ฉันชอบคิดถึงผู้ชายในฝันซึ่งไม่รู้ว่าเป็นใคร อยู่ที่ไหน หน้าตาเป็นอย่างไร แต่ทุกครั้งที่หลับตาและนอนฝัน ฉันมักจะได้เจอกับเขา…
กลิ่นหอมตามเนื้อตัวเขาเหมือนกับที่พี่โซ่และพี่อาร์มใช้ เพียงแค่ว่าฉันมองไม่เห็นหน้าเขาเท่านั้น แต่รู้สึกถึงฝ่ามืออุ่นที่เขากำลังใช้ประครองหน้าฉันให้เชิดขึ้นได้อย่างชัดเจน
มือของเขาหยาบแต่ไม่กระด้าง อาจเพราะความอ่อนโยนที่เขาปฏิบัติใส่ฉันล่ะมั้ง ทุกอย่างที่เกิดมันถึงทำให้ฉันรู้สึกดี
“ซิน…” เขาเรียกฉันในฝันแบบนี้ทุกครั้ง ก่อนจะเริ่มบรรจงจรดริมฝีปากร้อนลงมาบดเบียดจนแนบชิด มือของเขากำลังประครองโครงหน้าฉันเอาไว้ในมุมที่เหมาะสม
“อื้อ…” กลิ่นหอมอ่อนๆ ของน้ำหอมผู้ชายแสนคุ้นเคยไม่ได้ทำให้ฉันปฏิเสธการกระทำดังกล่าว ต่อให้เขากำลังละเลงริมฝีปากร้อนบดขยี้ผิวปากของฉันอย่างหนักหน่วง และรุกล้ำพื้นที่ส่วนตัวในปากด้วยเรียวลิ้นซุกซนก็ตาม คมเขี้ยวฟันของเขาขบเม้มปากลงบริเวณกลีบปากล่าง ดูดดึงจนปวดไปหมด
แต่ในฝันครั้งนี้มันเริ่มต่างออกไปจากทุกครั้ง เมื่อเขาเริ่มเลื่อนมือลงต่ำมาที่หน้าอกจนเผลอเกร็งสั่น วินาทีที่เขาลากปลายนิ้วผ่านเสื้อตัวนอกผ่านใจกลางทรวงอก ฉันก็ทนไม่ไหว จำต้องเผลอกัดริมฝีปากล่างของเขาแรงๆ เพื่อระบายความรู้สึกวาบหวิวที่อีกฝ่ายมอบให้
ทว่า ความฝันนั้นกลับต้องเป็นอันสะดุดลง หลังจากเกิดเสียงหวีดลั่นแบบมีจริตของผู้ชาย
“โอ๊ยย! มันเจ็บนะชะนี!!!” เสียงเข้มดังกล่าวดังชัดเจน ฉันสะดุ้งตื่น เบิกตากว้างก่อนพบว่าฉันกำลังนอนอยู่บนเตียงขนาดใหญ่ ทั้งที่บนร่างกายมีร่างกำยำของผู้ชายคนหนึ่งกำลังคร่อมอยู่
พี่โซ่กำลังมองฉันด้วยแววตาที่ต่างออกไป ถ้ามองไม่ผิดดูเหมือนว่าเขากำลังยิ้ม ทว่า เมื่อฉันเริ่มขยับตัว ไอ้สีหน้าดังกล่าวของเขาก็เริ่มเปลี่ยนไป คนตัวใหญ่รีบผละตัวออกห่าง พลางสะบัดหน้าเชิดหันไปทั้งอื่น
เกิดอะไรขึ้น? คือประโยคเดียวที่อยู่ในหัวตอนที่ได้เห็นหน้าพี่โซ่เป็นคนแรกหลังจากตื่นจากฝัน สมองฉันยังไม่สามารถประมวลเหตุการณ์ทั้งหมด แม้จะมึนงง และปวดหนึบในหัวมากแค่ไหนก็ตาม แต่ฉันก็ยังพยายามนึกทบทวนเรื่องที่เกิดขึ้น
เมื่อคืนจำได้ว่าฉันดื่มเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์เข้าไป จำได้ว่าตัวเองกำลังจะไปห้องน้ำและเมามาก แต่หลังจากนั้นมันเกิดอะไรขึ้นบ้างฉันดันจำไม่ได้เลย
พอคิดมาถึงจุดนี้สายตาก็หลุบต่ำลงมาที่เสื้อผ้าของตัวเอง ถึงเมื่อคืนฉันจะเมาเพราะฤทธิ์เหล้ามากแค่ไหนก็ตาม แต่ฉันก็ไม่ลืมถึงขั้นว่าฉันแต่งตัวยังไง ซึ่งตอนนี้เสื้อผ้าพวกนั้นมันได้หายไปเหลือแต่เพียงเสื้อฟุตบอลตัวใหญ่สีดำสนิทของผู้ชาย
ขวับ!
ฉันตวัดหางตามองหน้าพี่โซ่ซึ่งยืนกอดอกมองฉันอยู่ข้างเตียง ห้องทั้งห้องมีเพียงแค่ฉันกับพี่โซ่สองต่อสองเท่านั้น พี่โซ่ไม่พูด ฉันไม่พูด เลยพานให้บรรยากาศระหว่างเรามีแต่ความเงียบ
“มองอะไรของหล่อนไม่ทราบ!” แต่แล้วคนที่ทำลายความเงียบระหว่างเราลงมันก็เป็นพี่โซ่นั่นแหละ
“คะ ใครเปลี่ยนเสื้อหนู!?” ฉันละล่ำละลักถามออกอย่างเป็นกังวล
“พี่เอง” คำตอบสั้นๆ ของเขาทำฉันเบิกตากว้างอย่างขีดสุด ความรู้สึกเหมือนกำลังถูกสึนามิถล่มเข้าใส่ไม่ยั้ง แต่วินาทีที่ฉันกำลังจะอ้าปากต่อว่าเขาออกไปนั้น พี่โซ่ก็แทรกเสียงพูดขึ้น “หล่อนอย่ามามโนอะไรแปลกๆ ถึงพี่จะเป็นแบบนี้พี่ก็เลือกนะ!”
“หนูไม่สนว่าพี่เลือกหรือไม่เลือก แต่พี่มีสิทธิ์อะไรมาจับหนูเปลี่ยนเสื้อผ้า!” ฉันย้อนแย้งเขากลับแบบสุดเสียง ต่อให้ไม่รู้ว่าตัวเองอยู่สถานภาพไหนก็ตาม
“ก็หล่อนเมาแล้วอ้วก ถ้าชอบนอนตัวเหม็นๆ วันหลังก็บอกสิ!”
“งั้นแปลว่าเรื่องอาบน้ำ…”
“พี่อาบให้เอง!” เขาขัดเสียงหนักแน่น
“งะ งั้นพี่ก็…”
“เออ! เห็นหมดเลยทุกซอกทุกมุม! ตั้งแต่สามเหลี่ยมทองคำยันไร่สาหร่าย!”
“กรี๊ดดดด! อะ ไอ้เกย์โรคจิต…” ฉันหวีดเสียงเหมือนคนสติแตกทันทีแบบไม่ต้องสงสัย ตอนหวีดเสียงปากก็ต่อว่าไป “ไอ้บ้ากาม… อะ อื้อ!!”
หมับ!
ยังไม่ทันได้ด่าเขาหนำใจ เสียงของฉันก็ถูกอุดด้วยฝ่ามือแกร่งที่พุ่งเข้าหาอย่างรวดเร็ว พี่โซ่จับฉันล็อกคอ
ต่อให้เขาจะดูแต๋วๆ แต่เรื่องพละกำลังดูไม่ย่อหย่อนไปจากผู้ชายปกติเลยสักนิด
“หล่อนคิดว่าตัวเองอยู่ในห้องคาราโอเกะหรือไง หวีดเสียงหาพระแสงเลเซอร์เหรอ!?” เขาตะคอกถามเสียงดุ
“อ่อยอะ! (ปล่อยนะ!)” ฉันพยายาตะเบ็งเสียงสู้ พร้อมทั้งดิ้นขลุกขลักต่อต้านเขาไปด้วย แต่พี่โซ่ก็ไม่ยอม มิหนำซ้ำยังแค่นเสียงพูดกึ่งขู่ออกมาไม่หยุด
“รู้ไหมเมื่อคืนพี่เกือบโดนไอ้พวกที่หล่อนไปแอ๊ว[1]ไว้ทำร้ายจนเกือบเสียโฉมน่ะ!” ได้ยินแบบนั้น ฉันก็เผลอหยุดชะงักร่างกายไปชั่วคราว เมื่อในหัวเหมือนจะนึกเรื่องที่เขาพูดถึงขึ้นมาได้
ฉันกลอกตามองใบหน้าหล่อเหลาของคนตัวใหญ่กว่าเบื้องหน้าเพื่อเช็กอาการ แต่ไม่ว่าจะมองท่าไหน ผิวหน้าเนียนของเขาก็ดูจะปกติดี ไร้ซึ่งรอยขีดข่วนใดๆ ตามอย่างที่ปากว่า จนกระทั่งสายตาสะดุดลงที่ริมฝีปากล่างของเขาซึ่งดูบวมเจ๋อแถมยังมีเลือดฝาดจางๆ คล้ายกับปากแตก
หรือว่าเขาจะโดนต่อยมาจริงๆ นะ แต่ถ้าโดนต่อยเลือดพวกนั้นมันก็ควรจะหายไปแล้วสิ แถมมุมปากก็ไม่มีรอยช้ำอย่างที่ควรจะเป็นด้วย
“คราวนี้ก็สำเหนียกตัวเองได้แล้วนะ ว่าใครกันแน่ที่ผิด!” ฉันทำตาปริบๆ เมื่อถูกอีกฝ่ายรัวคำต่อว่าไม่หยุด ฝีปากเขามันช่างล้ำลึกนักเล่นเอาซะคนเพิ่งตื่นอย่างฉันถึงกับอ้าปากหวอได้เลยทีเดียว
วินาทีนั้นฉันเริ่มรู้สึกเหมือนตัวเองจะเริ่มสำนึกผิดไม่ทัน
“อีกอย่างคนที่ควรจะหวีดน่ะ มันคือพี่ต่างหาก!” พี่โซ่ค่อยๆ ปล่อยมือปล่อยแขนที่ล็อกคอฉันออกไปตบอกตัวเองรัวๆ ขณะเคลื่อนตัวกลับไปยืนในท่ากอดอกแบบเก่า พร้อมทั้งกล่าวเสริม “แผนละเมอแอ๊วผู้ชายของเธอเนี่ยมัน Low Class มากกกกกก”
แผนละเมอแอ๊วผู้ชายงั้นเหรอ?
“ว่าแล้วยังมาทำมองอีก!” เขาส่งเสียงดุ จนฉันสะดุ้ง
ช่วงที่ฉันกำลังถูกเครื่องหมายคำถามพุ่งโจมตีจนเอ๋อไปชั่วขณะ จังหวะเดียวกันนั้น พี่โซ่ดันเป็นฝ่ายกระตุกยิ้มเจ้าเล่ห์ต่างจากภาพลักษณ์นางพญาแบบที่เคยเห็น พร้อมด้วยคำพูดน่าตกใจ
“ต่อให้หล่อนจะดูดปากจนพี่เผลอมีอารมณ์ร่วม…” เขาจงใจเลื่อนนิ้วกลางขึ้นลูบเกี่ยวริมฝีปากล่างของตัวเอง สีหน้าและท่าทางเขาไม่ได้ดูเหมือนนางมารร้ายที่คอยขัดแข้งขัดขาฉันแบบที่ผ่านมา แต่เขากำลังมองด้วยแววตาของผู้ชายเจ้าเล่ห์คนหนึ่ง “ แต่พี่ก็ไม่หลวมตัวเป็นผัวให้หรอกนะ …”
ฉันอ้าปากค้างทันทีที่ได้ฟัง ยิ่งด้วยในหัวนึกไปถึงภาพความฝันอันประกอบไปด้วยรสจูบแสนเร่าร้อน กับแรงสัมผัสของฝ่ามือเสมือนความจริงนั่น
ความคิดฉันยิ่งแตกกระเจิงหนักเข้าไปใหญ่ เมื่อสมองส่วนวิเคราะห์ประมวลผลออกมาได้ว่า สิ่งที่ฉันเชื่อว่าเป็นความฝันนั้นมันอาจเป็นเรื่องจริง
แถมผู้ที่ลงมือกระทำการดังกล่าวตอบสนองฉันมันก็น่าจะเป็นเขา!!!
จังหวะที่ฉันกำลังจะอ้าปากต่อว่าเขา ไม่รู้ว่าพี่โซ่เห็นสีหน้าตื่นตกใจของฉันหรือเปล่า จู่ๆ เขาถึงได้หยุดฉันด้วยการชูนิ้วยื่นใส่หน้าฉันอย่างรวดเร็ว พร้อมทั้งกล่าวขึ้น
“หยุดนะชะนี ถ้าหล่อนหวีดขึ้นมาอีก พี่จะจูบเธอต่อจากเมื่อกี้เอาให้ปากบวมเลยคอยดู!”
พอได้ยินแบบนั้นฉันก็อ้าปากค้างไว้ในท่าเดิมเหมือนถูกสต๊าฟ ซึ่งดูเหมือนว่าไอ้ท่าทางชักกระตุกของฉันจะทำให้คนตัวสูงตรงหน้าพอใจ เขาถึงได้ยิ้มและยิงคำพูดคำจาน่าหมั่นไส้ออกมาไม่หยุดไม่หย่อน
“แต่อนุญาตให้แค่หล่อนจูบเท่านั้นนะ พอดีพี่เป็นคนหวงขาอ่อนอ่ะ~”