บทที่ 9

1715 Words
‘หล่อนอยากลองเป็นชะนีคนแรกที่โดนพี่ยิ้มไหมล่ะ?’ โชคดีที่ตอนนั้นเป็นจังหวะเดียวกับที่ประตูรั้วของบ้านหลังใหญ่ค่อยๆ เลื่อนเปิดออกพอดี พี่โซ่จึงละความสนใจไปจากฉันทั้งๆ อย่างนั้น ก่อนประคองพวงมาลัยเลี้ยวรถเข้าไปในบ้านและหยุดลงที่โรงจอดรถขนาดใหญ่ซึ่งมีรถราคาแพงจอดทิ้งไว้อยู่ 2-3 คัน เขาทำตัวเป็นเจ้าบ้านที่ดีด้วยการลงจากรถแล้วเดินอ้อมมาเปิดประตูให้ การกระทำที่ดูขัดกับสิ่งที่เขาเป็น ทำเอาสัญชาติญาณความเป็นผู้หญิงในตัวเริ่มรู้สึกแปลกๆ จริงอยู่ที่พี่โซ่น่ะ เป็นผู้ชายที่มีรสนิยมชอบผู้ชายด้วยกัน แต่จากคำพูดคำจาที่เขาใช้แกล้งฉันนั้น มันให้ความรู้สึกเหมือนว่าลึกๆ แล้วเขาก็ไม่ได้ปฏิเสธความสนใจจากผู้หญิงเช่นกัน เพราะถ้าหากเขาเป็นผู้ชายประเภทที่สนใจแต่ผู้ชายเพียงอย่างเดียวจริงๆ ล่ะก็ เขาคงไม่กล้าทำท่าทางเจนจัดแบบนั้นใส่ฉันที่เป็นถึงศัตรูหัวใจของตัวเองแบบนั้นหรอก ทุกอย่างที่เขาแสดงออกให้เห็นวันนี้ บ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าผู้ชายคนนี้ยังคงหลงเหลือความเป็นผู้ชายอยู่ในตัว (ไม่มากก็น้อย) และการที่เป็นแบบนั้น มันก็ทำให้อดคิดไม่ได้ว่า หากวันหนึ่งเขาได้พบผู้หญิงที่ตรงใจเขาแบบที่เขารู้สึกต่อพี่อาร์มขึ้นมาล่ะก็ บางทีศึกการแย่งผู้ชายระหว่างเราทั้งคู่อาจจบลงแบบ Win-Win ทั้งสองฝ่าย ฉันได้พี่อาร์มไป ส่วนเขาก็ได้ครองรักกับผู้หญิงในอุดมคติก็ได้ แต่ก่อนที่จะเป็นแบบนั้นได้ ฉะนต้องหาทางพิสูจน์ให้ได้เสียก่อนว่าเขายังเหลือความรู้สึกด้านนั้นกับผู้หญิงอยู่บ้างไหม ต้องทำยังไงนะ... มันต้องมีสักวิธีสิ! “เดี๋ยวพี่จะเข้าไปหยิบของในบ้าน หล่อนจะรอตรงนี้หรือจะเข้าไปด้วยกัน” คำถามของพี่โซ่ดังแทรกภวังค์ความคิดขึ้นมา พอเงยมองถึงได้พบว่าเขากำลังยืนในท่าเท้าเอวมองฉันจิกๆ คล้ายกับจะเร่งเอาคำตอบ “เข้าไปด้วยก็ได้ค่ะ” ดีล่ะ ถ้าเขากล้าหยอกฉันเหมือนผู้ชายขนาดนั้นล่ะก็ ฉันก็ขอลองใช้มารยาผู้หญิงในตัวลองพิสูจน์ความเป็นชายของเขาหน่อยก็แล้วกัน! กึก! ตุบ! “ว๊ายยย” ฉันกะจังหวะในช่วงที่พี่โซ่หันหลังเดินนำเข้าไปในตัวบ้าน แกล้งทำเป็นสะดุดขาตัวเองล้มลงไปกองกับพื้น เลือดนักแสดงในกายมันพุ่งพล่านแบบที่ไม่เคยเป็นมา มือเอื้อมมือแตะข้อเท้าตัวเองโดยอัตโนมัติ เสมือนว่าเจ็บอะไรนักหนา ส่วนปากก็ครวญซี๊ดเสียงให้ดูน่าสงสาร แน่นอนว่าฉันไม่ลืมที่จะแอบลอบมองทีท่าของพี่โซ่ไปพลางๆ ด้วยเช่นกัน คนตัวใหญ่ซึ่งก้าวเท้าเดินนำเข้าไปในบ้านหยุดชะงักฝีเท้าลงแทบจะทันทีกับช่วงที่ฉันแสร้งร้องเสียงเจ็บปวด เขาเหลียวหลังขวับมองฉันท่าทางตกใจ โดยรวมแล้วแผนสำออยลองใจคล้ายกับจะได้ผล เมื่อคนตัวสูงรีบหันหลังเดินไว ย้อนกลับมาหาฉันด้วยท่าทางตกอกตกใจ “เป็นไรมากเปล่า?” พี่โซ่ถามน้ำเสียงห่วงๆ เมื่อเดินย้อนกลับมาหยุดอยู่ตรงหน้า “หนะ หนูเจ็บข้อเท้า” ฉันแกล้งครวญเสียงอ่อนตอบเขากลับไป พลางจงใจช้อนตามองเขาเรียกคะแนนความน่าสงสาร ซึ่งผลรับที่ได้กลับมาก็เกินคาด เมื่อเขาค่อยๆ ย่อตัวลงจนระดับสายตาของเราอยู่ในระนาบเดียวกัน นัยน์ตาคมเข้มจ้องลึกผ่านนัยน์ตาฉันราวกับเป็นห่วงเป็นใย สายตาของเขาดูไม่ใช่ผู้ชายที่ชอบไม้ป่าเดียวกันเลยสักนิด ยิ่งเมื่อมือข้างหนึ่งของเขากำลังคลำแตะไปที่ข้อเท้าฉันอย่างเบามือและอ่อนโยน และเชื่อเถอะว่าไม่ว่าผู้หญิงคนไหนได้เจอท่าทางเขาในมุมนี้เป็นอันต้องใจสั่น ลมจับเป็นแถบแน่ๆ “บะ เบาๆ ค่ะหนูเจ็บ…” อีกหนที่ฉันจงใจครวญเสียงออกไปให้เข้าสถานการณ์ ส่วนสมอง สายตาและความคิดกำลังพยายามจับผิดรสนิยมของผู้ตรงหน้าอย่างเอาเป็นเอาตาย “เจ็บมากหรือเปล่า…” เสียงทุ้มเข้มกล่าวขึ้นอย่างอ่อนโยน น้ำเสียงและการกระทำที่โคตรดูเป็นสุภาพบุรุษ ทำสมาธิฉันเริ่มไม่อยู่กับเนื้อกับตัว “อะ อื้อ” โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเราทั้งคู่เผลอสบประสานกันโดยบังเอิญ นัยน์เรียวรีของเขากำลังมองลึกผ่านเข้ามาในตาฉัน แววตาที่เขาใช้มองตอนนี้ทำฉันเหมือนคนหายใจไม่ออก พี่โซ่ค่อยๆ ละมือที่แตะข้อเท้าทาบลงกับพื้น พร้อมทั้งขยับกายโน้มหน้าเข้ามาใกล้ ที่บ้าที่สุดในตอนนี้ก็คือการกระทำแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยของเขากำลังเป็นชนวนเร่งอัตราการเต้นของหัวใจฉันให้รัวถี่ขึ้นอย่างไร้เหตุผล ตึก ตัก... ตึก ตัก... ฉันตกอยู่ในอาการเกร็งจัด เมื่อพี่โซ่เริ่มทำมากกว่าการขยับตัวเข้ามาหา เขาถือวิสาสะเอื้อมมือแตะข้างแก้มฉันอย่างแผ่วเบาในระยะประชิด ไม่อยากยอมรับก็ต้องยอมรับว่าหน้าตาของเขาในยามที่ได้มองมุมใกล้แบบนี้ มีเสน่ห์ดึงดูดเพศตรงข้ามมากจริงๆ ขะ เขาจะทำอะไร จะจูบฉันเหรอ… บ้าน่า! ถ้าเขาทำแบบนั้นล่ะก็ มันก็หมายความว่า… กึก! ฉันทำตาโตเมื่อคนตัวใหญ่เคลื่อนใบหน้ามาหยุดอยู่ข้างหู จนรู้สึกถึงลมหายใจร้อนเป่ารดลงมาได้อย่างชัดเจน หัวใจยิ่งทำงานหนักเข้าไปใหญ่เมื่อพี่โซ่ทิ้งลมหายใจอยู่ข้างหูแบบนั้น แต่เพียงไม่นานไอ้ความรู้สึกทั้งหมดที่ฉันเป็นก็เริ่มสลายไป เมื่อเขาอ้าปากกระซิบ “หล่อนคิดว่าอ่อยแบบนี้แล้วจะได้พี่เป็นผัวจริงๆหรือไง? อย่ามาฝันเฟื่อง!” พี่โซ่ๆ ค่อยเคลื่อนหน้าออกไปพร้อมทั้งผละตัวลุกขึ้นยืน ส่วนปากก็เหมือนต่อว่า “มุกอ่อยเก่าๆ แบบนั้นน่ะ หล่อนใช้กับพี่ไม่ได้ผลหรอก” รอยยิ้มเหยียดอย่างคนรู้ทันซึ่งปรากฏต่อสายตาฉันตอนนี้ช่างน่าหมั่นไส้สิ้นดี โดยเฉพาะกับคำพูดประโยคต่อมาเหมือนสั่งสอน “เอาไว้วันหลังพี่จะทำให้หล่อนเห็นโน๊ะ ว่าการอ่อยของจริงเขาทำกันยังไง” พอได้ฟังคำดูถูกแบบไม่ไว้หน้า ฉันก็ไม่รอช้า รีบหยัดตัวลุกขึ้นประจันหน้ากับพี่โซ่ตรงๆ และไม่ลืมที่จะแก้ต่างให้ตัวเองด้วย “ใครเขาอยากจะอ่อยคนแบบพี่กัน อย่ามโนเองได้ไหมคะ!?” พี่โซ่เบ้ปาก ยักไหล่แบบไม่สะทกสะท้านต่อคำปฏิเสธ แถมยังพูดย้อน “งั้นก็แปลว่าที่ร้องโอดครวญเมื่อครู่ หล่อนก็แค่ชะนีขี้สำออยว่างั้นเถอะ?” ไม่ใช่แค่การยอกย้อนของเขาหรอกนะ แต่รวมไปถึงสายตาที่คนตัวใหญ่จงใจหลุบมองต่ำมายังข้อเท้าของฉัน ก่อนเหลือบขึ้นจ้องหน้าคล้ายกับรอคำตอบ สายตา คำพูด รวมไปถึงความคิดที่มองทุกอย่างออกอย่างทะลุปรุโปร่งของเขาทำฉันได้แต่กัดปากแน่น สะบัดเชิดหน้าเพื่อเลี่ยงตอบข้อหาที่ดิ้นไม่หลุด นับว่าเป็นโชคดีที่พี่โซ่ดูเหมือนจะไม่ได้ใส่ใจฉันสักเท่าไหร่ เพราะเขาเองก็ไม่ได้พูดอะไร ได้แต่ทิ้งสายตาข่มขู่ประมาณว่าระวังตัวไว้เถอะชะนีเอาไว้แค่นั้น และ เลือกที่จะเดินหันเดินนำเข้าไปในบ้านมากกว่าหยุดยืนต่อปากต่อคำอยู่ตรงนี้ ส่วน ฉันเองก็ไม่รอช้า รีบก้าวเดินตามเขาเข้าไปแบบติดๆ จะให้มายืนรออยู่ที่รถคนเดียวมันก็คงจะไม่ใช่ ฉันเดาอารมณ์พี่โซ่ไม่ได้หรอก ขืนเขาหายเข้าในบ้านแล้วแกล้งปล่อยฉันยืนรอเป็นเสี่ยวจะทำยังไงล่ะจริงไหม? บ้านพี่โซ่ค่อนข้างใหญ่โตกว่าตอนที่มองจากนอกรั้วนัก ไม่บอกก็รู้แค่เพียงดูจากรถที่เขาใช้ขับ รังสีความรวยก็แผ่ซ่านไปถึงไหนต่อถึงไหน ฉันสอดส่องสายตามองไปรอบพื้นที่ในตัวบ้าน มองเฟอร์นิเจอร์และข้าวของประดับบ้านราคาแพงอย่างสนอกสนใจ น่าแปลกทั้งที่บ้านก็ออกจะใหญ่ขนาดนี้ แต่ดันไม่มีใครอยู่สักคน อาทิเช่น คนทำงานบ้าน แบบในละครหลังข่าวอะไรเทือกนี้ กึก! เดินสำรวจภายในตัวบ้านได้ไม่เท่าไหร่ เท้าก็ต้องสะดุดลงจังหวะเดียวกับที่สายตาบังเอิญหันเข้าไปเจอกับอะไรบ้างอย่างที่สร้างความช็อกให้อย่างสุดๆ เมื่อบุคคลซึ่งเป็นเจ้าของบ้าน จู่ๆ ก็เริ่มทำเรื่องน่าตกใจ ถอดเสื้อยืดคอวีที่สวมอยู่ของตัวเองออกแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย เผยให้เห็นร่างกายกำยำซ่อนรูปแบบที่ผู้ชายควรจะมีภายใต้เสื้อผ้า ไม่ว่าจะกล้ามแขนหรือแม้แต่ซิกแพ็กเป็นล่อนเรียงสวยสมชายนั่น รูปร่างของเขาจัดว่าดีมาก มากเสียจนชะนีอย่างฉันเผลอกลืนน้ำลายเหนียวหนืดลงคอดังอึก! “ร้อน~ โน๊ะ~ ” เขาส่งเสียงก่อนเหวี่ยงเสื้อที่ถอดออกมาด้านหลัง เฉียดหน้าฉันไปเพียงเล็กน้อย พลางหันกลับมาหรี่ตามองฉันด้วยท่าทางที่แปลกออกไป การกระทำที่ไม่มีต้นสายปลายเหตุและคาดเดาอะไรไม่ได้แบบนั้นของเขา ทำฉันรีบก้าวถอยห่างจากมาหนึ่งก้าวใหญ่เพื่อเว้นระยะของเราไว้ เผื่อว่าหากเขาคิดจะทำอะไรไม่ดีขึ้นมา ฉันจะได้ตั้งตัวหนีทัน และในตอนที่เรามีโอกาสได้สบตากันตรงๆ เขาก็เริ่มเปลี่ยนสีหน้า ทำท่ายั่วยวน ด้วยการกัดปาก และพ่นคำถามสั้นออกมาด้วยเสียงแหบพร่า “ร้อนๆ แบบนี้เข้าไปนั่งเล่นในห้องนอนพี่ก่อนไหม ตอนนี้ไม่มีใครอยู่…”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD