บทที่4.2&5.1

1783 Words
พลั่ก!! เสียงพี่จุนแหบพร่าเเละอันตรายมาก เล่นเอาฉันรีบยกมือผลักอกเขา ก่อนจะวิ่งออกจากห้องโดยไม่หันกลับไปมองอีกเลย ตัวเล็กน่ะ... นอนคนเดียวก็ได้! ไอ้คนนิสัยไม่ดี โกรธแล้ว! [บทบรรยาย: จุน] ตัวเล็กวิ่งออกจากห้องไปแล้ว... นึกโมโหตัวเองเหมือนกันที่เอาแต่ใจเกินไปจนเด็กมันกลัว แต่ผมห้ามตัวเองไม่ได้นี่หว่า... มากอด มาซุก แถมยังหายใจรดกันแบบนี้ผู้ชายหน้าไหนมันจะทนได้ แต่เออ มันผิดที่ผมเองนี่แหละ ถ้ารู้จักหักห้ามตัวเองบ้างก็คงไม่หลวมตัวจนเผลอพลั้งจูบยัยนั่นเข้าหรอก “บัดซบจริง” ผมสบถอย่างหัวเสียเมื่อตัวเล็กวิ่งจากไป เสียงประตูห้องที่ปิดดังตึงทำให้ผมได้คำตอบว่ายัยนั่นคงหมกตัวอยู่ในนั้น บางทีคงไม่ออกมาเจอหน้ากันอีกนานเลย “เออดี...” ผมพึมพำขึ้นมาอีกเมื่อหันไปเห็นหมอนหนุนและผ้าห่มผืนหนาของตัวเล็ก เมื่อกี้คงเตลิดเปิดเปิงจนไม่สนใจอะไรเลยมั้ง มองอยู่ครู่หนึ่งก็ถอนหายใจออกมาอย่างช่วยไม่ได้ ก่อนคว้าผ้าห่มและหมอนติดมือมาเพื่อจะเอาไปให้ยัยลูกหมาที่ไม่รู้ว่าป่านนี้สติแตกไปหรือยัง ผมว่าผมจูบเบาแล้วนะ แต่ยัยนั่นคงเจ็บ... ดีไม่ดีอาจจะบวมหรือมีรอยก็ได้ ก๊อกๆ “ตัวเล็ก พี่เอาผ้าห่มกับหมอนมาให้” ผมเคาะประตูเรียกสองครั้ง แต่ยัยเด็กดื้อไม่ตอบสนองใดๆ ทั้งสิ้น ผมว่ายัยนั่นคงทำเพิกเฉยไม่สนใจเพราะไม่อยากเผชิญหน้าหรือพูดคุยกับผมมั้งแน่ๆ “...” “ตัวเล็ก ออกมาเอาเร็ว” เสียงของผมดังขึ้นอีกครั้ง ทว่าทุกอย่างยังคงเงียบงัน ไม่มีเสียงตอบรับแม้แต่นิด “งั้นพี่วางไว้ตรงนี้นะ” ผมทำตามที่พูดจริงๆ ยัยนั่นเป็นคนขี้หนาวจะตาย ยังไงก็ต้องออกมาเอาอยู่แล้ว แต่ตอนนี้ขอหยิ่งไว้ก่อน พรุ่งนี้ค่อยง้อก็ได้ อยากได้อะไรเดี๋ยวหามาให้หมดเลย... ตอนเช้า พึ่บ ผมสะดุ้งตื่นเมื่อรับรู้ได้ถึงเรียวแขนนุ่มนิ่มของใครบางคนพาดทับรอบเอว ตอนแรกคิดว่าตัวเองคงละเมอไป แต่ทันทีที่หลุบตามองก็ต้องขมวดคิ้วมุ่นเพราะไอ้เจ้าของอ้อมกอดแนบแน่นดังกล่าวคือตัวเล็ก... ยัยเด็กที่งอนตุบป่องเมื่อคืนนี้ไง ไหงมานอนกอดกันได้วะเนี่ย! “ตัวเล็ก...” ผมขานเรียกตัวเล็กเบาๆ แต่ยัยนั่นทำเพียงขยับตัวเล็กน้อยทั้งๆ ที่ยังหลับปุ๋ยอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราว และให้ตายดิ ในครั้งที่ผมลองสังเกตริมฝีปากยันเด็กนั่นก็ต้องตกตะลึงเมื่อเห็นรอยช้ำและความบวมเป่งผิดปกติ ถึงจะมั่นใจว่าตัวเองแผ่วเบาและไม่ได้รุนแรงกับตัวเล็กเลยก็เถอะ แต่ทำไม... หรือยัยนั่นเปราะบางเกินไปกันแน่ โดนอะไรนิดหน่อยก็บอบช้ำเอาง่ายๆ “อย่ามาทำนะ!” ผมสะดุ้งเมื่อยัยเด็กที่นอนหลับเป็นตายโพล่งออกมาเสียงดังราวกับจะประกาศสงคราม และเออ...ปากน่ะร้องห้าม แต่ทำไมต้องกระชับอ้อมกอดให้แนบแน่นขนาดนี้ด้วย ไม่เข็ดไม่หลาบเลยใช่ไหมยัยเด็กคนนี้ “นอนดีๆ” ผมกระซิบและขยับตัวเล็กน้อย อยากนอนนิ่งๆ ให้ตัวเล็กกอดเหมือนกัน แต่ไม่เอาดีกว่า ถึงจะหงุดหงิดที่เมื่อคืนทำตัวไม่ดี แต่เอาจริงๆ ผมก็อยากทำอีก... ด้านมืดมันพร้อมจะตื่นอยู่ตลอดเวลา ยิ่งคิดถึงมัน คิดถึงความนุ่มนิ่มและลมหายใจสั่นแผ่ว สมองมันก็คิดอะไรแบบใสสะอาดไม่ได้เลย ครืด... เสียงสั่นเตือนของมือถือบนหัวเตียงฉุดผมจากภวังค์ความคิด มันน่าละอายอยู่เหมือนกันที่มานั่งคิดถึงอะไรแบบนั้นในช่วงเช้า... แต่มันเป็นธรรมชาติของผู้ชายไง ผมเข้าใจ แต่ตัวเล็กคงไม่เข้าใจ ตอนแรกคิดว่าเป็นมือถือของตัวเอง แต่ปรากฏว่าที่มาของเสียงเป็นของตัวเล็กซึ่งไม่รู้ว่าเอามาตั้งเเต่เมื่อไหร่ ผมเห็นอยู่ลางๆ ว่าเป็นข้อความไลน์จากใครสักคน ไม่อยากก้าวก่ายหรอก... แต่ไม่รู้อะไรดลใจให้ผมเอื้อมไปหยิบมันแล้วเปิดดูอย่างถือเสียมารยาท Deaw: ตัวเล็กว่างคุยกับเดียวไหมครับ Deaw: ถ้าว่างก็ตอบเดียวด้วย เดียวอยากคุยกับตัวเล็กนะ แทบไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าสีหน้าในขณะนี้กลับมาเรียบนิ่งแล้ว และผมก็ทำตัวแย่ๆ ด้วยการลบข้อความพวกนั้นทิ้งอย่างไม่ลังเล ไม่สนหรอกว่ามันเป็นใคร ไม่พอใจคือไม่พอใจ “รำคาญ...” [จบบทบรรยาย: จุน] “เดี๋ยวตอนเย็นพี่มารับ” “อือ” ฉันตอบรับสั้นๆ โดยไม่มองหน้าเจ้าของคำพูดแม้แต่นิด เพราะแบบนั้นเองพี่จุนที่พยายามหาเรื่องคุยเลยรั้งต้นแขนไว้เบาๆ ก่อนที่ฉันจะลงจากรถไป ไม่อยากคุยอ่ะ โกรธอยู่... โกรธของจริงด้วย! ถึงจะโมโหตัวเองที่วันนั้นกลับไปนอนกับเขาเพราะกลัวผีก็เถอะ แต่ไม่ได้หมายความว่าจะหายเคืองกับสิ่งที่เขาทำไว้สักหน่อย ดูสิ! ปากฉันยังช้ำๆ อยู่เลย เมื่อวานตอนเข้าเรียนก็มีเพื่อนมาถามกันตั้งเยอะตั้งแยะ คิดว่าฉันโดนใครทำร้าย ตัวเล็กโดนจูบต่างหากล่ะ!!! “ตัวเล็กจะไม่คุยกับพี่จริงๆ เหรอ” เสียงที่ยังคงความเรียบนิ่งดังขึ้นมาอีก เขาคงอึดอัดมากแน่ๆ ที่ฉันเอาแต่เงียบและเพิกเฉยใส่ขนาดนี้ ใจจริงก็อยากจะคุยด้วยเหมือนกันแหละ แต่ไม่เอาอ่ะ เดี๋ยวเสียฟอร์ม “ตะ ตัวเล็กจะไปเรียนค่ะ” ฉันเปล่งเสียงกระท่อนกระแท่นออกไปและพยายามบิดแขนออกจากฝ่ามือหนา ซึ่งพี่จุนก็ไม่เอาแต่ใจหรือเผด็จการอย่างที่เคยเป็น เพราะงั้น... ฉันเลยแอบชำเลืองมองนิดหน่อย แต่ก็ต้องรีบลากสายตากลับมาเมื่อเห็นว่าเขายังคงจ้องหน้ากันอยู่ หน้าตาจริงจังมากเลยนะนั่น... เดี๋ยวหายโกรธเองแหละ ขอเล่นตัวก่อนไม่ได้เหรอ “อยากกินไรไหม” ฉันกำลังจะลงจากรถ แต่คราวนี้พี่จุนทำให้ฉันชะงักหนักกว่าเดิมด้วยคำถามพวกนั้น ไม่อยากจะบอก! ตั้งแต่วันที่ฉันบึ้งตึงใส่เขา... พี่จุนน่ะก็ขยันหาโน่นหานี่มาล่อฉันตลอดเลย เหมือนเขาพยายามง้อ แต่สีหน้าเนี่ยไม่ยิ้มแย้มเลยนะ ไม่รู้ว่าในใจกำลังวางแผนฆ่าแกงกันหรือเปล่า “ไม่เอาค่ะ” ฉันปฏิเสธพร้อมส่ายหน้าไปมา “งั้น... ตั้งใจเรียนครับ” อ่า อยู่ดีๆ เสียงของเขาก็กลับมานุ่มทุ้มน่าฟังจนรู้สึกจักจี้ที่อกแปลกๆ ถึงแม้ว่ามันยังคงความราบเรียบตามแบบฉบับเขา แต่ฉันสัมผัสได้ว่ามันแปลกไปนิดหน่อย อย่ามาทำเสียงแบบนี้ใส่กันนะ ถ้าได้ยินอีกน่ะ... จะหวั่นไหวจริงๆ ด้วย ตอนเย็น ฉันเพิ่งเลิกเรียนและกำลังเดินไปหน้ารั้วมหา’ลัย แม้ว่ายังตึงๆ ใส่พี่จุนอยู่ แต่เหตุการณ์บนรถเมล์ในครั้งนั้นทำฉันกลัวและจำฝังใจพอสมควร เพราะงั้นฉันจึงสั่งให้ตัวเองออกไปรอเขาหน้ารั้วทุกครั้งเมื่อเลิกเรียน ห้ามเถลไถลเด็ดขาด! “ตัวเล็ก!” ทว่าเสียงทุ้มติดขี้เล่นของใครสักคนฉุดให้ฉันหันกลับไปพร้อมทั้งหยุดเท้าอยู่ตรงนั้น โอ๊ะๆ! ความหล่อแผ่รังสีมาเเต่ไกลเลย “จ๋า เรียกเสียงดังตัวเล็กตกใจหมดเลย” ฉันขานรับอย่างเป็นมิตรและยิ้มตาหยีเพราะเจ้าของร่างสูงที่วิ่งกระหืดกระหอบมาหาคือ ‘เดียว’ เพื่อนร่วมคณะ เราเจอกันบ้างแต่ไม่บ่อยเพราะเรียนกันคนละเซคชั่นน่ะ “เดียวกลัวตัวเล็กไม่ได้ยินไง” เดียวให้เหตุผลขณะหอบหายใจถี่ๆ อย่างเหน็ดเหนื่อย เหงื่อเต็มหน้าไปหมดเลย “โหย ตัวเล็กหูดี ตะโกนแบบนี้คนมองเต็มเลยเนี่ย” ฉันกวาดสายตาไปรอบๆ เพราะมีคนจำนวนหนึ่งกำลังให้ความสนใจเราสองคน แหงล่ะ! เดียวน่ะเป็นคนดูดีและฮอตมากเลยนี่นา “ช่างคนมองไปเถอะ เดียวไม่อายหรอก” เดียวพูดจาแปลกๆ จนฉันต้องลากสายตากลับมา วินาทีนั้นเองฉันจึงเห็นแววตาที่กำลังสื่อความหมายของเขา และสักพักหนึ่งเดียวก็ดึงมืออีกข้างที่เคยซ่อนไว้ข้างหลังมาตรงหน้าพร้อมกุหลาบช่อโต! อะโห... ฉันอ้าปากอ้าง ได้แต่มองดอกกุหลาบช่อใหญ่สลับกับเดียวอย่างไม่เข้าใจ เสียงซุบซิบนินทาหนาหูขึ้นเรื่อยๆ แล้วก็นะ รังสีฆ่าฟันลอยมาจากไหนไม่รู้... “หะ ให้ตัวเล็กเหรอ?” ฉันเอียงคอ รู้สึกเอ๋อจนเรียบเรียงคำพูดไม่ถูก ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยมีคนให้ดอกไม้มาก่อนเลย ตื่นเต้นโคตร! “อือ เดียวซื้อมาให้” เดียวพยักหน้าอย่างไม่เอียงอาย แถมยังปรับระดับช่อกุหลาบให้อยู่ใกล้กับสายตาฉันมากกว่าเดิมอีกต่างหาก “ตัวเล็กเอาไปสิ” เขาคะยั้นคะยอในขณะที่ฉันทำได้แค่กลืนน้ำลายลงคอซ้ำๆ ไม่ใช่อะไรเลยนะ คือดูแค่นี้ก็รู้แล้วว่าราคามันต้องสูงแน่ๆ อีกอย่าง... พวกผู้หญิงที่กำลังมองมาก็น่ากลัวไม่เบาด้วย ถ้าตัวเล็กรับไว้จะโดนพวกนั้นตีไหมอ่ะ “ตัวเล็ก...” ปรี้น!!! กำลังจะพูดอะไรสักอย่าง ทว่าเสียงแตรรถที่ดังระงมไปทั่วทำให้ฉันสะดุ้งโหยงด้วยความตกใจ ครั้นเมื่อหันกลับไปมองก็พบกับต้นของเสียงซึ่งยังคงกรีดร้องไม่หยุดจนคนเริ่มมุงเพราะคิดว่ามีอะไรเกิดขึ้น พี่จุนนี่นา! เขาจอดรถอยู่หน้ารั้วและกำลังจ้องฉันผ่านกระจกด้วยสีหน้าที่ทำเอาขนอ่อนลุกชันไปทั้งตัว แบบว่า... อยู่ดีๆ ก็หายใจไม่ออกซะงั้นอ่ะ นัยน์ตาคมกริบมีแววคุกรุ่นมากกว่าครั้งไหนจนฉันต้องรีบหันไปหาเดียว ไม่รู้หรอกว่าพี่จุนกำลังหงุดหงิดอะไร แต่อาการดูไม่ดีเอาซะเลย เขาเอาแต่บีบแตรอย่างดื้อรั้น ไม่ยี่หระว่ามีคนมองมากแค่ไหนเพราะสิ่งเดียวที่เขามองคือฉัน! อ่า... จะโดนฆ่าไหมเรา “เดียว ตัวเล็กต้องไปแล้วนะ” ฉันลนลานพูดและกำลังจะวิ่งไปหาพี่จุน แต่เดียวรั้งข้อมือไว้ซะก่อน “ตัวเล็กจะไม่เอาจริงๆ เหรอ...”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD