ตอนที่6 นางร้ายปฏิวัติ1
ต้นยามเหม่า (ช่วงเวลา05.00 – 06.59 น.)ในบริเวณลานกว้างสวนดอกไม้นานาพันธุ์ของจวนสกุลหยาง ในสวนมีเงาตะคุ่มที่เคลื่อนที่ไปมาไม่หยุด ก่อนจะมีเสียงสนทนาที่สนิทสนมไม่น้อยของนายบ่าวที่พูดคุยกันขณะวิ่งออกกำลังกายอยู่แต่เช้ามืด~
เสียงของการสนทนานั้นดังขึ้นไม่น้อยทั้งเสียงการพูดคุยทั้งเสียงหอบหายใจของใครสักคนในกลุ่มที่ดังราวกับจะขาดใจ สาวใช้ทั้งสองนั้นเหนื่อยล้ายิ่งนักใบหน้าของพวกนางเต็มไปด้วยเหงื่อที่ไหลหลั่งจากที่วิ่งออกกำลังกายมาไม่หยุดมาหลายเค่อ~
"แฮ่ก ๆ ฮูหยินรอข้าด้วยเจ้าค่ะ" อาหลีอาหลัวที่วิ่งตามเจ้านายสาวมาติด ๆ ได้หลายวันแล้ว พวกนางสองพี่น้องเริ่มคุ้นชินกับการรับใช้ผู้เป็นเจ้านายไม่น้อย
แท้จริงแล้วฮูหยินของพวกนางนั้นใจดียิ่งนัก...ไม่ได้ดุด่าใจร้ายอะไรเหมือนที่พวกนางได้ยินเหมือนข่าวลือที่มาจากนอกจวนเลย
หญิงสาวนั้นพูดจาดีและเห็นอกเห็นใจบ่าวไพร่ไม่ได้มีการดุด่าอย่างไร้เหตุผลเหมือนที่พวกนางได้ยินมา แต่ฮูหยินก็จะมีอารมณ์เสียบ้าง...เวลาที่ฮูหยินนอนหลับอยู่ กฎเหล็กก็คือห้ามไปยุ่งกับนายหญิงเด็ดขาดเวลาที่นางนอนหลับถ้าใครทำนางตื่นนอนกลางคัน ฮูหยินนั้นก็จะหงุดหงิดและโวยวายทันที
แต่ถ้านางรู้ตัวว่าเผลออารมณ์เสียพอตื่นขึ้นมาก็มักจะเอ่ยขอโทษพวกนางอยู่บ่อย ๆ ทุกครั้ง จึงทำให้พวกนางและบ่าวไพร่ทุกคนในจวนนั้นอยู่อย่างสงบสุขตั้งแต่นางแต่งเข้าจวนมาตลอดเจ็ดวัน ไม่มีบ่าวไพร่ที่นี่ถูกลงโทษสักคน ~
"พวกเจ้าเหนื่อยก็พักเถอะ ข้าจะขอวิ่งอีกสักสองเค่อก็จะไปอาบน้ำแล้ว" หลี่ซูเจินเอ่ยอย่างสบาย ๆ นางไม่ได้มีอาการเหนื่อยหอบเพราะนางมีเทคนิคในการวิ่งและหายใจขณะออกกำลังกาย
นางในชีวิตก่อนหน้านั้นต้องออกกำลังกายรักษาหุ่นให้ดีอยู่เสมอและยังต้องไดเอ็ตอาหารการกินอยู่บ่อย ๆ เพื่อให้ได้หุ่นที่ดีและสุขภาพดีเวลาที่ออกกล้องถ่ายทำหนังหรือโฆษณาต่าง ๆ เพราะนางเป็นดาราจึงต้องมีภาพลักษณ์ที่ดูดีอยู่เสมอ
"งั้นพวกเราขอพักนะเจ้าคะ" อาหลีอาหลัวเอ่ยออกมาพร้อมกันอย่างมิได้นัดหมายทันที พวกนางเหนื่อยไม่น้อยก่อนจะขอตัวนั่งพักรอเจ้านายสาวใต้ต้นไม้ไม่ไกลจากทางวิ่ง
"อืม ไปเถอะ" หลี่ซูเจินเอ่ยตอบ ก่อนจะวิ่งต่อทันทีเป็นเวลาสองเค่อตามที่นางตั้งใจไว้เพื่อที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ดีขึ้นนางจะยอมเหนื่อยออกกำลังกายให้มากขึ้น ตั้งแต่นางปรับอาหารการกินและออกกำลังกายมาเจ็ดวันติด ๆ นางรู้สึกร่างกายของนางนั้นกระชับขึ้นและเนื้อหนังรู้สึกว่าไม่ได้ย้วยเหมือนเดิมแล้ว
..........................
ลมเย็น ๆ กระทบลงใบหน้าที่มีทั้งสิวและรอยสิวดำอย่างมากมายเบา ๆ ผมยาวที่นุ่มสลวยที่มีเหงื่อชื้นตามกรอบหน้า ผมดกดำเพราะถูกบำรุงมาอย่างดีจากน้ำมันทาผมราคาแพงทำให้ผมที่เคยกระด้างของนางนั้นดูดีขึ้นไม่น้อยหลังจากที่ตั้งใจบำรุงรักษาอย่างดีเช้าเย็นติด ๆ กันมาหลายวัน
หลังจากที่หลี่ซูเจินทำใจและยอมรับเรื่องราวต่าง ๆ ได้อย่างปริยายแล้ว นางในตอนนี้ก็ได้เริ่มปฏิวัติเปลี่ยนแปลงตัวเองทันที นางเริ่มวิ่งออกกำลังกายและเปลี่ยนแปลงการทานอาหารให้มีประโยชน์
นางงดอาหารเลี่ยน ๆ และไม่ทานของหวานเลย นางจะทานแค่พวกโปรตีนที่ได้จากสัตว์ทั้งหมูและไก่และยังทานผักผลไม้ทุกมื้อแทนของหวาน นางดื่มน้ำเปล่าแทนน้ำชาอีกด้วยแล้วนางก็ยังทำการรักษาสิวหนองบนใบหน้าด้วยการพอกสมุนไพรเพื่อรักษาสิวด้วยตนเองทุก ๆ วัน นางหลีกเลี่ยงการแต่งหน้าและพยายามพอกหน้าด้วยสมุนไพรเย็น ๆ ตลอดเวลาเช้าเย็นชีวิตของนี้ของนางแทบจะไม่มีเวลาทำอะไรเลย
//แต่เพื่อที่จะเป็นตัวประกอบสุดสวยนางก็จะยอมเหนื่อยกายหน่อยในช่วงเวลาสามเดือนนี้
............................
เมื่อเจ็ดวันก่อน....หลังจากที่หลี่ซูเจินมองดูตัวเองในกระจกจนครบทุกซอกทุกมุมแล้ว ก็ถึงเวลาทำความรู้จักโลกในนิยายเรื่องนี้เสียที
นางจึงเอ่ยกับสาวใช้ที่นางตื่นมาก็รู้จักเป็นคนแรกในโลกใบนี้ทันที
แต่จนใจที่นางยังไม่ได้รู้จักชื่อของทั้งสองเลย เพราะหลี่ซูเจินคนก่อนนั้นไม่เคยสนใจไยดีใครเลยมาก่อนในชีวิต...เพราะในความคิดของหญิงสาวนั้น ชีวิตของบ่าวไพร่นั้นไม่เคยมีค่าอะไรในสายตาของชนชั้นสูง ดังนั้นในความทรงจำของหลี่ซูเจินจึงไม่ได้มีข้อมูลอะไรของทั้งสองคนเลยสักนิด
"พวกเจ้า" หลี่ซูเจินเอ่ยด้วยน้ำเสียงปกติ นางเอ่ยด้วยคำพูดที่โบราณให้เข้ากับยุคสมัยที่นี่ด้วยความแนบเนียน เรื่องแค่นี้มันง่ายสำหรับนางร้ายแบบนางที่ผ่านการแสดงหนังทั้งพีเรียดและปัจจุบันมาหลายสิบเรื่อง มันจึงง่ายเหมือนทานข้าวเช้า คนอวบอ้วนมองดูสาวใช้ทั้งสองด้วยสายตาพิจารณาทันที
"เจ้าคะ? ฮูหยิน" อาหลีอาหลัวเอ่ยตอบพร้อมกันพวกนางจ้องมองพื้นไม่กล้ามองไปที่ใบหน้าของเจ้านายตรงหน้าสักนิด เพราะเกรงกลัวที่จะถูกลงโทษเหมือนบ่าวไพร่ที่จวนสกุลหลี่หลาย ๆ คน โทษฐานที่บังอาจจ้องมองหน้าเจ้านายโดยไม่ได้รับอนุญาต
ใบหน้าอวบอ้วนหันหน้าไปทางสาวใช้ทั้งสองที่ก้มหน้ามองพื้นอยู่ตลอดเวลาทันที สาวใช้ทั้งสองจับกระโปรงตัวเองแน่นอย่างตื่นกลัวแบบเห็นได้ชัด นางก็อดจะละอายใจไม่ได้จริง ๆ
เจ้าของร่างเดิมช่างมีนิสัยที่ไม่ดีเสียเลยสินะคนรับใช้ไม่กล้าจะมองหน้าสักคนและยังตัวสั่นระริกเพราะตื่นกลัว ถ้าให้เปรียบเทียบก็เหมือนลูกนกที่สั่นสะท้านที่ตื่นกลัวไร้มารดาปกป้อง
'หลี่ซูเจินช่างใช้ไม่ได้เลยจริง ๆ'
'นางจะไม่ยอมเป็นคนสันดานเสียอีกต่อไป'
หลี่ซูเจินคนเก่าก็ตายไปแล้ว....ส่วนนางก็คงตายเช่นกันสินะ...ถึงได้มาสิงอยู่ในร่างของตัวประกอบในนิยายเช่นนี้ ก็สมควรถึงแก่เวลาที่นางควรจะเปลี่ยนแปลงตัวเองเป็นคนใหม่เสียที เพื่ออนาคตที่มีความสุขของนางในบั้นปลายชีวิต นางจะไม่สร้างความเกลียดชังอีกต่อไปนับจากวันนี้...
เพราะจริง ๆ แล้วนางร้ายส่วนมากก็ไม่เคยตายดีเลยสักคน บางคนตายแบบโดนประณามไปทั้งชีวิตที่เหลืออยู่ บางคนเมื่อชะตาชีวิตตกต่ำก็ถูกมาแก้แค้นกลับ บางคนก็ตายทั้งเป็นจากการกระทำที่ไม่ดีเมื่อครั้นมีชีวิต บ้างก็ตายโหงตายห่าไร้แผ่นดินกลบหน้า
ดังนั้นในฐานะนักนางร้ายเบอร์หนึ่งของยุคนางจะไม่ยอมมีจุดจบแบบนั้นแน่นอน
"พวกเจ้าชื่ออะไรเหรอ" เสียงหวานใสเอ่ยออกไป นางจ้องมองทั้งสองคนเงียบ ๆ เพื่อจดจำหน้าตาเอาไว้ สาวใช้ตรงหน้านางเป็นพี่น้องฝาแฝดที่มีหน้าตาเหมือนกันราวกับแกะแน่ะ นางแยกไม่ออกสักนิดนางจึงใช้เวลาจ้องนานไม่น้อยด้วยความไม่ตั้งใจ แต่การกระทำแบบนี้ของนางกลับสร้างความตื่นกลัวให้สองพี่น้องตรงหน้าเอาอย่างมาก~
"ข้าอาหลัวเจ้าค่ะ"
"ข้าอาหลีเจ้าค่ะ"
สาวใช้ทั้งสองเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครืออย่างเห็นได้ชัด แม้จะตื่นกลัวแต่พวกนางก็ยังคงตอบคำถามที่ถูกถามอย่างรวดเร็วทันที
"อืม เหมือนกันมาก ๆ ข้าแยกไม่ออกน่ะ" หลี่ซูเจินเคาะนิ้วบนเก้าอี้ไม้เป็นจังหวะ นางส่งยิ้มให้ทั้งสองที่จ้องมองมาทางนางด้วยสายตาแปลกใจทันทีด้วยความเป็นมิตร
"เจ้าคะ" อาหลัวที่ได้ยินบทสนทนาไม่ชัดนางจึงเผลอหันไปสบตากับคนอวบอ้วนตรงหน้าด้วยความเผลอไผลอย่างลืมตัว ทันทีที่สบตากันกับหลี่ซูเจิน ขนกายของอาหลัวชันขึ้นอย่างรวดเร็วหัวใจของนางเต้นรัวราวกับจะหลุดออกมาจากในอก
กึก
อาหลัวรีบก้มหมอบไปที่แทบเท้าของหลี่ซูเจินทันที หน้าผากกว้างกระแทกไปที่พื้นจนดังกังวานหน้าผากสีขาวขึ้นสีแดงเป็นวงกลมจากการกระแทกกับพื้น
อาหลัวนางถูมือไปมาเพื่อขออภัยหลี่ซูเจินตรงหน้าทันทีด้วยความตื่นกลัว ปากก็เอ่ยขออภัยหญิงสาวอวบอ้วนตรงหน้าน้ำเสียงสั่นเครือที่เต็มไปด้วยความรู้สึกที่กลัวจนไม่สามารถควบคุมได้อีกต่อไป เพราะนางกลัวที่จะถูกโบยจนพิการและถูกขายทิ้งออกไป จากที่นี่ "ฮูหยินข้าขออภัยเจ้าค่ะ ขะ...ข้าไม่ได้ตั้งใจมองใบหน้าของท่าน ฮือ ๆ"
"หืมมมมม" หลี่ซูเจินเลิกคิ้วงง ๆ กับท่าทางของสาวใช้ ก่อนจะเข้าใจได้ในที่สุด ว่าทุกคนนั้นกลัวนางแค่ไหน
"มะ...ไม่ต้องกลัวหรอก ข้าไม่ลงโทษเจ้าหรอกนะ หยุดร้องไห้เถอะ...ข้าน่ากลัวขนาดนั้นเลยหรือ"หลี่ซูเจินพยุงอาหลัวที่ร้องห่มร้องไห้ทันทีนางเอ่ยด้วยน้ำเสียงอบอุ่นดวงตาของนางสะท้านใจกับอาการที่สาวใช้ที่ตื่นกลัวนางเกินเหตุ ใบหน้าอวบอ้วนที่มีสิวเขรอะไม่ได้แสดงสีหน้าโกรธแค้นหรือไม่พอใจอะไรทั้งนั้น
นางลูบแขนอาหลัวเพื่อปลอบใจเบา ๆ คนตัวเล็กยังคงสั่นสะท้านและสะอึกสะอื้นไม่หยุดอย่างน่าสงสาร หลี่ซูเจินนางรู้สึกผิดในความคิดนางต้องน่ากลัวมากขนาดไหนกันนะถึงทำให้อาหลัวตื่นกลัวจนร่างกายสั่นสะท้านได้ขนาดนั้น
"ข้าเพียงแค่แยกพวกเจ้าไม่ออกทั้งอาหลัวและอาหลีข้าสับสนน่ะ เลยเผลอจ้องมองนานไปหน่อยขอโทษที่ทำให้กลัวนะ" หลี่ซูเจินเอ่ยด้วยความจริงใจ ใบหน้าของนางไม่ได้มีความโกรธหรือไม่พอใจสักนิด
"ขอบคุณเจ้าค่ะฮูหยิน" อาหลัวเอ่ยทั้งน้ำตาด้วยความโล่งใจทันที ในใจลึก ๆ ก็มีความแปลกใจแต่ก็ไม่กล้าถามอะไรออกไปมากนัก
"ขะ...ข้ามีปานตรงแขนเจ้าค่ะฮูหยิน" อาหลียกแขนที่หยาบกร้านให้เจ้านายสาวได้ดูปานสีน้ำตาลขนาดเล็กที่มีตั้งแต่เกิดมาให้หญิงสาวตรงหน้าได้ดูทันที นางก็โล่งใจไม่น้อยที่อาหลัวไม่ได้ถูกทำโทษ
"อืม แยกได้ละอาหลีมีปานที่แขนนั้นเอง" หลี่ซูเจินเอ่ยด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น นางยิ้มกว้างเล็กน้อยให้สองพี่น้อง นางรู้ว่าลึก ๆ ในใจของทั้งสองนั้นต้องประหลาดใจกับท่าทีของนางแต่ก็คงไม่กล้าถามอะไรออกมา
"เจ้าค่ะฮูหยิน"
"เจ้าค่ะฮูหยิน"
"ข้าชื่อหลี่ซูเจิน ยินดีที่ได้รู้จักพวกเจ้านะ อาหลัวอาหลี...ขอบใจที่ดูแลข้ามาทั้งคืนอย่างดี" หลี่ซูเจินเอ่ยกับสาวใช้ทั้งสองด้วยความอ่อนโยน นางเอ่ยน้ำเสียงที่จริงใจไม่ได้มีความเสแสร้งแกล้งทำอะไรทั้งนั้น
"มันเป็นหน้าที่ของบ่าวเจ้าค่ะฮูหยิน" อาหลัวเอ่ยกับเจ้านายสาวด้วยความเคารพ พวกนางมีหน้าที่ดูแลเจ้านายให้ดีเพื่อแลกกับค่าแรงอาหารและที่ซุกหัวนอน
"อ่อ แล้วสามีข้าล่ะ" หลี่ซูเจินเอ่ยถามถึงหยางเฉินหลงพระรองของเรื่องทันที สามีของนางหน้าตาเป็นแบบไหนกันนะ นางอดจะจินตนาการไม่ได้แต่พยายามนึกอย่างไรก็นึกไม่ออก
"เอ่อ นายท่านไปที่ค่ายทหารเจ้าค่ะ อีกสามเดือนถึงกลับมาอีกครา" อาหลัวสาวใช้เอ่ยตอบนางแอบสังเกตสีหน้าของเจ้านายสาวทันทีที่รู้ว่าฮูหยินของพวกนางนั้นไม่ได้ใจร้ายเหมือนดั่งข่าวลือข้างนอกนั่น
"........................" หลี่ซูเจิน
"เมื่อวานนายท่านก็มาเยี่ยมฮูหยินนะเจ้าคะ แต่ฮูหยินบอกไม่อยากพบ นายท่านก็เลยจากไปทันทีเจ้าค่ะ" อาหลีรีบเอ่ยทันทีที่สังเกตเห็นว่านายหญิงเงียบเสียงลงไป นายหญิงอาจจะกำลังเสียใจก็ได้ที่เพิ่งแต่งงานเข้าจวนมาสามีปล่อยให้เฝ้าจวนคนเดียว
นายท่านของพวกนางก็ได้รับภารกิจให้ไปประจำที่ชายแดนทันทีของรุ่งเช้าอีกวันเพราะชนเผ่าซยงหนูนั้นมีการเคลื่อนไหวแปลก ๆ
"อืม ช่างนายท่านอะไรไปเหอะ" หลี่ซูเจินยิ้มกว้างออกมาทันทีด้วยความถูกใจ สามีไม่อยู่นางสิร่าเริง สามเดือนนี้นางจะเปลี่ยนตัวเองให้ดูดีขึ้นกว่านี้ เพราะนางเองก็รับสภาพนี้ของนางไม่ได้เช่นกัน ไม่รู้ว่าสามีเจ้าของร่างนั้นจะรับได้หรือเปล่ากันนะ?