ตอนที่ 5
รักซ่อนลึก
วันรุ่งขึ้นนาวีได้ขอลาเพื่อนร่วมอุดมการณ์เพื่อกลับไปทำหน้าที่ของตนเองต่อไป หลังจากใช้ช่วงวันหยุดยาวอุทิศตนมาทำในสิ่งที่ใจรัก ชายหนุ่มขับรถกลับนครนายกด้วยหัวใจที่เป็นสุข การได้รู้ว่าชีวิตที่เขาตามหามานานหลายปียังคงอยู่อย่างสุขสบาย นับว่าเป็นเรื่องน่ายินดีเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งนาวีตั้งใจจะปิดเรื่องนี้ไว้เป็นความลับให้รู้กันเฉพาะผู้เกี่ยวข้องเท่านั้น จนกว่าโครงการวิจัยของไพรสณฑ์จะสำเร็จลง และหวังเอาไว้ว่าสัตว์ป่าชนิดนี้จะสามารถขยายพันธุ์ได้ด้วยฝีมือของมนุษย์ ไม่ใช่วิธีทางธรรมชาติ
ญาตาวีตื่นขึ้นมารับบรรยากาศยามเช้าอันแสนสดชื่นภายในนิรันดร์รักรีสอร์ท เนื่องจากพ่อของเธอได้กำชับให้ทุกคนมารับประทานอาหารร่วมกันในเช้านี้ เพราะนานๆ ทีจะได้มาอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา
สาเหตุที่ อัครเดช สกุลก้องเกียรติ ผันตัวมาจับธุรกิจรีสอร์ทนั้นเป็นเพราะเขาเองมีโรคประจำตัวรุมเร้ามากมาย จึงมีความคิดอยากหาสถานที่บริสุทธิ์สักแห่งเพื่อใช้ผักผ่อนร่างกายและจิตใจเมื่อยามบั้นปลายของชีวิต จนมาลงตัวที่การทำธุรกิจรีสอร์ทในเขตเขาใหญ่ เพราะอัครเดชเล็งเห็นแล้วว่าธุรกิจนี้น่าจะไปได้สวยหากมีการลงมือทำแบบจริงจัง ส่วนธุรกิจส่งออกเฟอร์นิเจอร์นั้นเขาได้ยกให้อยู่ในความดูแลของวาคิม
ร่างกลมกลึงสมส่วนในชุดลำลองสบายๆ เดินตรงมายังโต๊ะอาหารที่อัครเดชและวาคิมนั่งรออยู่ก่อนแล้ว สายตาของวาคิมลอบมองน้องสาวที่บัดนี้สวยสะพรั่งต่างจากวันวานมากนักด้วยความสับสนที่เริ่มก่อเกิดขึ้นมาในจิตใจ เขาเห็นญาตาวีมาแต่เล็กแต่น้อย เฝ้ามองการเติบโตของเธอมาตลอด ด้วยวัยที่ห่างกันหลายปีทำให้บิดาพอจะพึ่งพาเขาได้ในยามนั้น ความใกล้ชิดทำให้ความผูกพันก่อเกิดขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว ความรู้สึกที่มีให้อีกฝ่ายในฐานะพี่ชายได้เปลี่ยนแปลงไปนับตั้งแต่ที่ญาตาวีเริ่มไปศึกษาต่อที่ต่างประเทศ เมื่อยามห่างไกลกันทำให้ชายหนุ่มได้รู้ว่าแท้จริงแล้วเขาคิดอย่างไรกับน้องสาวเพียงคนเดียว มันไม่ใช่ความรักแบบพี่ชายกับน้องสาว แต่มันเป็นความรักของชายหนุ่มคนหนึ่งที่มอบให้อีกฝ่ายในเชิงชู้สาว และมันเป็นความสุขที่ไม่อาจบอกใครได้
“อรุณสวัสดิ์ค่ะ คุณพ่อ พี่คิม”
หญิงสาวเดินเข้ามาหอมแก้มบิดาฟอดใหญ่ ก่อนเดินเลี่ยงไปนั่งลงข้างๆ วาคิม
“เรื่องรีสอร์ทคิมก็ค่อยๆ สอนงานน้อง เพราะถึงอย่างไรดรีมก็ต้องมารับช่วงที่นี่อยู่ดี”
อัครเดชเอ่ยขึ้นขณะกำลังทานข้าวต้มปลาร้อนๆ หอมฉุยจากฝีมือแม่บ้านวัยกลางคนที่เคยประจำอยู่ร้านอาหารมาก่อน ในวันนี้ได้ผันตัวมาเป็นแม่บ้านและแม่ครัวประจำรีสอร์ทจากการทาบทามของวาคิม
“แต่นักเรียนก็คอยแต่จะดื้อครับคุณพ่อ”
สายตาคู่คมปรายมองไปทางญาตาวี รอยยิ้มเฝื่อนถูกส่งกลับมาจากใบหน้าอีกฝ่าย ซึ่งวาคิมรู้ดีว่าน้องสาวตนนั้นไม่ค่อย
ชอบบรรยากาศที่เงียบสงบสักเท่าใดนัก
“แต่ดรีมไม่ถนัดนะคะคุณพ่อ ดรีมอยากช่วยงานส่งออกมากกว่า”
ญาตาวีหมายถึงบริษัทส่งออกเฟอร์นิเจอร์ซึ่งเป็นธุรกิจหลักของครอบครัว หญิงสาวพยายามหาเหตุผลมาหว่านล้อมเพื่อให้บิดายอมเปลี่ยนใจ เพราะเธอเองรู้ตัวดีว่าไม่น่าจะพานิรันดร์รัก
รีสอร์ทให้มั่นคงไปได้ตลอดรอดฝั่ง เพราะเธอไม่ชอบที่จะพาตัวเองมาขลุกอยู่ท่ามกลางป่าเขาลำเนาไพรเช่นนี้
“ไม่ถนัดก็ต้องทำ หัดไว้แหละดีแล้ว วันข้างหน้าเราก็ต้องมีครอบครัวเป็นของตนเอง พ่อกับพี่ชายเราจะอยู่ดูแลกันไปตลอดไม่ได้หรอกนะ”
อัครเดชเสียงเข้มขึ้นมาเป็นเชิงบังคับให้คนดื้อรั้นเชื่อฟัง วาคิมยกกาแฟขึ้นจิบพลางเหลือบมองคนข้างกาย ความไร้เดียงสาที่ซ่อนอยู่ภายใต้บุคลิกมาดมั่นและหวานอมเปรี้ยวนั่นทำให้เขาเผลอคลี่ยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว คำพูดของบิดาที่ดังก้องอยู่ในโสตประสาททำให้ความรู้สึกหวงแหนทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น
‘มีครอบครัวหรอกเรอะ ฝันไปเถอะครับคุณพ่อ’
“โห เรื่องจะให้ดรีมแต่งงานคงอีกไกล ดรีมว่าคุณพ่อถามพี่คิมดูก่อนเถอะค่ะ ไม่เคยเห็นมีใครเข้าตาสักคน”
“น้องดรีมกำลังพูดเหมือนพี่เรื่องมากยังไงไม่รู้”
วาคิมแกล้งกระเซ้า เขาอดที่จะเอื้อมมือไปหยิกแก้มนุ่มนิ่มด้วยความมันเขี้ยวไม่ได้ ซึ่งญาตาวีชินเสียแล้วกับการที่พี่ชายของตนแสดงออกแบบนี้ เพราะวาคิมมักแสดงความรักออกมาในรูปแบบนี้อยู่เป็นประจำ ซึ่งเด็กหัวนอกอย่างเธอเข้าใจมาโดยตลอดว่าการกระทำนั่นคือการแสดงความรักในฐานะพี่ชายคนหนึ่งที่มีให้น้องสาวก็เท่านั้น
“แล้วมันจริงมั้ยล่ะคะ พี่คิมไม่เคยถูกใจใครสักที”
หญิงสาวกอดแขนอีกฝ่ายเอาไว้พลางส่งยิ้มล้อเลียนให้พี่ชายตน ตลอดชีวิตที่เติบโตมาเธอเองได้เขาช่วยดูแลมาตลอด ทำให้ความสนิทสนมแนบชิดแน่นแฟ้น ที่สำคัญเธอเองค่อนข้างรักและให้ความเคารพวาคิมอยู่มากทีเดียว
“แล้วพี่จะหวงน้องสาวคนเดียวบ้างไม่ได้หรือไง”
คำพูดมาพร้อมรอยยิ้มแฝงความนัย ญาตาวีไม่อาจรับรู้ได้ เนื่องจากเธอไม่เคยคิดเกินเลยกับอีกฝ่ายไปมากกว่าคำว่าพี่ชาย ความรู้สึกของทั้งสองยามนี้สวนทางกันเสียแล้ว คนหนึ่งมอบความรักให้อีกฝ่ายอย่างบริสุทธิ์ใจ ส่วนอีกคนหนึ่งมอบความรักที่ต้องการได้ทั้งตัวและหัวใจมาครอบครองแต่เพียงผู้เดียว
หลังจากรับประทานอาหารเช้าเสร็จแล้ว ญาตาวีได้ตามวาคิมมาเดินเล่นรอบๆ รีสอร์ทตามความประสงค์ของบิดาที่อยากให้เธอเรียนรู้งานเอาไว้ ทั้งสองเดินลัดเลาะไปตามริมลำธารสายเล็กๆ ที่ไหลผ่านรีสอร์ท ทางเดินยังคงเป็นเส้นเล็กๆ รกเรื้อเนื่องจากยังอยู่ในช่วงของการบุกเบิกพัฒนา แม้ญาตาวีจะไม่ชอบการมาบุกป่าฝ่าดงแบบนี้สักเท่าไหร่ แต่เธอก็จำใจต้องมาเพราะถูกบิดาบังคับนั่นเอง
“พี่คิม พักก่อนได้มั้ยคะ ดรีมขี้เกียจไปต่อแล้ว”
“ก็ได้ครับ ตามใจน้องดรีม”
“คุณพ่อนะคุณพ่อ ทำไมต้องบังคับให้ดรีมทำอะไรที่ไม่ชอบด้วย”
เสียงบ่นเป็นหมีกินผึ้งขณะสองเท้าปีนป่ายไปตามโขดหิน ริมลำธาร หวังใช้นั่งพักผ่อนหลังจากที่รู้สึกเมื่อยขบเต็มทน
“เอาเถอะ พี่ก็ไม่ปล่อยให้น้องดรีมต้องลำบากไปกว่านี้หรอก”
วาคิมสาวเท้าตามหญิงสาวมาติดๆ ด้วยเขาเองก็เป็นห่วงในเรื่องความปลอดภัยอยู่เหมือนกัน
“ดูสิ มีแต่ป่ากับเขา จะให้ดรีมมาขลุกอยู่นี่ไม่เอาหรอกนะคะ”
“บ่นอยู่นั่นแหละเราน่ะ”
“ว้าย!”
เสียงกรีดร้องด้วยความตกใจ เมื่อญาตาวีไม่ทันระวังตัวจึงเสียหลักลื่นไถล ร่างสมส่วนนั่งก้นจ้ำเบ้าอยู่ในผืนน้ำโดยที่วาคิมไม่อาจจะช่วยเอาไว้ทัน
“น้องดรีม!”
วาคิมช่วยพยุงพากันกลับขึ้นไปบนฝั่ง สายตาคู่คมไล่มองไปทั่วร่างที่เปียกปอน เห็นไม่มีร่องรอยบาดแผลก็ค่อยเบาใจ
“น้องดรีม เป็นยังไงบ้าง เจ็บตรงไหนหรือเปล่า”
“มะ…ไม่เป็นอะไรแล้วค่ะ ดรีมนี่ซุ่มซ่ามจริงๆ นะคะ”
หญิงสาวห่อไหล่อย่างเก้อเขินเมื่อเสื้อตัวสวยเปียกน้ำจนเห็นผิวเนื้อข้างใน มันแนบลู่ไปตามลำตัวเผยให้เห็นความอวบอิ่มของวัยสาวปรากฏท้าทายต่อสายตาคู่คม ความเย้ายวนเบื้องหน้าทำให้อีกฝ่ายถึงกับลอบมองอย่างลืมตัว ในขณะที่ญาตาวีไม่ทันสังเกตเห็นถึงความผิดปรกติที่ถูกส่งออกมาจากสายตาของคนที่ได้ชื่อว่าเป็นพี่ชายของตนเอง
วาคิมลอบถอนหายใจออกมาเมื่อความเต่งตึงของกายสาวที่ได้สัมผัสเมื่อสักครู่มันทำให้เขาปั่นป่วนอยู่ในหัวใจโดยที่ไม่สามารถแสดงออกมาทางภาษากายได้ แม้เสียงเรียกร้องที่ซ่อนอยู่ใต้ก้นบึ้งของหัวใจสั่งให้เขาทำมากกว่านั้น แต่ด้วยเส้นใยบางๆ ที่ขวางกั้นอยู่ทำให้ชายหนุ่มไม่อาจทำได้อย่างใจคิด ความทรมานจากความรู้สึกที่ไม่อาจเปิดเผยให้ใครรู้ได้กำลังจู่โจมเล่นงานเขาอย่างหนัก
"ใส่เสื้อนี่ซะสิน้องดรีม จะได้ไม่หนาว"
ชายหนุ่มเบือนหน้าหนีความเย้ายวน ขณะยื่นเสื้อของตนให้อีกฝ่ายรับไป ญาตาวีรับมาสวมไว้พลางคิดว่าพี่ชายของเธอคงไม่อยากให้ใครต้องมาเห็นน้องสาวตัวเองในสภาพไม่เหมาะสมเช่นนี้ จากนั้นจึงพากันเดินกลับไปตามเส้นทางเดิมที่สองข้างทางขนาบไปด้วยพรรณไม้หลากหลายชนิดไปตลอดระยะทางเดิน