Chapter 2
ช่วยด้วยคร้าบบ! หลานผมหาย (1)
‘รู้ดีจริงๆ’
นาวีถึงกับอมยิ้มพลางส่ายหัวเบาๆ เพราะเพียงแค่เขาสตาร์ทรถแผ่นเพลงโปรดที่ชอบเปิดฟังก็ถูกกดออกจากเครื่องเล่นทันที มือน้อยๆ รีบควานหาแผ่นเสียงของตนที่เก็บเอาไว้ในรถ หนูน้อยจำแผ่นที่มีลายการ์ตูนได้ดี จึงหยิบออกมาแล้วใส่เข้าไปแทนแผ่นเพลงของคุณลุง
"เปลี่ยนของลุงทำไมครับ เบื่อวัยรุ่นใจร้อนจริงๆ”
“ก็คุณลุงวีฟังเพลงไม่วัยรุ่นเลยนี่คับ”
“ตามสบายคร้าบบบคุณหลาน โตเป็นหนุ่มแล้วหรือยังไงเรา ถึงได้รู้ว่าเพลงวัยรุ่นมันเป็นอย่างไร”
“คุณพ่อชอบเปิดเพลงวัยรุ่นให้เรย์ฟัง...คุณพ่อยังบอกว่า...ว่าอะไรนะ...อ้อ...คุณพ่อบอกคุณลุงวีแก่แล้ว... สาวๆ ไม่ชอบคับ”
กว่าจะพูดจบก็ทำเอาคนฟังเหนื่อยเลยทีเดียว เนื่องจากข้อจำกัดในเรื่องการเรียบเรียงคำพูดที่ไม่สามารถคิดประโยคยาวๆ ได้
“โหย ไอ้คนไม่แก่ ก็เลขสามพอๆ กันนั่นแหละ”
เพียงได้รู้ว่าพ่อเด็กนินทาลับหลัง ชายหนุ่มก็คิดคาดโทษ
เอาไว้ ฝ่ายนั้นคงไม่รู้ว่าหนูน้อยเอาความลับของคุณพ่อมาขายกับเขาอีกเรื่องจนได้ เห็นทีเขาต้องรีบติดสินบนหลานชายเสียแล้ว
“ถ้าคุณพ่อพูดอะไรเกี่ยวกับคุณลุงอีก หลานเรย์ต้องเอามาบอกคุณลุงทุกเรื่องนะครับ คุณลุงรับปากว่าจะพาไปเที่ยวบ่อยๆ”
“คับ”
หนูน้อยรับคำพลางยิ้มแก้มปริ นาวีเข้าเกียร์แล้วเหยียบคันเร่งขับรถออกไปจากบ้านก่อนจะสายมากไปกว่านี้ โดยมีจุดหมายปลายทางอยู่ที่สวนสัตว์โคราช ซึ่งเป็นสวนสัตว์ที่เขาชอบพาหลานชายไปเที่ยวอยู่เป็นประจำ
++++++
บริเวณลานจอดภายในเขตสวนสัตว์เริ่มจะหาที่จอดยากเพราะเป็นวันหยุด เมื่อได้ที่จอดรถแล้วนาวีจึงเลือกที่จะซื้อตั๋วเพื่อขึ้นรถรางชมสัตว์ เนื่องจากสวนสัตว์มีอาณาเขตกว้างขวางและกลัวว่าหลานจะเมื่อย ซึ่งรถรางจะจอดให้ชมเป็นจุดๆ อยู่แล้ว แม้จะมาหลายครั้งแต่หนูน้อยก็ตื่นเต้นทุกครั้งเมื่อได้มาเห็นสัตว์ป่าหลากหลาย ชายหนุ่มพาหลานนั่งเที่ยวเล่นจนครบรอบ จากนั้นสองลุงหลานจึงพากันเดินไปหาที่นั่งเพื่อคิดว่าจะไปยังจุดไหนต่อดี
“โอ้ คนรึนางฟ้า”
นาวีมีอาการคล้ายคนละเมอ เมื่อเหลือบไปเห็นสาวสวยหุ่นเป๊ะในชุดกางเกงขาสั้นอวดเรียวขาขาวกำลังเดินผ่านหน้าเขาไป และเหมือนหญิงสาวคนนั้นจะรู้ตัวว่ากำลังถูกจับจ้อง เธอจึงหันมาโปรยยิ้มหวานแก้เขิน เพียงเห็นรอยยิ้มนั้นคนมองก็แทบละลายไป
กับความมีเสน่ห์ของเธอ
“สะ สวัสดีครับ”
นาวีส่งยิ้มกลับไปเมื่อเธอคนนั้นเดินเข้ามาใกล้ เปล่า เธอไม่ได้มาหาเขา เพราะแววตาของเธอนั้นโฟกัสไปที่ร่างกลมป้อมที่นั่งอยู่ข้างๆ กัน
“ลูกใครเอ่ย น่ารักจัง ชื่ออะไรคะ”
“อ่ะ เอ้อ ครับๆ น่ารักครับ"
ชายหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะเพื่อกลบเกลื่อนอาการหน้าแตกเมื่อสักครู่
'ที่แท้มองเจ้าเรย์หรอกเรอะ ได้ยังไงเนี่ย เสน่ห์แรงเกินลุงตัวเองได้ยังไง'
“กี่ขวบแล้วคะ”
“จะห้าขวบแล้วครับ”
“ดูท่าทางจะฉลาดและพูดเก่งนะคะ”
“พูดเก่งจนตอบไม่ทันเลยล่ะครับ”
นาวีอมยิ้มพลางเอื้อมมือไปขยี้ศีรษะเล็กอย่างเอ็นดู กับการที่มีใครต่อใครชอบเข้ามาทักทายหลานชายจอมซนของตนเสมอ
"แล้วมากันแค่สองคนเหรอคะ"
หญิงสาวเอ่ยถามพลางเหลียวมองไปรอบกาย เนื่องจากกลัวแม่เด็กจะมาเห็นแล้วเข้าใจผิดในตัวเธอ
"แม่ไม่มีครับ เธอทิ้งผมกับลูกไปตั้งนานแล้ว ผมต้องเลี้ยง
ลูกมาคนเดียวตั้งแต่เขายังเล็กๆ จนตอนนี้ก็ยังหาแม่ใหม่ไม่ได้เลย"
นาวีรีบสวมรอยเป็นพ่อเด็กพลางแสร้งทำหน้าเศร้า ด้าน
ธนัทเทพเงยหน้ามองคุณลุงตัวเองด้วยไม่เข้าใจความหมายในคำพูด
"โถน่าสงสารจังเลยค่ะ”
"ผมเองก็สงสารลูกอยู่เหมือนกัน จะหาผู้หญิงดีๆ สักคนก็กลัวจะเข้ากับลูกไม่ได้น่ะครับ"
“อ้าว…คุณ ไหนบอกจะไปเข้าห้องน้ำ ที่แท้มายืนคุยอยู่ตรงนี้นี่เอง”
เสียงผู้ชายที่ดังแทรกส่งผลให้การสนทนาหยุดลงไปในทันที นาวีเหลือบไปเห็นชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังเดินตรงมาทางตน
“เห็นเด็กน่ารักเลยแวะมาทักค่ะ ดูสิคุณ ยิ้มก็เก่งอีกด้วย”
“ภรรยาผมเห่อลูกน่ะครับ เห็นเด็กน่ารักไม่ได้เป็นต้องเข้าไปทักตลอด พอดีกำลังท้องได้เดือนกว่าๆ แล้วครับ”
“ทะ…ท้องด้วยหรือครับ”
นาวีเอ่ยถามพลางลอบกลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็น เมื่อคิดไปถึงว่าเขาเกือบเอาชีวิตมาทิ้งในสวนสัตว์เสียแล้ว โทษฐานจีบเมียชาวบ้านแบบไม่ดูตาม้าตาเรือ
“ครับ เอ่อ คุณมีอะไรหรือเปล่าครับ””
“ปะ…เปล่า ไม่มีอะไรครับ แต่ดูไม่เหมือนคนท้องเลยนะครับ”
"คงเป็นท้องแรกมั้งครับ ก็เลยดูไม่ออกเท่าไร"
ชายหนุ่มตรงหน้าเอ่ยกับนาวี ในขณะที่จิตใจของคุณลุงยังหนุ่มถึงกับเหี่ยวแฟบลงไปในทันใด เมื่อรู้ว่าหญิงสาวเบื้องหน้ามี
เจ้าของแล้ว
“ไปกันเถอะค่ะ…ขอตัวนะคะ”
“ตามสบายครับ”
นาวีถอนหายใจออกมาพลางมองตามสองสามีภรรยาเดินจูงมือกันเดินเลี่ยงไปชวนให้อิจฉา ในวันนี้ยังไม่มีสาวมาให้จูงมือ ชายหนุ่มจึงได้แต่จูงมือหลานไปพลางๆ ก่อน
“เกือบซวยแล้วมั้ยล่ะไอ้วีจีบเมียชาวบ้าน หึ หึ”
“คุณลุง เรย์ปวดฉี่คับ”
นาวีดึงสติกลับคืนมาก่อนเหลือบมองไปทางหลานชายตัวดีที่กำลังกอดแขนตนเอาไว้พลางเขย่าไปมา
“ยุ่งจริงเชียว ไม่เข้าใจจริงๆ ทำไมทุกคนจะต้องคิดว่าเราเป็นพ่อลูกกันด้วยนะ ”
ธนัทเทพมองหน้าคุณลุงพลางทำหน้าแหยด้วยไม่เข้าใจความหมายในคำพูดนั้น เมื่อเห็นหนูน้อยทำหน้างุนงง ชายหนุ่มจึงลุกขึ้นยืนแล้วจูงมือหลานชายเพื่อพาไปห้องน้ำด้วยใจที่เปลี่ยวเหงาไร้สาวๆ เดินเคียง
+++++
ก่อนที่การแสดงของแมวน้ำแสนรู้ในรอบบ่ายจะเริ่มขึ้น บริเวณสถานที่ขายอาหารเริ่มแน่นขนัด นาวีมองหาโต๊ะว่างเพื่อให้หลานได้ทานมื้อเที่ยงก่อนจะเข้าชมการแสดงที่เขาถูกออดอ้อนให้พาเข้าไป
“หลานเรย์รอคุณลุงแป๊บนึงนะครับ คุณลุงจะไปซื้อน้ำมาให้ แล้วห้ามมมมม....ลุกไปไหนนะครับ ย้ำนะครับว่าห้ามลุก หลงเชียวนะครับ เดี๋ยวคุณพ่อหลานเรย์เล่นงานลุงตายเลย”
“คุณลุงซื้อแฟนต้าน้ำเขียวมาฝากเรย์ด้วยนะคับ อยู่กับคุณแม่ คุณแม่ไม่ยอมให้กินเลย”
“อ้าว นี่กลายเป็นว่าลุงพาเราเสียนิสัยใช่มั้ย”
นาวีหัวเราะด้วยความขบขันแล้วลุกออกจากโต๊ะเพื่อไปหาซื้อน้ำมาให้ตามคำสั่งของหลานชาย
ในอีกมุมหนึ่งกับการสวนทางของคนไม่รู้จักกัน ญาตาวีเดินเข้ามายังโซนขายอาหารเพื่อหาอะไรทานแก้หิว อันที่จริงเธอไม่อยากมาเที่ยวสถานที่แบบนี้สักเท่าใดนัก แต่เพื่อนสนิทกลับลากเธอมาเป็นเพื่อนเพราะต้องพาหลานมาเที่ยวตามสัญญา ด้วยความเกรงใจเพื่อนเธอจึงมาแบบไม่สู้เต็มใจนัก เนื่องจากเธอเองไม่ค่อยชอบคลุกคลีกับเด็กๆ และเด็กๆ ยังไม่เข้าหาเธอด้วย ซึ่งเธอเองก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไรเหมือนกันเด็กถึงไม่ยอมเข้าใกล้เลยสักคน
เพียงนัยน์ตากลมดำขลับจากการใส่บิ๊กอายเหลือบไปเห็นเด็กชายคนหนึ่งกำลังนั่งทานอาหารอยู่เพียงลำพัง หญิงสาวยืนนิ่งเพื่อจับจ้องพฤติกรรมนั้นอย่างสนใจว่าทำไมพ่อแม่จึงกล้าทิ้งไว้เพียงลำพังเช่นนี้
‘พ่อแม่ไปไหนทำไมปล่อยลูกไว้แบบนี้นะ ดูสิกินเองจนเลอะไปหมด อยากเห็นหน้าพ่อแม่จริงๆ แล้วใครจะกล้านั่งต่อล่ะ’
คล้ายหนูน้อยมีเซ้นส์ว่ากำลังถูกจับจ้องจึงหันมามองก่อน
เอ่ยออกมาด้วยความไร้เดียงสา
"หิวเหรอคับ"
"นี่หนู ทำไมทานไม่เรียบร้อยเลยล่ะจ๊ะ ข้าวหกเลอะเทอะ ดูไม่ดีไม่มีมารยาทรู้มั้ยจ๊ะ"
“คุณพ่อสอนไว้...ยืนมองตาคนอื่นกิน...ก็มารยาทไม่ดีนะค้าบ...คุณป้า”
ธนัทเทพพูดหน้าตาเฉย เท่าที่สมองของเด็กคนหนึ่งจะกลั่นกรองออกมา
“ว้าย! เด็กปากจัด ฉันยังไม่สามสิบนะยะ ชิ”
ญาตาวีปราดเข้าไปใกล้แล้วยื่นหน้าเข้าไปกระซิบกับธนัทเทพพลางเขม่นตาโต ธนัทเทพมองหญิงสาวในคราบคุณป้าตามที่สายตามองเห็นอย่างหวาดหวั่น เมื่อเห็นตาโตน่ากลัวจ้องตนไม่วางตา
“ทำอะไรอยู่ยายดรีม ไหนบอกจะมาซื้อน้ำ อ้าว แล้วนั่นแกจะกินเด็กหรือยังไง ดูทำจ้องเข้าสิ”
เสียงของเพื่อนเอ่ยแทรกขึ้นมาจากทางทางด้านข้าง พลางมองหน้าตนกับเด็กสลับกันไปมาอย่างสงสัย ทำให้ญาตาวีรีบปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่กำลังทำอยู่ทันที
“ไปแล้วๆ แกออกไปหาที่นั่งรอก็ได้”
หญิงสาวรีบหันไปบอกเพื่อนที่ยืนงงอยู่ข้างๆ ก่อนที่อีกฝ่ายจะพยักหน้ารับรู้แล้วเดินเลี่ยงออกไป หญิงสาวไม่วายหันกลับมายัง
ร่างกลมป้อมอีกครั้ง ก่อนจะยื่นหน้าไปกระซิบเบาๆ
“เด็กปากจัด พ่อเธอก็คงจะเหมือนๆ กัน อยากเห็นหน้าพ่อจริงๆ สอนลูกยังไงให้ปากจัด”
หญิงสาวเดินสะบัดก้นหนีไปหลังจากหาเรื่องเด็ก ธนัทเทพมองตามไปอย่างงุนงง ด้วยกำลังคิดว่าคุณป้าแปลกหน้าทำไมจึงมีท่าทางแปลกๆ ไม่เหมือนคนอื่นที่ตนเคยเจอ