8 - รอบต่อไปอาจจะต้องจับคู่
วันต่อมา
: ยังไม่ตกรอบอีกเหรอไอ้ตุ๊ด
ผมร้องไห้และยังทำใจไม่ได้กับเรื่องที่เกิดขึ้นตอนแข่งขันรอบที่สอง ถึงผมจะได้โอกาสแสดงใหม่อีกครั้งแต่มันก็ไม่ทำให้ความรู้สึกที่เสียไปทดแทนกลับมาเหมือนเดิม ผมกำลังจะสบายใจและมูฟออนกับเรื่องเลวร้ายแล้ว แต่เหมือนทุกอย่างจะถาโถมใส่ผมอีกกี่ระรอกก็ไม่รู้ เมธัสยังไม่เลิกดูถูกผมอีก ผมไปทำอะไรให้มันมาก่อน ถึงได้แขวะผมไม่หยุด ล้อเลียนว่าผมเป็นตุ๊ดไม่พอยังดูถูกความสามารถผมแบบนี้ ผมว่ามันมีปมและอยากกวนประสาทให้ผมหมดอนาคต เรื่องของเทาก็ยังไม่จบ ไอ้เมธัสก็จะเพิ่มปัญหาให้ผมอีกคน
: มึงจะอะไรกับกูมากเหรอ คิดว่ากูเงียบไม่ใช่ไม่รู้สึกเหรอ
ผมค่อย ๆ พิมพ์ข้อความไปอย่างใจเย็น แม้เนื้อความจะพ่นคำด่าใส่มัน ผมไม่อยากให้ใครมารบกวนและดับความฝันผมก่อนจะไปถึงรอบสุดท้าย ผมเดินทางมาขนาดนี้แล้วจะให้ผมถอยกลับไปตั้งหลักใหม่ทำไม มันเสียเวลามากเลย ในเมื่อผมเดินทางมาถึงขนาดนี้แล้ว ผมต้องไปให้สุดทางความตั้งใจแล้วของรางวัลคือความฝันที่เป็นจริง
: ทำไมล่ะตุ๊ด
เมธัสมันเริ่มไม่เรียกชื่อเล่นของผมที่ได้มาจากพ่อแม่ตั้งให้ มันล้อว่าผมเป็นตุ๊ด ผมยอมรับก็ได้ว่าผมเป็น แม้มันไม่ใช่คำหยาบแต่ถ้าน้ำเสียงบ่งบอกชัดว่าเหยียด ผมจะถือว่ามันไม่มีมารยาท พ่อแม่ไม่ได้สอนมาตั้งแต่เกิด
: ตุ๊ดใบ้ไม่มีแป้นพิมพ์เหรอ
ผมไม่พอใจด่ากลับไปชุดใหญ่ใส่เมธัสเพราะมันชอบเอาปมด้อยผม ผมไม่สนแล้วล่ะว่ามันจะบันทึกหน้าจอไปให้ใครดู ผมไม่ได้ผิดและผมไม่ยอมให้ใครมาล้อเลียนด้วย ผมเป็นผู้ชายและชอบผู้ชายด้วยกันไม่ใช่เรื่องผิด แต่ไม่ใช่เรื่องสมควรเอามาล้อเลียน
“หุบปาก...”
“ขอโทษนะ มึงไม่มีสิทธิ์มาว่าคนของกู” ผมตกใจเมื่อเพื่อนร่วมห้องผมดึงแมกซ์เข้ามาในกลุ่มห้อง ผมตกใจมากว่าเขาเข้ามาตอนไหน เห็นทุกคำพูดของคนในห้องถึงขั้นออกโรงมาปกป้องผม นี่มันเกินไปหรือเปล่า ผมยังไม่ได้ขอแต่ก็ดีแล้วล่ะ ที่เขาเข้าใจผม เห็นแล้วเข้ามาช่วยอีกแรง ผมจะได้ด่าคนอย่างเมธัสจำขึ้นใจ
“อย่ามายุ่งกับแฟนเรา”
ผมตกใจมากกว่าเดิม เขาพิมพ์ประชดหรืออยากบอกทุกคนว่าผมเป็นแฟนกับแมกซ์ ผมกับเขารู้จักกันมาพักหนึ่งแต่ยังไม่ได้จริงจังอะไรขนาดนั้น เขาเข้ามาพูดให้ผมรู้สึกหวั่นไหวให้ผมรู้สึก แต่ผมจะตอบรับไหมก็อีกเรื่อง ผมอ่านแล้วผมเขินหน้าแดงไปหมด ถึงขั้นคว่ำหน้าจอโทรศัพท์ลง สงสัยผมต้องโทรไปด่าชุดใหญ่แทนพิซซ่าแล้วมั้ง นี่มันไม่ได้อยู่ในแผนการสักหน่อย
“หึยย แมกซ์ มาเคลมแบบนี้มันใช่เรื่องไหมอื้ออ...”
ที่โต๊ะอาหาร
“แม่ครับ ทำไมแม่ไม่เคยบอกผม ถ้าผมจะไม่สบายก็ตอนที่แม่ไม่บอกอะไรมากกว่าแล้วผมมารู้ทีหลัง” ผมไม่คิดเลยว่าแม่จะปิดบังความลับเรื่องผมมาแฝด แต่ถึงยังไงก็เถอะ ถ้าผมมาแฝดแบบนี้ ผมขอไปโดดตึกตายดีกว่เพราะมันสวมรอยเป็นตัวผม ทำเรื่องเลวร้ายเมื่อพ่อสอนให้เป็นคนไม่ดี ไปขโมยของหรือระรานคนอื่น มันเป็นตัวอย่างไม่ดีที่เด็กคนหนึ่งควรทำ ผมนั่งทานมื้อเช้าไป ผมแทบจะสอนแม่แล้วแต่ก็ไม่ใช่แบบนั้น
“แม่ไม่อยากให้ลกรู้ แค่ความระยำของพ่อก็แย่พอแล้ว”
“ผมไม่ต้องการให้เทามาเป็นน้องของผม”
“นั่นคือสิ่งที่ลูกต้องการ แล้วแมกซ์ล่ะลูกต้องการไหม”
“ผมลืมไปว่าเปิดเตารีดรีดชุดนักเรียนไว้นี่นา ลืมสนิทเลย”
“แม่ดูออกนะว่าลูกเขิน วันนี้ไม่ได้ไปโรงเรียนสักหน่อย พูดเรื่องแมกซ์คนที่ลูกชอบเปลี่ยนเรื่องไวเลยนะ” แม่ดูอาการของลูกชายออก พอฉันสำนึกผิดและบอกความจริงเรื่องฝาแฝดแล้ว พอเปลี่ยนเรื่องไปเรื่องแมกซ์ ทีแบบนี้หูแดงหน้าแดงทำเดินหนี แอบชอบก็บอกมาเถอะ แม่ดูออกว่าลูกชายตัวเองใจเกเรขนาดไหน บางทีตอนอยู่โรงเรียนอาจจะหยอกกันแกล้งกันจนเป็นแฟนกันแล้วก็ได้
“ผมรีดชุดนักเรียน...”
“แม่ดูออกนะว่าชอบอะ พามาแนะนำที่บ้านสิ แม่พร้อมต้อนรับ”
“ได้สิครับแม่ ผมชอบ... เห้ยย”
ผมลุกออกไปหยิบนมไวท์มอลต์น้ำผึ้งในตู้เย็นห้องครัวก่อน ใจจริงผมไม่ได้จะกินหรอก แต่ผมเขินก็เลยลุกออกไป แม่แซวผมขนาดนี้จะให้ผมนั่งติดเก้าอี้ได้ยังไง คนที่ผมสนใจตั้งแต่ใบหน้ายันชื่อจะให้ผมรู้สึกปกติทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้ยังไง เวลาได้ยินชื่อนี้ผมสะเทือนใจหน้าแดง เพราะได้ยินชื่อแล้วเปลี่ยนเป็นความเขินทันที
“ชอบก็ได้ครับแม่ ผมหวั่นไหวเมื่อเห็นหน้าเขา”
“แม่จะได้ไปบอกเสียงตามสายว่าลูกชายบ้านนี้มีแฟนกับเขาสักที” ผมว่าแม่เริ่มจะเห่อเรื่องแฟนผมมากไปทุกทีแล้ว ผมกับเขายังไม่ได้เป็นอะไรมากกว่านั้นสักหน่อย เป็นคนรู้จักในวันออดิชั่น เขานิสัยดีและเอาใจใส่ผมมาก ดูแลไม่เคยขาด ยังบอกผมเลยว่าวันนี้จะชวนไปกินกะเพราภูเขาไฟ ไปผ่อนคลายก่อนวันเข้าแข่งขันรอบสุดท้าย เห็นบอกว่าให้ไปซ้อมการแสดงมาให้ดี เพราะรอบสุดท้ายมีเซอร์ไพร์สมากกว่าหนึ่ง
“ยังไงก็ได้ครับแม่...”
ผมขินจนมือสั่นหั่นไส้กรอกในจาน เพราะความเขินทำให้ผมรู้สึกอ่อนแรงจนต้องยกนมดื่มแทนการหั่นไส้กรอกแล้ว ผมมองหน้าแม่แล้วหลบสายตาสลับไปมา แม่ดูอาการออกว่าผมกำลังเขิน ผู้ชายคนนั้นกำลังทำให้ชีวิตผมเริ่มไม่เหมือนเดิม จากที่อยู่คนเดียว ตอนนี้กลายเป็นคิดอะไรก็เป็นหน้าเขาไปหมด เพ้อฝันขนาดนี้ ผมอยู่ในอาการคลั่งรักแล้วหรือไง ผมตบตัวเองให้ตื่นแต่ก็ไม่เป็นผล ผมเข้าเฝ้าพระอินทร์ไปตามหาความรักแล้วหรือ
ตรี๊ดด...
ผมได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ผมหยิบขึ้นมาดูขณะมือสั่นชาไปทั้งตัวราวกับคาเฟอีนเกินขนาด หัวใจผมเต้นแรงมากกว่าเดิมเมื่อสายที่โทรเข้ามาคือแมกซ์ ผู้ชายที่ผมสนใจมากจนมองรูปสายเรียกเข้าไม่กดรับสักที ผมลุกออกจากที่นั่งเพราะกลัวแม่จะแซวทำผมเขินหนักกว่าเดิม เพราะความเขินนี่แหละทำให้ผมใช้ชีวิตไม่เป็นตัวเอง
“ว่... ว่าไงแมกซ์”
ผมตอบรับแมกซ์เพราะเขาโทรมาบอกว่าจะชวนผมไปเที่ยววันหยุด ผมกำลังเบื่อและอยากออกไปสูดอากาศมองดูโลกทั้งใบพอดี ผมตอบตกลงว่าผมว่างทั้งวัน ใจจริงไม่ว่างหรอกต้องช่วยแม่ขายของ แต่ผมเห็นว่าผู้ชายกระเป๋าเงินหนักกว่าแม่ งั้นผมขอไปกับแม่สักวันก่อน ผมไปเที่ยวกับผู้ชายไปในทางที่ดีไม่ได้ชวนไปค้ายา
“งั้นเดี๋ยวเจอกันนะ”
ผมไปแต่งตัวให้ดูดีในสายตาแมกซ์ มันก็ไม่ใช่ชุดทางการใส่สูทหรือชุดเปียโนไปออกรายการสักหน่อย แต่ชุดไปรายการกับไปหาผู้ชายก็ไม่ต่างกันมาก ใส่สบาย ๆ แต่คงความสุภาพไม่ใช่เปลือยเป็นประติมากรรมตะวันตกถอดทุกชิ้นแล้วตีความว่าชายในสมัยก่อนมีอวัยวะเพศเล็กแล้วจะฉลาด ผมว่ากินปลาและอาหารที่มีประโยชน์ฉลาดกว่า หรือถ้าจะให้ฉลาดกว่านี้ก็เลือกผู้ชายในชีวิตให้ดี เพราะผู้ชายยางคนคือคน และบางคนคือควาย
“แต่งตัวแบบนี้ได้ไงแดง”
“อะไรอะแม่”
ผมตกใจว่าแม่เห็นผมใส่เสื้อยืดสีขาว กางเกงบอลสีน้ำเงิน รองเท้าผ้าใบและถุงเท้าสีขาว มันก็ไม่ได้แย่แล้วแม่มาขัดผมทำไม ผมไม่ได้เปิดนมให้ผู้ชายดูสักหน่อย ถ้าผมเปิดเพลงได้ ผมก็คงเปิดท่อนล่างไปแล้ว
“ลูกไม่ฉีดน้ำหอมหรือใส่ต่างหูวงกลมเหรอ”
“ผมลืมไปสนิทเลย”
ถ้าแม่ไม่เอะใจทักผมขึ้นมา ผมลืมไปแล้วล่ะ ที่จริงผมลืมไปนานแล้วเพราะปกติผมเข้าโรงเรียนไม่กล้าใส่เครื่องประดับที่ผมกับแม่มี ตอนประถมต้นผมยังไม่เปิดเผยตัวเอง ผมออกจะขี้อายและชอบเพ้อฝันเกินความเป็นชาย ผมรู้สึกหวั่นไหวเมื่อเห็นผู้ชาย มันเหมือนแรงดึงดูดบางอย่างทำให้ผมรู้สึกอยากเปลี่ยนแปลงตัวเอง แต่กลัวอีกฝ่ายไม่เล่นด้วย ผมต้องซ่อนความรู้สึกไปอีกนาน และวันนี้กุญแจที่หายไปในหัวใจ ได้รับการปลดล็อกแล้ว
“ใส่ให้เท่ ๆ หน่อยหรือต้องบอกว่าสวย”
“สวยอะไรแม่ ผมไม่แต่งหญิงครับ”
ผมเป็นคนหนึ่งที่จะไม่แต่งหญิงเด็ดขาดให้ผมเป็นู้ชายแต่ใจเป็นหญิงดีกว่า ผมแมน ๆ เตะฟุตบอลก็ดีแล้ว ผมชอบแบบนี้ใครก็ขัดความชอบผมไม่ได้ ผมรีบใส่ต่างหูวงกลมขนาดใหญ่ ฉีดน้ำหอมเล็กน้อยจัดเสื้อผ้าให้ดูดีเดี๋ยวแมกซ์เห็นสภาพโทรมเหมือนผีมันไม่น่าดูเลย
เวลาต่อมา
“เป็นอะไร ทำไมหน้าแดงเหมือนแอบชอบใครเลย” แมกซ์พาผมมากินอาหารที่ร้านประจำ ผมนั่งมองกะเพราที่ยังไม่ได้เอาแก้วออก ปล่อยให้มันเป็นทรงภูเขาไฟไปก่อน จ้องแบบนั้นมันคงจะทำให้อาหารหมดด้วยวิธีการจ้องด้วยตางั้นเหรอ ที่ผมเงียบไปไม่ใช่เพราะเครียดกับการแสดงรอบสุดท้าย แต่ที่ผมเงียบเพราะผมเขินต่างหาก
“เอ่อ...”
“แอบชอบเราก็บอกมาเถอะ”
“แหวะ หลงตัวเอง”
ผมไม่เคยรู้มาก่อนว่าแมกซ์จะหลงตัวเองขนาดนี้ ชมว่าหล่อแค่นี้ทำหน้าตาดี๊ด้าเหมือนดาราหลายช่องไปแล้ว ผมขอเข้าเรื่องเลยดีกว่า เรื่องแรกคือผมมาถึงรอบนี้แล้วความกดดันก็มีมาก ผมพยายามเต็มที่แต่ที่กลัวคือจะมีคนมาขัดขวางเพราะวันนั้น เทาเข้ามาป่วนทำผมเกือบตกรอบเพราะความเข้าใจผิดและนี่ก็ไม่ใช่การแสดงด้วย
“ไม่ต้องห่วงนะยังไงก็จะไม่มีใครมาก่อกวนได้ ถ้ามันมารายการต้องกำชับมากกว่านี้ จะให้เข้ามาป่วนในรายการก็ไม่ได้” ผมเห็นตัวป่วนที่มาสวมรอยเป็นแดงตั้งแต่วันนั้นแล้ว ไม่คิดเลยว่าแดงจะมีฝาแฝดแต่ถ้ามีแบบนี้ ผมว่ามีแดงคนเดียวบนโลกดีกว่า เพราะผมรู้ดีว่าแดงมีตัวตนยังไง ต่อให้มีฝาแฝดผมก็แยกออก แต่เอาเถอะระหว่างการซักซ้อมผมจะช่วยเป็นหูเป็นตา ไม่ยอมให้เขาเข้ามาป่วนแน่นอน
“ว่าแต่ทำไมคุยกับเราต้องเขินด้วย”
“ก็ปกติเราไปกับแม่ตลอด จะบอกว่าเราติดแม่ก็ได้ พอมากับผู้ชายแล้วเราไม่ชินอะ” ผมบอกตามตรงเลยว่าผมอยู่กับแม่จะเป็นคนตรง ๆ พร้อมบวกแต่ถ้าอยู่กับผู้ชายผมเขินมาก ผมรู้หัวใจตัวเองตั้งแต่อยู่ประถมหก ผมอัดอั้นใจตัวเองมานานขนาดนี้เลยเหรอ
“ชอบเราปะเนี่ย”
“แล้วนายคิดยังไง”
“เห็นหน้าตาเราแบดบอยขนาดนี้ แต่ไม่มองหญิงนะครับ” ผมสารภาพให้แดงฟังตรงนี้เลยว่าหน้าตาชายแท้แบบผม แต่ความจริงผมชอบผู้ชายแล้วคนที่ใช่ ผมยังบอกได้ไม่แน่นอนว่าคนที่ใช่เป็นใคร แต่ว่าแดงเขินแบบนี้จะให้ผมตอบไปว่าอะไร
“เรื่องแบบนี้ลองถามหัวใจตัวเองดูไหม”
“แล้วนายแอบเข้ากลุ่มห้องเราได้ไง แถมมาบอกว่าเราเป็นแฟนนายอีก เรายังไม่ได้บอกแน่นอนเรา...” ผมโวยวายใหญ่เลยเพราะแมกซ์เล่นอะไรไม่รู้ แอบเข้ากลุ่มห้องมาด่าเมธัสไม่พอยังประกาศลงกลุ่มให้ทุกคนรู้ไปว่าผมกับแมกซ์เป็นแฟนกัน ผมต้องทำหน้ายังไงหลังจากเห็นข้อความนี้
“ก็เพื่อนเรากับเมธัสไม่ชอบหน้า มันเห็นว่าชอบแกล้งแดง เราทนไม่ได้ก็เลยช่วยไง” ผมไม่อยากให้ใครมาว่าแดงเป็นผู้ชายใจเกเร มันไม่ผิดที่เขาจะเป็น แต่ที่ผิดคือการเอามาเหยียดสนุกปาก ผมไม่ชอบเลยคนที่บุลลี่เพื่อนกันเอง คนโดนมันไม่สนุกเลย
“ขอบคุณนะที่ช่วยเรา”
“ยังไงแดงก็ไม่ใช่คนอ่อนแอยอมให้โดนแกล้งอยู่แล้ว ถ้าใครทำอะไรมือตบนายก็รุนแรงอยู่แล้ว” ผมแซวเขาเพราะเวลาเขาตบผู้ชายสักคน มือหนักใช้ได้จนใครต้องยอมแพ้ ผมว่าคุยมานานแล้วผมเปิดแก้วครอบในจานแดงให้ใบกะเพราภูเขาไฟล้นออกมาเป็นขวัญตา ร้านนี้ขายแบบมีลูกเล่นขนาดนี้ผมว่าสักวันเราสองคนจะมารีวิวให้ร้านเขาขายดีเทน้ำเทท่า
“นายดีกับเราแบบนี้อย่าพึ่งมีแฟนก่อนล่ะ”
“จะมีได้ไง ก็อยู่ตรงหน้าเราแล้ว”
ผมถึงกับสำลักน้ำออกมาขณะดื่มน้ำจากหลอดดูด ผมไม่รู้ว่าเขาพูดอะไรทำไมเขาจริงจังกับผมขนาดนี้ หรือเขาอยากเป็นแฟนผมจริง ๆ ล่ะ เขาไม่พูดอะไรก่อนจะทานอาหารต่อไป ผมค่อย ๆ เคี้ยวข้าวไปช้า ๆ เพราะความเขินทำให้ผมลดความอยากลงไประดับหนึ่ง ยิ่งนั่งกินกันสองคน
“อย่าลืมอ่านอีเมลของรายการด้วยนะ อาจมีเซอร์ไพร์ส...” ผมบอกแดงได้แค่นี้เพราะรอบสุดท้ายรายการบอกว่าจะมีเซอร์ไพร์สที่อาจจะมากกว่าเงินรางวัลก็ได้ ถ้าให้จับคู่ผมก็พร้อมแข่งเพราะผมเลือกแดงไว้ตั้งแต่แรกแล้ว
วันต่อมา
ที่โรงเรียน
แดงตื่นขึ้นมาได้พักหนึ่งแล้ว ความสดชื่นของผมยังไม่ตื่นตัวเต็มที่ ผมยังง่วงนอนอยู่เลย สงสัยเมื่อคืนจะเล่นเกมหนักไปหน่อย เพราะเมื่อคืนแมกซ์ชวนผมเล่นเกมโปรดหนักไปหน่อย แม้ว่าของพวกนี้จะเป็นของที่เด็กชอบ แต่เล่นจนติดก็เสียสมาธิเหมือนกัน
“แดงลูก...”
ผมขอนอนต่ออีกหน่อยได้ไหม ผมยังไม่มีแรงจะลุกขึ้นไปแต่งตัวไปโรงเรียนเลย ให้ผมนอนอีกห้านาทีแล้วสัญญาว่าจะลุกขึ้นมาทันที ผมตอบรับแม่ก่อนจะหลับไปทันที คำว่าห้านาทีของผมคงนับอยู่ในห้านาทีจริง ๆ ไม่ได้
คร่อกก...
“ที่รัก ๆ ตื่นได้ยัง ที่รักกก”
“อื้อออ”
ผมตกใจเมื่อแมกซ์บุกเข้ามากอดและจูบให้ผมตื่น ตอนแรกผมรู้สึกตัวแต่ยังไม่ลืมตา ผมยังไม่รู้ว่าตอนนี้ผมตื่นหรือยังอยู่ในฝัน ได้ยินคำว่าที่รักดังวนไปมา ตอนแรกผมคิดว่าฝัน แต่พอลืมตาขึ้นมา ผมถึงกับพูดไม่ออกเมื่อเขาบุกมาหาผมถึงห้องนอน มาปลุกผมแทนนาฬิกาปลุกที่ผมมีในห้องนอน
“เข้ามาได้ไงอะ”
“แม่นายให้เราเข้ามาไง” แม่ผมยืนมองผมจากด้านนอกในระดับที่ผมสามารถเห็นจากประตูห้องนอน แม่ผมยิ้มและยักคิ้วให้ขนาดนี้แสดงว่าแม่อยากให้ผมมีแฟนเป็นตัวตนแล้วล่ะ ผมเขินค่อย ๆ ลุกออกมาจากเตียง ขอตัวไปอาบน้ำก่อน ห้ามตามไปดูล่ะผมโวยวายและมองว่าเขาเป็นโรคจิตแน่