้ก็ไม่ใช่เขาที่จะมาขอไลน์ฉัน แต่เป็นเพื่อนของเขาซึ่งไม่รู้ว่าหน้าตาเป็นยังไง แต่ก็ช่างเถอะฉันก็แค่คุยๆ ไปตามมารยาทเท่านั้น "เพื่อนคนไหน" สุดท้ายก็อดไม่ได้ที่จะถาม ไม่ใช่ฉันหรอก ยัยฟ่างมันนั่นแหละ "เอาไว้ให้มันทักไปเองแล้วกัน พี่มีหน้าที่แค่มาขอ ขอบคุณนะ" พูดจบเขาก็ยิ้มแล้วเดินกลับไปที่โต๊ะตัวเอง ที่ตอนนี้พากันมองมาที่โต๊ะพวกเรากันหมด แต่ทุกคนถูกจัดอยู่ในระดับดีถึงดีมาก ใครก็ได้ในนั้นก็ถือว่า ผ่าน! ก็คนมันโสดนี่นา จะแจกไลน์ใครก็ได้~ ตอนนี้เวลาเกือบเที่ยงคืนแล้ว พอออกจากร้านฟ่างก็ส่งฉันที่หอ แล้วมันก็กลับหอตัวเองซึ่งอยู่ไม่ไกลจากหอฉันตอนนี้เท่าไหร่ ฉันเดินขึ้นไปที่ห้องของตัวเองมันอยู่ชั้นสามของหอ ไม่ชอบขึ้นลิฟต์เวลาดึกๆ เท่าไหร่ เพราะกลัวผีเป็นชีวิตจิตใจเลย วันนี้เมามากเลยแฮะ สงสัยมันกินง่ายแหละรู้ตัวอีกทีก็เมาไปแล้ว โชคดีที่พรุ่งนี้เป็นวันเสาร์ จะนอนตื่นบ่ายเลยคอยดู คิดได้ดังนั้นก็เอื้อมมือไปจับลูกบิด แต่ไม่ทันที่จะควักกุญแจออกมาประตูห้องก็เปิดออก เพราะความมึนของฉันที่หมุนๆ มันทั้งที่ยังไม่เสียบกุญแจ "อ้าว ฉันไม่ได้ล็อกหรอกเหรอ" ฉันบ่นพึมพำแล้วเดินเข้าในห้องอย่างเมาๆ เขวี้ยงกระเป๋าลงบนเตียง แล้วเดินไปทิ้งตัวลงนอนบนเตียงนุ่มๆ นั้น นอกจากจะไม่ล็อกประตูแล้วฉันยังไม่ปิดไฟในห้องอีกสินะ แต่ช่างเถอะ ไม่มีแรงจะเดินไปปิดแล้วล่ะ คงไม่ทำให้ฉันหมดเงินกับค่าไฟไปเยอะหรอกมั้ง คิดได้ดังนั้นก็หลับตาลงทันที น้ำก็ไม่ต้องอาบมันละ เมาขนาดนี้มีหวังได้หลับในห้องน้ำพอดี คร่อกZzzz
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD