[เวทมนตร์] Episode-๐๓

1208 Words
อยู่กับพ่อแม่จนมืดค่ำฉันก็ยังไม่ยอมกลับบ้านนะคะ ไม่รู้ว่าควรทำหน้ายังไงตอนเจอพี่ติน ฉันกลัวน้ำตาจะล่วงลงมาซะก่อนมากกว่า ถ้าเขารักฉันอย่างที่ปากพูดจริงเขาควรหยุดก่อนที่ฉันจะทนไม่ไหวและพาตัวเองหายไปจากชีวิตเขาแทน "ไม่รับสายมันหน่อยเหรอ" คาถาเอ่ยพลางปรายตามองโทรศัพท์มือถือของฉันที่มีสายเข้าอยู่ตลอด “ปล่อยไว้แบบนั้นแหละ” “เฮ้อ...มานี่มา” พลางอ้าแขนกว้างรอรับฉัน แน่นอนว่าไม่ปฏิเสธอ้อมกอดนี้ หมับ! สวมกอดมันจนแน่นฉันรู้ว่ามันเข้าใจความรู้สึกของฉัน เราโตมาแบบเพื่อนมากกว่าพี่น้องเสียอีก “ผมให้พี่ร้องแค่วันนี้วันเดียวนะ” “...” ฉันปล่อยน้ำตาให้ไหลรินลงมาตามความรู้สึกที่กำลังดิ่งอยู่ตอนนี้เพราะไม่สามารถพูดหรือเอ่ยกับใครได้เลย “มนตร์ทำไมไม่รับสายพี่!! ถ้าพี่ไม่โทรหาแม่ก็คงไม่รู้สินะว่าอยู่ที่นี่ เป็นอะไรอะทำไมไม่คุยกันดี ๆ” เสียงพี่ตินโวยวายจากด้านหลัง ฉันจึงรีบเช็ดน้ำตาออกลวก ๆ ก่อนจะผละกอดจากคาถาแล้วหันไปเผชิญหน้ากับเขา “คุยกันดี ๆ งั้นเหรอคะ เหอะ!” ฉันแค่นหัวเราะออกมาอย่างนึกสมเพชตัวเองที่ต้องทำเป็นโง่ไม่รู้ไม่เห็นอะไรเลย "พี่ทำอะไรผิดไปหรือเปล่า" เมื่อเห็นคราบน้ำตาของฉันน้ำเสียงโวยวายจึงอ่อนลงแทบจะทันที "วันนี้พี่ไปไหนมาเหรอครับ?" "..." เจอคำถามตรง ๆ ของคาถาเข้าไปเขาถึงกับเงียบค่ะ ฉันก็อยากรู้เหมือนกันว่าเขาจะตอบว่ายังไงหรือมีท่าทีแบบไหน ฉันมองหน้าพี่ตินนิ่ง ๆ ความรักที่หอมหวานมันเริ่มขมขื่นลงไปทุกวันและเหมือนจะมีแค่ฉันที่เจ็บอยู่ฝ่ายเดียว "ช่างเถอะ! ผมแค่ถามไปอย่างนั้นแหละ กินข้าวก่อนสิแล้วค่อยกลับ มีผลไม้ด้วยนะครับ" คาถาเอ่ยชวนตามมารยาทจากนั้นมันก็เดินผิวปากออกไปอย่างอารมณ์ดี ส่วนพ่อกับแม่ท่านไปบ้านคุณยายกันค่ะ ยังไม่กลับมาเลย "พี่ขอโทษนะ" “ขอโทษเรื่องอะไรเหรอคะ พี่ไม่ได้ทำอะไรผิดนี่” “แล้วถ้าพี่เผลอทำอะไรผิดไปล่ะ มนตร์จะให้อภัยพี่ไหม?” “ผิดที่ว่านี่มันร้ายแรงแค่ไหนเหรอคะ มนตร์จะได้รับมือถูก” ฉันว่ายิ้ม ๆ เหมือนไม่ใส่ใจมากนัก แต่คนตรงหน้าสิเงียบไปเลยก่อนจะดึงฉันไปกอดและหอมเบา ๆ ฉันหวังนะคะให้เขาสารภาพมันออกมาด้วยตัวเองอย่างน้อยมันก็ทำให้รู้ว่าเขายังรักฉันอยู่ กลางดึกฉันสะดุ้งตื่นขึ้นมาเมื่อรู้สึกว่าคนข้าง ๆ ลุกออกไปจากที่นอน ภายในห้องปิดไฟจนมืดสนิทแต่ก็พอมองเห็นลาง ๆ อยู่บ้าง ฉันจึงแอบเดินตามเขาไปเงียบ ๆ จนมาหยุดอยู่ตรงมุมหนึ่งของบ้าน พี่ตินหยิบมือถือขึ้นมาก่อนจะโทรหาใครบางคน “เป็นยังไงบ้าง” (...) “ฉันไปหาเธอไม่ได้หรอก” (...) “ไว้ว่าง ๆ แล้วกันนะดูแลตัวเองด้วย” เมื่อเห็นเขาวางสายฉันจึงรีบพาตัวเองกลับมาที่ห้องนอนเหมือนเดิม ไม่นานพี่ตินก็กลับเข้ามาทิ้งตัวลงนอนแล้วดึงฉันไปกอดเหมือนเช่นทุกวัน กอดของเขามันอบอุ่นมากเลยนะคะ ... เช้าอีกวันฉันตื่นก่อนเขาค่ะ วันนี้ตั้งใจจะเข้าร้านสักหน่อยหยิบผ้าเช็ดตัวกำลังจะเข้าห้องน้ำแต่เสียงมือถือพี่ตินดังขึ้นซะก่อน ฉันจึงกดรับสายอย่างเสียมารยาทปลายทางเป็นเบอร์แปลกค่ะ “สวัสดีค่ะ” (…) หมับ! “มนตร์คุณทำอะไรน่ะ” พี่ตินรีบลุกมาแย่งมือถือจากมือฉันอย่างรวดเร็ว ดูไม่มีพิรุธเลยนะคะ “ทำไมอะ แค่รับสายเองพี่แปลกไปนะคะเมื่อก่อนไม่เห็นเป็นอย่างนี้เลย” จ้องหน้าเขาอย่างจับผิด “พี่มีอะไรอยากบอกมนตร์ไหมคะ?” ถ้าเขาสารภาพออกมาจริง ๆ ฉันก็รับฟังนะคะ ถึงจะรับไม่ได้ก็เถอะ “คือพี่...” “ตามสบายค่ะ เอาที่พี่สบายใจแล้วกัน” สิ่งที่ฉันอยากฟังคือความจริงต่างหาก ไม่ใช่คำโกหกที่เขากำลังคิดจะพูดออกมา ปิดประตูห้องน้ำฉันทิ้งตัวลงกับพื้นทันทีเจ็บไปรักไปมันเป็นแบบนี้นี่เอง ฉันจะอดทนได้อีกนานแค่ไหนกันนะ ทำธุระส่วนตัวเสร็จฉันรีบแต่งตัวออกจากบ้านทันที ส่วนพี่ตินเช้านี้เขามีประชุมค่ะ ใช้เวลาราวชั่วโมงก็มาถึงร้านแล้วค่ะเช็คบัญชีเช็คของเข้าร้านพยายามทำทุกอย่างเท่าที่จะทำได้เพื่อไม่ให้จิตใจฟุ้งซ่าน ที่ร้านฉันมีพนักงานสองคนค่ะ ผู้หญิงกับผู้ชายคือมีอากับโมเดล เขาสองคนเป็นแฟนกันค่ะฉันเห็นพวกเขาขยันและมุ่งมั่นจึงรับไว้เป็นลูกน้องเท่านั้นเอง มีอา : พี่มนตร์คะเค้กช็อคโกแลตหมดค่ะ “นี่ไงพี่ทำเสร็จพอดี” “ถ้างั้นให้ลูกค้ารอสักสิบนาทีเนอะ” “จ้า” ฉันรีบตัดเค้กทันทีเพื่อที่จะไปวางไว้หน้าร้าน แต่วันนี้คนเยอะกว่าทุกวันค่ะ ฉันจึงต้องลงมือขายด้วยตัวเอง “คุณลูกค้ารับอะไรดีคะ” ... : เค้กช็อคโกแลตสองชิ้นค่ะ “สักครู่นะคะ ขอโทษด้วยที่ทำให้รอ” ... : ไม่เป็นไรค่ะ หนูมาซื้อประจำเลยนะคะร้านนี้อร่อย เธอว่าพลางฉีกยิ้มให้ฉันอย่างเป็นมิตร แล้วน่าจะยังเด็กอยู่นะคะสักยี่สิบถึงหรือเปล่าก็ไม่รู้ “ลูกค้าวีไอพีนะคะเนี่ย” ... : มีน้องน่ะค่ะ กินมาหลายร้านแล้วไม่ถูกใจสักร้านเลย “ขอบพระคุณมากค่ะ” โมเดล : พี่มนตร์ครับ โน่น... "..." มองตามที่โมเดลชี้ไปพี่ตินค่ะ เขาหอบดอกไม้ช่อโตมาหาฉันถึงที่นี่เชียวจะใช้ของพวกนี้เยียวยาความรู้สึกฉันอย่างนั้นเหรอ ... : ฟะ แฟนพี่เหรอคะ “สามีพี่เองค่ะ ทั้งหมดหนึ่งร้อยบาทส่วนชิ้นนี้พี่แถมนะคะ น้องจะได้กินอิ่ม” ... : ขอบคุณนะคะ จังหวะที่พี่ตินเดินเข้ามาเธอคนนั้นก็เดินออกไปพอดี ฉันเห็นพี่ตินพูดอะไรบางอย่างกับเธอด้วย ก่อนจะเดินมาถึงตัวฉัน "พูดอะไรกับเขาเหรอคะ" "เขาไหน?" “ผู้หญิงคนเมื่อกี้ไง” “ตาฝาดแล้วพี่ยังไม่พูดอะไรเลย ขอโทษนะสำหรับเรื่องเมื่อเช้านี้พี่ไม่ได้ตั้งใจ” “สัญญาไหมคะ ถ้ามีอะไรพี่จะบอกหนูเป็นคนแรก" “มันไม่มีอะไรสักหน่อยคิดมากอีกแล้ว” เขาว่าพลางดึงฉันไปกอด ในเมื่อเขายืนกรานว่าไม่มีอะไรฉันจะแกล้งเชื่อก็แล้วกันนะ แต่ถ้าเมื่อไหร่มันถึงเวลาของฉัน ฉันก็ควรจะรักตัวเองให้มากกว่านี้
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD