“ถ้าฆ่าคนตายแล้วไม่ติดคุก ริดก็จะฆ่าลุงคนแรกค่ะ”
คริษฐาสะบัดหน้า ไล่ความง่วงที่คืบคลานเข้ามาครอบงำเธอ เธอฟาดไม้เบสบอลลงไปติดๆ กันหลายรอบ แล้วก็พยายามทรงตัวเดินหนี
ก่อนที่ทุกอย่างจะดับมืดลง เธอได้ยินเสียงหัวเราะของแดนไทยด้านหลัง มือเธอกำลูกบิดประตูรั้ว พยายามจะเปิดประตูให้ได้ เธอถลาออกมาด้านนอกได้สำเร็จ...แต่สติของเธอวูบดับลงไปเสียก่อนแล้ว
‘ไม่นะ...’
เกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้นคริษฐาไม่สามารถรู้ได้เลย
ตอนที่ 4.
หนีเสือปะจระเข้
เปลือกตาหนักอึ้ง ความรู้สึกหวาดกลัวจู่โจมเข้ามาในหัวใจ คริษฐาพยายามต่อสู้กับอะไรบางอย่าง เธอพยายามถ่างตาและปลุกสติที่เลื่อนลอยของตัวเองกลับคืนมา เธอรวบรวมแรงเฮือกสุดท้าย กระชากตัวเองออกมาจากหลุมดำได้สำเร็จ
“เฮือกกกก...” เธอสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ กะพริบเปลือกตาถี่ๆ แล้วก็รีบลุกพรวดพลาดขึ้นนั่ง “ไม่นะ...” หลังจากก้มมองตัวเอง ความรู้สึกบอกเธอว่าไม่มีอะไรเหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว มือสั่นระริกยกชายผ้าที่กุมเอาไว้หรี่เปลือกตามองลงไปด้านใน เรือนกายของเธอไม่มีเสื้อผ้าสักชิ้น ความรู้สึกเจ็บหน่วงๆ ที่ช่วงล่างยิ่งทำให้คริษฐาตระหนกมากขึ้น เธอเม้มปากกลั้นใจมองไปที่ด้านข้าง และแอบภาวนาในใจให้เธอแค่คิดมากไปเอง
ความจริงโหดร้ายกับคนไร้ที่พึ่งอย่างเธอเหลือเกิน
สิ่งที่กลัวอยู่ในอก มันเกิดขึ้นแล้วจริงๆ
ทุกอย่างรอบตัวแปลกตาไปหมด สถานที่แห่งนี้คริษฐาแน่ใจว่าเธอไม่เคยเห็นมาก่อน มีใครบางคนนอนอยู่ด้านข้างเธอจริงๆ น้ำตาคริษฐาไหลเป็นทาง ทั้งกลัวและเจ็บใจ
ใคร?
รูปพรรณสัณฐานเท่าที่สำรวจคร่าวๆ ไม่ใช่แดนไทยอย่างแน่นอน
พ่อเลี้ยงของเธอเป็นชายรูปร่างใหญ่ผมสีดอกเลา ผิวหนังเริ่มตกสะเก็ด เท่าที่สังเกตนั้น ชายคนนี้รูปร่างบางกว่าแดนไทยมาก ผมสีดำและดูสุขภาพดี
ไม่มีเวลาให้คิดมากไปกว่านี้อีกแล้ว คริษฐากวาดตามองไปรอบๆ เธอเห็นเสื้อผ้าตัวเองหล่นอยู่ที่ปลายเตียง เลยค่อยๆ กระถดตัวลงจากเตียงนั่น ฉวยเสื้อขึ้นมาสวม และรีบคลานไปยังจุดที่กางเกงของเธอตกอยู่ แรงตอดตุ๊บๆ จากกึ่งกลางร่างกายผสมกับความเจ็บแปล๊บๆ เป็นระยะ เธอเม้มปากพยายามไม่ใส่ใจ แต่ก็อดเหลือบมองชายผู้นั้นไม่ได้ อย่างน้อยเธอก็ควรรู้จักหน้าค่าตา ผู้ชายที่พรากสิ่งสำคัญของเธอไป
แม้จะไม่เข้าใจนัก ชายผู้นี้เป็นใคร? และเขามาอยู่ตรงนี้ได้ยังไง
หลังมองจนขึ้นใจ เค้าโครงหน้าแบบนี้คริษฐาจะจำไปจนตาย
สักวันเธอต้องรู้ให้ได้ว่าชายผู้นี้มาอยู่แทนที่แดนไทยได้ยังไง...
ลับหลังคริษฐาไม่ถึงสิบนาที “อืมมมม...” ขุนเขาครางในลำคอ ควานมือไปด้านข้าง ควานหาใครบางคนที่นอนกกกอดมาทั้งคืน เขาพยายามห้ามใจตัวเองแล้วนะ แต่กลับพ่ายแพ้ไม่เป็นท่า ข้างตัวของเขาว่างเปล่า คงเหลือแค่ไออุ่นจางๆ ขุนเขาลืมตา หยัดกายลุกขึ้นนั่งและมองไปรอบๆ ห้อง
ไม่มีร่องรอยผู้หญิงคนนั้น ห้องเงียบกริบเหมือนไม่มีคนอยู่
ชายหนุ่มทรงตัวยืน ฉวยผ้าเช็ดตัวขนนุ่มขึ้นมาพันช่วงล่าง เขาเดินช้าๆ ชะโงกหน้ามองผ่านประตูที่ระเบียง แต่มันว่างเปล่าไร้เงาคนเหมือนเดิม เขาเดินย้อนกลับเข้ามาด้านใน ลองแตะประตูห้องน้ำและดันให้เปิดออก ไม่มีใครอยู่ด้านในนั้นอีกเช่นกัน หัวคิ้วขุนเขาขมวดแน่น...แล้วก็นึกอะไรขึ้นมาได้ เขาถลาไปที่หัวเตียง หยิบประเป๋าใส่สตางค์มาเปิดดู ไม่ว่าจะเป็นบัตรเครดิตหรือเงินสด ทุกอย่างยังอยู่ครบ ไม่มีอะไรหายไปสักชิ้น
เขาทิ้งตัวนั่งหมิ่นๆ ริมเตียงย้อนนึกถึงเหตุการณ์เมื่อช่วงหัวค่ำ
ขุนเขาแวะมาหาเพื่อนเก่า อยู่คุยเรื่อยเปื่อยเพื่อรำลึกความหลังกันเกือบสองชั่วโมง จนกระทั่งเขานึกขึ้นได้ว่าตัวเองมีธุระบางอย่างต้องรีบไปจัดการ เขาเลยขอตัวจากเพื่อนเก่า ขับรถยนต์ออกมาตามถนน แต่แล้วอะไรบางอย่างที่ถลาออกมาจากประตูบ้านหลังหนึ่งก็ทำให้เขาต้องกระทืบเบรกสุดแรง
ผู้หญิงคนหนึ่ง...สภาพหล่อนไม่ใคร่ดีนัก เธอถลาออกมาจากประตูบ้านและล้มฟุบอยู่กลางถนน ขุนเขาหยุดรอ เผื่อคนด้านในจะโผล่หน้าออกมาช่วย เขานับหนึ่งถึงสิบ แล้วก็ตัดสินใจสอดมือเข้าไปช่วย ตามประสาคนขี้เสือกเรื่องของชาวบ้าน
ขณะที่เขากำลังพยุงหญิงสาวแปลกหน้าขึ้นมาจากพื้น
“ปล่อยนะโว้ย นั่นเมียกู!!” ชายสูงวัยคนหนึ่งเปิดประตูบ้านออกมาและตวาดใส่เขาเสียงลั่น
ขุนเขาหรี่เปลือกตามองขึ้นๆ ลงๆ เขายิ้มมุมปาก “แน่ใจเหรอลุง?” เขาไม่ได้กวนโทสะ สภาพที่ไม่เต็มร้อย มือกำอยู่ที่เป้ากางเกงหน้าตาแหยเกยนั่น บอกอะไรหลายๆ อย่าง
หากชายตรงหน้าเป็น ‘สามี’ ผู้หญิงในอ้อมแขนเขา ชายผู้นั้นคงไม่ถูกทำร้าย สภาพแบบนั้นก่อนที่หญิงผู้นี้จะสลบ คงแผลงฤทธิ์ไว้ไม่น้อย ‘สลบ’ งั้นเหรอ เขาชักสายตากลับมาจากชายผู้นั้นก้มมองหญิงในอ้อมแขนซ้ำ
“เรียกตำรวจดีกว่าไหมลุง ท่าทางผู้หญิงคงไม่ได้สลบเพราะตกใจ อาการเธอคล้ายๆ ถูกวางยา” ท่าทางขุนเขาเดาถูก สีหน้าเผือดสีของชายผู้นั้นเผือดซีดมากขึ้นไปอีก
“มะ ไม่ต้องหรอก ปัญหาผัว เมียตกลงกันเองก็ได้”
“แน่เหรอ...จะให้ผมแน่ใจได้ไงว่าลุงกับผู้หญิงเป็นผัว เมียกันจริง เรียกตำรวจเถอะ ผมจะได้สบายใจด้วย”
“ปัง!!” นั่นคือคำตอบ ชายผู้นั้นกระแทกประตูปิดใส่หน้า ขุนเขาส่ายศีรษะ ตวัดอุ้มหญิงแปลกหน้าและเดินอ้อมรถยนต์ตัวเอง วางเธอไว้ที่เบาะด้านข้าง เขามีเวลาสำรวจหญิงผู้นั้นไม่ถึงสามนาที เสียงแตรจากรถยนต์อีกคัน ทำให้เขาตัดสินใจกลับมานั่งประจำที่ เขาค้อมศีรษะลงตอนที่เดินผ่านหน้ารถยนต์คันนั้น เขาจะพาหญิงแปลกหน้าคนนั้นไปไว้ที่ไหนในช่วงเวลาฉุกละหุกเช่นนี้
ขุนเขามีธุระ เขาเหลือเวลาไม่มากนัก มันเป็นเรื่องฉุกเฉินที่คิดอะไรไม่ออก เขาเลยพาหล่อนมาโยนไว้ที่ห้องพักของตัวเอง และรีบไปทำธุระ แต่ทว่า...เพราะธุระนั่นติดพัน แถมยังดื่มมาไม่น้อย เขาลืมไปเสียสนิทใจว่าที่ห้องนอน ไม่ได้มีแค่เขาคนเดียว
เพราะดื่มหนักทันทีที่ถึงที่พัก ขุนเขาก็สลัดเสื้อผ้าที่ตัวเองสวมทิ้ง คลานขึ้นไปนอนบนเตียง เกือบจะหลับสนิทแล้วเชียว ใครบางคนก็กระตุ้นความต้องการของเขาขึ้นมา มือร้อนระอุนั้นลูบไล้ไปตามแผ่นอกเปลือยเปล่า ปลายนิ้วของหล่อนวนอยู่ที่หัวนมด้านซ้าย สะกิดตุ่มที่แข็งเป็นไตกลางปานนมของเขาจนขนลุกซู่
“อย่าน่า...ขอนอนสักงีบได้ไหมคนสวย ง่วงตาจะปิดแล้วนะ”
คงเพราะความเคยตัวและคิดไปเองตามสันดาน ขุนเขาเป็นหนุ่มโสด เขามักจะหิ้วสาวบริการติดกลับมาที่ห้อง เพื่อทำกิจกรรมบางอย่างร่วมกัน เขาทำแบบนี้ทุกครั้งที่มาทำธุระในเมือง หนุ่มหน้าตาดีพลังดึงดูดเพศตรงข้ามสูง ไม่มีครั้งไหนที่ขุนเขาจะผิดหวัง เขาอิ่มเอมกับเพลิงพิศสวาทกับสาวแปลกหน้าที่ไม่มีข้อผูกมัดเรื่อยมา
หญิงผู้นั้นเหมือนจะไม่สนใจเสียงปรามของเขา มือของเธอเลื้อยสะเปะสะปะจนถึงจุดอันตรายที่สุดจะทานทน ขุนเขาปรือตวัดตัวขึ้นคร่อม เขาพรมจูบ ซุกไซ้ปลายจมูกตั้งแต่แอ่งชีพจรจนถึงกลางหว่างอก กลิ่นของหล่อนแปลกๆ มีกลิ่นสาปผสมกลิ่นคาว เขามึนหนักจนไปคว้าสาวประเภทไหนมานะ แต่นั่นขุนเขาทำได้แค่คิด เขาสอดมือรั้งเสื้อยืดที่หญิงสาวสวมไว้ดันขึ้นไปไว้เหนือเนินอก สายตาเรดาห์ของเขาไม่เคยพลาด ทันทีที่ปอกเปลือกหญิงแปลกหน้าจนหมด ความพึงพอใจก็เกิดขึ้นในแววตา
เนินถันขนาดพอเหมาะมือ ไม่ใหญ่และไม่เล็กเกินไป ยอดอกสีระเรื่อแข็งตัวชูช่อยั่วน้ำลาย ขุนเขาลดใบหน้าลง แลบลิ้นเลียปลายจะงอยถัน เขาสูดปากครางเบาๆ ในลำคอ ความหวานที่อวลอยู่ในอุ้งปากไม่เคยพบเคยเจอมาก่อน เขาอ้าปากครอบเต้าถันนั่นไว้ ปลายลิ้นเปียกชื้นตวัดไล้เบาๆ และดูดเลียด้วยความลำพอง