บทที่5.3

1415 Words
“หนูๆ สุดป้ายแล้วครับ” “อ่า...ค่า” ฉันสะดุ้งตื่นและรีบขานรับอย่างเข้าใจ ลองกวาดสายตาไปรอบๆ ก็พบว่าตอนนี้ไม่มีใครอยู่บนรถเมล์นอกจากตัวเอง นี่ฉันนั่งหลับมาตลอดทางเลยเหรอเนี่ย ฉันรีบลงจากรถเพราะกลัวจะโดนกระเป๋ารถเมล์และคนขับรำคาญเอา แต่ทันทีที่ลงมาก็ต้องชะงักไปพักใหญ่ เพราะตรงนี้เป็นอู่รถเมล์ที่ไม่ค่อยมีคนพลุกพล่าน อาจเพราะมันค่อนข้างดึกแล้วนั่นแหละ ผู้คนเลยบางตาและดูเงียบสงัดจนน่ากลัว เมื่อเห็นแบบนั้น ฉันจึงเดินเลี่ยงๆ มานั่งหน้าเซเว่นไม่ไกลจากอู่เพราะแสงไฟสว่างๆ ทำให้ฉันอุ่นใจและคลายความกลัว นั่งได้สักพักก็ล้วงมือถือขึ้นมา และต้องตกใจเมื่อเห็นสายไม่ได้รับเกือบห้าสิบสาย! ข้อความอีกนับไม่ถ้วน! ของพี่จุนทั้งนั้น “ไม่ต้องมายุ่งกับตัวเล็กเลยไอ้คนนิสัยไม่ดี” ฉันเม้มริมฝีปากเมื่อเอ่ยจบ กระบอกตามันแสบร้อนเตรียมจะร้องได้อีกแล้ว ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ไอ้มือไม่รักดีก็ดันกดดูข้อความที่เขาส่งมาจนได้ ไม่อยากอ่านเลย ไม่สนใจแล้วด้วย แต่... ดูหน่อยหนึ่งก็ได้ P’ Joon: อยู่ไหน โทรไปทำไมไม่รับสาย P’ Joon: อย่ามางอแง มันดึกแล้วเห็นไหม P’ Joon: ทำไมดื้อแบบนี้ ข้อความส่วนใหญ่ก็ประมาณนี้หมดเลย ใช่สิ ฉันมันงอแง ดื้ออีกต่างหาก ถ้าไม่ชอบก็ไม่เห็นต้องลำบากตามตัวนี่ ฉันเองก็ไม่อยากอยู่กับเขาแล้วเหมือนกันแหละ! ถ้าหยิบกระเป๋าอีกใบมาด้วยก็ดีสิ ในนั้นมีกุญแจบ้านไง เวลาแบบนี้ถ้ากลับไปนอนบ้านคงอุ่นใจกว่าเยอะเลย ถึงจะอยู่คนเดียว แต่ก็คงรู้สึกดีกว่าอยู่กับคนใจร้ายอย่างเขา แล้วแบบนี้ฉันจะไปอยู่ที่ไหนดีอ่า เอี้ยด ในระหว่างที่เตะเท้าไปมาอย่างครุ่นคิด รถหรูๆ คันหนึ่งที่ขับผ่านไปเหมือนเราไม่รู้จักกันก็ถอยกลับมาและหยุดลงตรงหน้าฉัน ตอนแรกฉันคิดว่าเขาอาจจะแวะร้านสะดวกซื้อตามประสา ทั่งกระจกรถเลื่อนลง... โห ใครน่ะ? ทำไมหล่อเป็นบ้าเลย ฉันเอียงคอสงสัยพลางขมวดคิ้ว ซึ่งพี่ผู้ชายคนนั้นเองก็ทำท่าขบคิดพิจารณาอะไรสักอย่างเหมือนไม่แน่ใจ ที่แน่ๆ เขามีออร่าจับชนิดที่ทำให้พนักงานให้เซเว่นชะเง้อมองอย่างไม่ละสายตาเลยทีเดียว “น้องครับ หลงทางหรือเปล่า” หลังจากพินิจพิเคราะห์อยู่พักหนึ่ง เขาคนนั้นก็ยอมปริปากถาม แต่ถึงจะหล่อมากแค่ไหนฉันก็ไม่ไว้ใจเด็ดขาด! โจรชั่วสมัยนี้หน้าตาดีมีถมเถไป ฉันเคยเห็นในข่าว เพราะงั้นฉันจึงเดินหนีเพื่อหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้าโดยตรง แต่แล้วก็ต้องสะดุ้งเฮือกเมื่อฝ่ามือเย็นเฉียบคว้าเข้าที่ต้นแขนอย่างแผ่วเบา แต่ก็หนาแน่นเอาการอยู่เหมือนกัน “ปล่อยนะ!” ฉันตะเบ็งเสียงพลางออกแรงบิดแขนจากฝ่ามือทรงพลัง “เดี๋ยว ใจเย็นๆ ครับ พี่ไม่ทำอะไรตัวเล็กหรอกนะ” อะไรน่ะ! ทำไมเขารู้จักชื่อฉัน! โจรสมัยนี้ล้ำเกินไปแล้ว “พี่ชื่อเกรย์ครับ เป็นเพื่อนไอ้พี่จุนมัน” “...” ฉันหยุดดิ้น เมื่อกี้หูฝาดไปหรือเปล่า พี่ผู้ชายคนนั้นบอกว่าเป็นเพื่อนพี่จุนเหรอ หมายความว่าพี่จุนให้เขาออกมาตามฉันใช่ไหม “ไปกับพี่เนอะ ดึกๆ ดื่นๆ ออกมาตากลมทำไม” พี่เกรย์ทำท่าจะพาฉันขึ้นรถ แต่ฉันยื้อตัวเองสุดแรง “ไม่เอา ตัวเล็กไม่กลับ ตัวเล็กเกลียดพี่จุน...” ฉันเริ่มสะอื้นแต่กลับไม่มีน้ำตาสักหยดไหลออกมา ยิ่งนึกถึงสีหน้าและแววตาดุกร้าวของเขา หัวใจมันก็ยิ่งสั่นระริก แต่เชื่อเถอะว่าฉันเสียใจสุดๆ ตอนที่เขากล่าวหาฉันด้วยถ้อยคำรุนแรงแบบนั้น “ไม่กลับก็ต้องกลับ” ฉันสะดุ้งสุดตัวเมื่อได้ยินเสียงเยียบเย็นของใครสักคน ไม่แน่ใจว่าตัวเองฝันไปหรือเปล่า แต่เสียงเมื่อสักครู่นี้น่ะ... เหมือนของพี่จุนเลย แถมยังดังอยู่ไม่ไกลจากตรงนี้ด้วย “อ้าวพี่ มาเร็วเคลมเร็วชะมัด” พี่เกรย์หันไปพูดกับเขาในขณะที่ฉันเปลี่ยนมายืนตัวแข็งทื่อ ลมหายใจขาดห้วงไปแล้ว ไม่กล้าหันกลับไปมองเขาเลย พี่จุนมาจริงๆ สินะ เขามาตอนไหนอ่ะ ทำไมฉันไม่ได้ยินเสียงหรืออะไรเลย บางทีฉันคงคิดอะไรเยอะไปจนไม่ทันได้สังเกตสิ่งรอบข้างแน่ๆ ฮือ ไม่เอา ทำไมเขาต้องมาตามด้วย! “ปล่อยตัวเล็กนะ ตัวเล็กไม่กลับ” คิดได้ดังนั้นฉันจึงรวบรวมพละกำลังทั้งหมดสลัดฝ่ามือพี่เกรย์ออก ซึ่งมันหลุดได้เพียงแป๊บเดียว! เพราะไม่ทันได้ก้าวขาวิ่งไปไหน ร่างทั้งร่างก็ถูกยกขึ้นและจับพาดบ่าอย่างรวดเร็ว กลิ่นแบบนี้... พี่จุนคนเลว! เพียะ ฉันสะดุ้งจนเผลอปล่อยเสียงสะอื้นเมื่อฝ่ามือที่เย็นเเละร้อนไปในคราวเดียวของพี่จุนฟาดเบาๆ ที่ก้นของฉัน ถึงมันจะเบา... เเต่ฉันเจ็บมากเลยนะ “อย่ามาดื้อ” เขาคำรามเสียงดุขณะก้าวเท้าเดินไปยังรถคันหรูซึ่งจอดอยู่ไม่ไกล ส่วนฉันก็ดิ้นแด่วๆ อยู่บนบ่ากว้างเพราะไม่อยากไปกับเขา อยากจะแหกปากร้องเสียงดังๆ เหมือนกันนะ! เเต่กลัวโดนเขาตีก้นเหมือนอย่างเมื่อกี้อีกเลยเงียบดีกว่า ไม่นานหลังจากนั้นพี่จุนก็จับฉันยัดเข้าไปในรถ ก่อนแทรกตัวเข้ามาและดึงฉันนั่งตัก! เบาะตรงอื่นก็มี ทำไมต้องมานั่งบนนี้ด้วย ตัวเล็กไม่เข้าใจ “อ้าว ทีตอนขอให้ช่วยนี่พูดจาดีจัง พอได้น้องคืนแล้วผมนี่หมาเลยเนอะ” เสียงพี่เกรย์ดังขึ้นในครั้งที่จุนสตาร์ทเครื่อง แต่ฉันไม่รู้หรอกว่าพี่เกรย์กำลังทำหน้ายังไงเพราะตอนนี้ฉันเอาแต่ก้มหน้า ตัวสั่นอยู่บนตักหนา สักพักหนึ่งรถก็ค่อยๆ เคลื่อนตัว ความเร็วลดลงกว่าตอนเย็นมาก แต่ไม่ได้ทำให้ความกลัว ความโกรธจางหายไปเลย “...อึก” เสียงลมหายใจจากเจ้าของตักทำให้ฉันกลั้นสะอื้นเอาไว้ไม่อยู่ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพี่จุนใช้แขนโอบเอวกันตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ฉันเห็นชัดเจนเลยนะว่ามันเป็นข้างเดียวกันกับฝ่ามือที่มีแผล ซึ่งจนป่านนี้แล้วเขาก็ไม่ยอมทำแผลหรือหาผ้ามาพันดีๆ สักที เดี๋ยวก็ติดเชื้อตายหรอก... ฉันคิด เเต่... ช่างสิ เรื่องของเขาอ่ะ ตัวเล็กไม่เกี่ยว ไม่เอี่ยวอะไรทั้งสิ้น ตอนแรกก็เป็นห่วงอยู่หรอก ตอนนี้สมน้ำหน้าดีกว่า! “โกรธได้ แต่คราวหลังอย่าหนีออกมาข้างนอก” เเรงสะอื้นของฉันทำให้พี่จุนปริปากพูด เสียงของเขายังมีไอของความดุดัน แต่ไม่ได้แข็งกระด้างอะไรนัก “ตัวกะเปี๊ยกเดียว จะไปสู้อะไรใครได้” พูดพลางกระชับเอวจนฉันต้องถลาเข้าไปใกล้อย่างห้ามไม่ได้ ใกล้จนสัมผัสได้ถึงบางอย่างที่กำลังเต้นกระทบแผ่นหลังฉัน หนักหน่วงจังเลย ไอ้ตรงนั้นน่ะ เสียงหัวใจเหรอ... ใช่ไหม? “...” ฉันไม่พูดกับเขา “เราเข้าใจที่พี่พูดไหม” เขาถามข้างหู ฉันเลยหดคอและก้มหน้าหลีกเลี่ยงเขา ได้ยินอยู่แล้ว... แต่ไม่ตอบ ไม่อยากเสวนากับเขาเลยในตอนนี้ “โอเค ถือว่าเข้าใจ” พี่จุนถอนหายใจและปล่อยให้ความเงียบทำหน้าที่ครอบคลุมเราสองคนเป็นเวลายาวนาน กระทั่งมาถึงคอนโด เขากอบกำข้อมือฉันแน่นมากเหมือนกลัวว่าฉันจะวิ่งเตลิดเปิดเปิงไปที่อื่นอีก พละกำลังของเขามหาศาลมากเกินกว่าฉันจะต้านทาน ก็เลยจำใจเดินตามไปเงียบๆ อย่างนั้น “ตัวเล็ก เงยหน้า” เมื่อมาถึงข้างในพี่จุนก็ออกคำสั่งเพราะฉันไม่ยอมมองหน้าเขา “มองหน้าพี่” “...” ฉันส่ายหน้าปฏิเสธ ทำไมต้องมองด้วย ก็ไม่อยากมองนี่ “ตัวเล็กจะเมินใครก็ได้ แต่ห้ามเมินพี่”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD