1.มองข้าม
ดวงตาสีน้ำทะเลปรายตามองออกไปยังด้านนอกหน้าต่าง แสงแดดในยามเช้าส่องแสงเข้ามา พร้อมกับกลิ่นหอมอ่อนๆ..มันคือกลิ่นอายของแสงแดด ที่ทำให้เอลิซ่ารู้สึกผ่อนคลายอย่างน่าประหลาด ริมฝีปากบางยกยิ้มขึ้นมา มือของเธอยกขึ้นมาโอบกอดเจ้าของเรือนผมสีดำที่กำลังนอนอยู่เคียงข้างเธอ
เสียงหัวใจพลันเต้นแรงขึ้นมาเพียงแค่เธอได้สัมผัสเขา กลิ่นกายที่คุ้นเคยของเขาทำให้ความหลงใหลก่อตัวขึ้นมาในจิตใจอีกครั้ง แน่นอนว่าเธอรักเขา
รักท่านอีวาน เจ้าของใบหน้าที่แสนงดงามนี้..
"..เอลิ แต่งงานกันเถอะ"
เธอหัวเราะเบาๆ
"มิใช่ว่าข้าตอบตกลงไปแล้วอย่างนั้นหรือคะ?"
"ข้าแค่อยากจะถามเพื่อให้เกิดความแน่ใจ..เท่านั้นเอง"
เธอขมวดคิ้วพร้อมกับเงยหน้าขึ้นมามองสบตาเขา
"มีตรงไหนที่ท่านอีวานยังเป็นกังวลอีกอย่างนั้นหรือคะ ทั้งที่ข้าชัดเจนถึงเพียงนี้ ท่านพ่อเองก็มิได้คิดขัดขวางแล้วด้วย"
เขากอบกุมใบหน้าของเธอเอาไว้ จะให้กล่าวอย่างไรดี.. ถึงจะสามารถอธิบายเรื่องราวที่อยู่ในใจดวงนี้ออกมาได้หมด นักเวทนั้นจะมีบางสิ่งบางอย่างที่เขาเองก็ไม่สามารถบอกได้ว่าสิ่งนั้นมันคืออะไร แต่ถ้าเรียกให้ใกล้เคียงมากที่สุดคงจะเป็น ลางสังหรณ์ล่ะมั้ง
เขารู้สึกใจคอไม่ดีในทุกครั้งที่เห็นหน้าของเอลิซ่า ใบหน้าที่แสนงดงามปรากฏเด่นชัดขึ้นมา ท่ามกลางกาลเวลาที่ผ่านพ้นไปความสวยงามที่ดูยังไงนางก็มิใช่มนุษย์..
ในใจเกิดความรู้สึกหวาดกลัวทุกครั้งที่จ้องมองใบหน้านี้ เพราะเขากลัวว่านางจะ..หมดรักเขาไป
"ไม่มีหรอก นอนต่อเถอะ.."
ไม่รู้ว่าเขาคิดมากไปเองหรือว่า..มีบางสิ่งบางอย่างกำลังบอกเขากันแน่ว่าเขากำลังจะสูญเสียเธอไป
.........
ใบหน้าที่ไม่ว่าจะมองสักกี่ครั้ง ความงดงามที่ล้ำเลิศเช่นนั้นก็ไม่สามารถทำให้คาเมลละสายตาไปจากท่านเอลิซ่าของเขาได้เลย เขาส่งยิ้มให้แสนจะยินดีให้กับคุณหนูของเขา
"ท่านเอลิซ่าจะกลับไปที่คฤหาสน์คามิลเลยรึเปล่าครับ หรือว่ามีที่ไหนที่อยากแวะก่อนไหม?"
เอลิซ่าในวันยี่สิบปี เธอคือสตรีที่อายุเลยเวลาเหมาะสมที่จะแต่งงานมานานแล้ว แต่ทว่าใครจะสนเรื่องนั้นกันล่ะ อันที่จริงเรื่องการแต่งงาน เธอแต่งงานกับเลเซนไปแล้วเพียงแต่ไม่มีใครรู้ก็เท่านั้น
เอลิซ่ามองหน้าของคาเมล ก่อนที่เธอยกมือขึ้นมากุมใบหน้าของเขาเอาไว้
"คาเมล ข้าไม่เคยรู้เรื่องเกี่ยวกับเจ้าเลย วันนี้ข้ามีเวลาว่าง มากพอสมควร..เช่นนั้นเราไปบ้านของเจ้ากันไหม?"
เขามิได้คาดหวังอะไรมากมายขนาดนั้น มิได้คาดหวังว่าท่านเอลิซ่าจะต้องมาสนใจในตัวของเขาด้วยซ้ำเพราะว่าเขามันต่ำต้อยจนเกินไป แค่ได้มองเธอจากในมุมใดมุมหนึ่งเท่านั้นก็พอแล้ว เพราะเขาไม่ริอ่านคิดเกินเลยไปถึงขนาดจะยืนเคียงข้างเธอได้
"ข้าเป็นเพียงแค่คนที่ท่านแกรนด์ดยุคเก็บมาเลี้ยงเท่านั้นครับ.."
"แต่ทุกคนจะต้องมีบ้านสิคาเมล หากว่าเจ้ายังไม่มีบ้านเช่นนั้นเราไปซื้อด้วยกันดีหรือไม่"
"..ขะ..ข้ามีบ้านครับคุณหนู เพียงแต่สภาพของมันอาจจะไม่เหมาะแก่การพาคุณหนูไปที่นั่น"
เขา..คือคนที่ไม่ว่าจะหันไปมองสักกี่ครั้งคาเมลก็ยังคงยืนอยู่ตรงนั้น ยืนอยู่ด้านหลังของเธอเสมอ เขายืนเงียบๆในมุมนั้นโดยไม่คิดเรียกร้องหรือว่าต้องการเป็นมากกว่าองครักษ์ประจำตัวเธอ
เขารู้ชาติกำเนิดของเธอดีกว่าใคร ว่าเธอนั้นเป็นเพียงแค่ลูกสาวของคนตัดฟืนเท่านั้น เธอต่ำต้อยและไร้ค่าแต่ทว่าคาเมลก็ยังคงให้เกียรติเธอด้วยดีเสมอมา
เธอคือท่านหญิง คือคุณหนูผู้สูงศักดิ์ในสายตาของเขาเสมอไม่ว่าเมื่อใด ยิ่งตอนที่เกิดเรื่องตอนที่ท่านเอเลเนอร์ปรากฏตัวขึ้นมาในงานฉลองพิธีบรรลุนิติภาวะของเธอ
เขาละทิ้งทุกอย่าง ทุกสิ่งทุกอย่างแล้วเลือกจะเดินเข้าไปหาเธอ
เขาเก็บเศษหัวใจที่แหลกสลายของเธอเพื่อประกอบมันเข้าไปใหม่แล้วส่งคืนให้เธอในสภาพที่ดีดังเดิม คาเมลคือกำลังใจ คือคนที่ไม่ว่ายังไง ไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นเขาจะอยู่เคียงข้างเธอ
และเธอเป็นคนที่ไถ่ถามเรื่องความสัมพันธ์กับเขา..เป็นคนแรก วันนั้นเขากล่าวว่าอย่างไรวันนี้เขาก็ยังคงเส้นคงวาเหมือนเดิม ไม่ต้องการสิ่งใดไปมากกว่ารอยยิ้มของเธอ
คาเมลเป็นเช่นนั้น จนบางทีมันกลับกลายเป็นว่าเธอมองข้ามเขาไปอย่างไม่ได้ตั้งใจ
"ไม่เป็นไรคาเมล ข้าอยากไปที่นั่น.."
ชั่ววินาทีนั้นคาเมลรู้ได้ในทันทีเลยว่า ท่านหญิงที่สูงส่งกำลัง..โน้มตัวลงมาหาเขา ในใจเกิดเป็นความลังเลขึ้นมาเพราะว่าเขานั้นไม่รู้ว่าตัวเองจะดีพอให้ท่านเอลิซ่าชายตามองรึเปล่า
แต่ทว่าในใจ มันเกิดเป็นความยินดีขึ้นมา หากการกระทำนี้มันถือเป็นการไม่รู้จักประมาณตน เช่นนั้นเขาก็เป็นชายที่ไม่รู้จักประมาณตนหรือหากการยื่นมือไปฉุดรั้งเธอลงมามันคือการกระทำที่เห็นแก่ตัว
เช่นนั้นก็กร่นด่าเขาได้เลย ว่าเขามันคือชายที่เห็นแก่ตัว
ทางเข้าบ้านของคาเมลมันเล็กมากเสียจนรถม้าไม่สามารถเดินทางเข้ามาได้ เอลิซ่าจึงต้องเดินเท้าเข้ามา อันที่จริงเธอสามารถวาดมือไปในอากาศแล้วจับมือของคาเมลเข้ามาด้วยกันในวงแหวนเวทแต่ทว่า..ในวันนี้เธอกลับไม่อยากจะใช้เวทซะอย่างนั้น
อยากจะลองใช้สองเท้านี้ค่อยๆก้าวเดินดู เดินไปช้าๆและเดินเคียงข้างเขาไปเรื่อยๆ
ทั้งที่เราเดินเคียงข้างกันแต่เอลิซ่านั้นรู้ได้ในทันทีเลยว่าคาเมลค่อนข้างจะตั้งกำแพงเอาไว้หนาพอสมควร เธอไม่แน่ใจเหมือนกันว่าจะสามารถปีนกำแพงที่สูงชันเข้าไปในใจของเขาได้หรือไม่ แต่เธอก็จะลอง..พยายามดูสักครั้ง
เวลาที่เดินผ่าน เดินผ่านไปพร้อมกับมุมมองชีวิตที่เปลี่ยนไปของเธอ การเติบโตขึ้นมาท่ามกลางปัญหามากมายที่รุมเร้ามันทำให้เธอเข้มแข็งและเฉียบคมมากกว่าแต่ก่อน สิ่งที่ทำให้เราเข้มแข็งนั่นก็คือความรัก
เธอต้องการแข็งแกร่งเพื่อที่จะปกป้องท่านพ่อจากทุกความเจ็บปวดที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ส่วนท่านอีวานเธอคงจะไม่ต้องปกป้องเขาเพราะว่าท่านอีวานนั้นแข็งแกร่งมากอยู่แล้ว
เลเซน..เขาคือคนที่เธออดไม่ได้ที่จะคำนึงถึง การอยู่กับเลเซนในช่วงเวลาสั้นๆทำให้เธอรู้ได้เลยว่าชีวิตของคนเรามันไม่ได้ต้องการอะไรมากมาย นอกจากคำว่าเรียบง่าย
หลักๆเลยคนที่เธอจะต้องปกป้องและเป็นกำลังให้..คือท่านพี่บาร์ตัน องค์จักรพรรดิของจักรวรรดิอเดไทม์ บางทีเธอก็คิดนะ..หากว่าเราไม่รักกันอะไรๆมันคงจะง่ายดายมากกว่านี้ เธอดันไปหลงรักความร้ายกาจของเขาจนต้องลุกขึ้นมาเพื่อปกป้องเขาเอาไว้
เธออยากจะเห็นใบหน้าที่ชั่วร้ายของเขา ได้แสยะยิ้มขึ้นมาด้วยความพึงพอใจ อยากจะปกป้องเขาเอาไว้ในตำแหน่งองค์จักรพรรดิที่คู่ควรกับเขา
และเอลิซ่าคิดว่าเธอในยามนี้แข็งแกร่งมากที่จะต่อสู้กับทุกคนที่มันมีความกล้ามากพอที่จะทำร้ายคนที่เธอรักแล้วล่ะนะ บางทีคงจะเป็นเพราะว่าเธอนั้นอยู่กับท่านพ่อมากเกินไป ทำให้ความโหดเหี้ยมของท่านพ่อซึมลึกเข้ามาในจิตใจของเธอไปด้วย...
"อย่าได้วางหมากตรงนั้นลีออง.."
"ขี้โกงนี่ฮาซาน มีอย่างที่ไหนมาห้ามข้าวางหมากตรงจุดที่ข้าจะชนะ!"
"ไม่หรอกลีออง เจ้าไม่มีทางชนะข้าหรอก"
"ไม่ชนะแน่นอนเพราะว่าเจ้าเล่นโกงแบบนี้ไง!"
ฮาซานหรี่ตามองใบหน้าของสหายก่อนที่เขาจะยกดาบขึ้นมา
"เอาสิลีออง วางลงไปตรงไหนได้เลยตามสบาย เพราะหากเจ้าชนะในครั้งนี้ละก็ข้าไม่มีทางที่จะยกเอลิซ่าให้แต่งงานกับเลเซนอย่างแน่นอน"
บางทีเขาก็คิดนะ ลีอองคิดว่าเขาทนคบไอ้แกรนด์ดยุคที่แสนเอาแต่ใจนี่มาได้ยังไงตั้งหลายสิบปี..