“พี่แอ้ม กางเกงค่ะ”
เสียงเรียกของสร้อย ดึงความสนใจของหญิงสาวกลับเข้ามาภายในห้องพักแห่งนี้อีกครั้ง ส่วนเด็กๆ ที่มะรุมมะตุ้มตามกันเข้ามา เธอบอกให้ออกไปเล่นข้างนอกกันหมดแล้ว
“ขอบใจจ้ะ”
ทันทีที่รับกางเกงมา สร้อยก็อุทานพร้อมยกมือปิดปาก
“อุ้ย พี่พิชญ์ถอดเสื้อ”
อากัปกิริยาสะท้านอายจนแก้มแดงปลั่งของเด็กสาวหลังม่านหน้าต่างนั้นทำให้หวานใจอดแอบชะโงกมองไปอีกหนไม่ได้ ผู้ชายที่อายุมากกว่าสร้อยและถอดเสื้อก็เห็นจะมีคนเดียว คนที่เธอคุ้นๆ นั่นแหละ... อ้อ! สงสัยที่คุ้นเพราะว่าเขาเป็นดารา
“ใครเหรอ สร้อย”
อดไม่ได้ที่จะถาม หวานใจไม่รู้จักดาราใหม่ๆ มากนัก ดาราที่เธอรู้จักหน้าค่าตาถ้าไม่ใช่ว่าดังมานานแสนนาน ก็มีแต่จะรู้จักจากละครที่เธอดูเท่านั้น แล้วปีๆ หนึ่ง หวานใจดูละครแค่ไม่เกินสามเรื่อง จึงไม่เคยจะรู้จักใครได้ทั่วถึงเหมือนสร้อยผู้ตกเป็นทาสละครหลังข่าวแบบจั๋งหนับ
“พี่พิชญ์ ปฏิญญาค่ะ!” สร้อยหันมาด้วยรอยยิ้มจนแก้มแทบฉีก ขณะที่ยกกำปั้นทั้งสองขึ้นระดับอกอย่างลืมตัวและอธิบายด้วยโทนเสียงเกือบจะกรี๊ด “ที่เล่นเรื่องมนตราพันธนาการไงคะ เล่นเป็นตัวโกงชื่อเชษฐ์ ในละครชั๊วชั่ว! แถมยังแสดงได้ชั่วสมบทบาทจนถูกตั้งฉายาว่า ‘พญามารแห่งทศวรรษนี้’ เลยล่ะค่ะ! แต่ตัวจริงน่ารัก นิสัยดี ไม่หยิ่งเลย โอ๊ย หนูปลื้มอะพี่แอ้ม เนี่ย ว่าจะไปขอถ่ายรูป แต่พี่เขาถอดเสื้ออะ หนูเขิน”
สร้อยอธิบายยาวเหยียดก่อนบิดตัวไปมาจนคนฟังได้แต่กะพริบตาปริบๆ พอเด็กสาวหันกลับไปแอบมองข้างม่านหน้าต่างอีกครั้ง หวานใจเลยขยับไปชิดเพื่อชะโงกหน้าไปแอบมองบ้าง
เสียงหัวเราะของเด็กๆ ยังดังอึงอลปนกับเสียงเพลงและดนตรี
ปฏิญญาถอดแว่นตากันน้ำออกและสวมให้เด็กชายคนหนึ่งแทน หวานใจขมวดคิ้ว เขม้นมอง พอเขาถอดแว่นออกก็ยิ่งคุ้น... คุ๊นคุ้น! แต่ความที่ตนเองสายตาสั้นและไม่ชอบสวมแว่น พอชายหนุ่มวิ่งไปไกลจึงเห็นหน้าเขาไม่ชัดเท่าไรนัก
“แอ้ม มานานหรือยังลูก”
เสียงทักของแม่อ้อยเรียกความสนใจจากชายคนนั้นให้หญิงสาวหันกลับมายกมือไหว้ ก่อนก้าวเข้าไปกอดและหอมใบหน้าซึ่งมีริ้วรอยตามกาลเวลาของหญิงวัยใกล้ชราอย่างแสนรักแสนเคารพ
“สักพักแล้วค่ะแม่”
ปฏิญญาสะบัดศีรษะที่เปียกโชกให้หมาดขึ้นนิดหนึ่งขณะก้าวเข้าไปในบ้านพักเพื่อตามตัวแม่อ้อยออกมารับการรดน้ำดำหัวจากลูกหลานซึ่งออกจากบ้านไปมีชีวิตของตัวเองกันแล้วและเดินทางมารวมตัวกันที่ลานกิจกรรมเหมือนทุกปีตาม ‘แผนการ’ ของอัศนี เมื่อครู่เขาชวนเด็กๆ เล่นเพลินไปนิด เกือบจะลืมเสียแล้วว่ามาที่นี่วันนี้เพื่ออะไร...
ดารามากมายที่อัศนีออกปากชวนมาวันนี้ก็เพื่อกดดันให้หวานใจหลบเข้ามาอยู่ในอาคารกับแม่อ้อย เพื่อนเขาบอกว่าต่อให้เอาช้างมาฉุด หวานใจก็คงไม่มีทางยอมให้พาไปทำความรู้จักมักจี่ใครต่อใครง่ายๆ แน่ ปฏิญญาไม่รู้หรอกว่า ‘ยัยแสบ’ นั่นมีปมอะไรอยู่ในใจ เขารู้จากอัศนีแค่ว่าเธอเป็นคนเก็บกด เก็บตัว ไม่สุงสิงกับใคร และไม่ยอมให้อัศนีแนะนำเพื่อนคนไหนให้รู้จักทั้งนั้น
ผู้หญิงพิลึก...
มือหนายกขึ้นเซ็ตผมจนเข้าที่เข้าทาง ก่อนก้าวเข้าไปในบ้าน และพบเพียงแม่อ้อยกับเด็กสาวที่ชื่อสร้อยเท่านั้น
“อุ๊ย พี่พิชญ์”
สร้อยที่กำลังรับพวงมาลัยจากมือแม่อ้อยไปแขวนบนหิ้งพระ ถึงกับสะดุ้งสุดตัว หน้าแดงแจ๋ เมื่อหันมาเห็นเขา ปฏิญญาจึงโปรยยิ้มเชิงธุรกิจแบบสั่งได้ หากเจอแฟนละครต้องแฟรนด์ลี่เข้าไว้ เดี๋ยวดีเอง
“สายฟ้าให้ผมมาตามครับแม่อ้อย สร้อยด้วยนะ”
“ขอบใจจ้ะลูก”
หญิงสูงวัยเอ่ยบอกด้วยสีหน้าท่าทางใจดีและเป็นมิตรแบบที่ปฏิญญาไม่แปลกใจเลยว่าทำไมอัศนีจึงเล่าว่าหวานใจทั้งรักทั้งบูชาท่าน สร้อยรีบถวายมาลัยบนหิ้งพระแล้วกลับมาประคองแม่อ้อยที่แข้งขาไม่ค่อยดีนักให้ลุกจากโซฟา ปฏิญญาจึงก้าวไปช่วยอีกแรง และเดินไปส่งถึงหน้าประตูบ้าน
“ผมขอเข้าห้องน้ำก่อนนะครับ เดี๋ยวตามไป”
บอกจบก็ยืนยิ้มส่งอยู่ครู่หนึ่ง จนแผ่นหลังของสองสาวต่างวัยไกลออกไปลิบๆ จึงส่งสัญญาณมือเรียกเด็กชายมาวินและเพื่อนๆ ให้แอบกรูกันเข้ามาในบ้าน มือหนาแบออกรับขันใส่ดินสอพองผสมน้ำมาถือไว้ ก่อนแอบย่องตามบรรดาเด็กๆ ไปอย่างเข้าขา
เมื่อครู่อัศนีแอบกระซิบบอกมาแล้วว่าหากไม่เจอหวานใจที่ห้องโถงใหญ่ ก็แปลว่าหญิงสาวน่าจะแอบรดน้ำดำหัวแม่อ้อยก่อนใครๆ แล้วเข้าไปนั่งเล่นในห้องนอนส่วนตัวของแม่อ้อยเพื่อรอเวลางานเลิก
เพราะฉะนั้น ทางเดียวที่เขาจะมีโอกาสทำความรู้จักกับเธอโดยไม่ดูเป็นการ ‘จงใจ’ จนเกินไป
ก็ต้องใช้เด็กๆ เป็นตัวช่วยนี่แหละ!
มาวินและพรรคพวกชี้ให้ปฏิญญาเห็นประตูห้องสีขาวที่อยู่สุดทางเดินเป็นสัญญาณว่าคือที่หมาย ชายหนุ่มจึงทำตามแผนการโดยไว โดยการหลับหูหลับตาควักเอาแป้งดินสอพองเปียกๆ มากำมือหนึ่งและป้ายไปทั้งใบหน้า ส่วนที่เหลือราดลงกลางกระหม่อมจนหมดขัน เสร็จก็ส่งขันเงินคืนให้มือน้อยๆ ที่คอยรับ และยกมือขึ้นเป็นสัญญาณว่า...
พร้อม!
หวานใจพับกางเกงขาสั้นที่เพิ่งถอดเปลี่ยนใส่กระเป๋ากันน้ำของตนไว้อย่างอดเสียดายไม่ได้ เพราะปีนี้เธอไม่ได้เล่นน้ำสงกรานต์กับน้องๆ เหมือน ปีก่อนๆ ที่จัดงานกันภายในเงียบๆ ไม่เหมือนปีนี้ที่มีคนแปลกหน้าอยู่มากมายจนเธอกลัวที่จะออกไปข้างนอกแบบนี้
ร่างบางทิ้งตัวลงนั่งบนเตียงนอนก่อนกดรีโมทเปิดทีวีเพื่อหาอะไรดูฆ่าเวลา หากแล้วก็เป็นอันต้องสะดุ้งสุดตัวกับเสียงวิ่งตึงตังจากทางเดินและเสียงโวยวายๆ ที่จำได้ว่าเป็นเสียงของเด็กชายมาวิน
“ทางนี้ค้าบ ทางนี้ค้าบ”
ปั้งๆ
“พี่แอ้ม พี่แอ้มอยู่ในนั้นรึเปล่าค้าบ”
หวานใจลุกพรวดพราดไปยังหน้าประตูห้องทันทีด้วยอารามตกอกตกใจว่าน้องๆ คนไหนได้รับอันตรายอะไรกันหรือเปล่า หากแต่ทันทีที่ประตูห้องถูกดึงเปิดออก โครงร่างสูงใหญ่ของใครคนหนึ่งที่ยืนบังแสงจากภายนอกอยู่หน้าประตูก็ทำเอาเธอเกือบสะดุ้ง
“ห้องน้ำคับ ห้องน้ำๆ”
ความชุลมุนวุ่นวายของเด็กๆ และผู้ชายตัวโตผู้ถูกชโลมด้วยดินสอพองเปียกๆ จนกลบใบหน้าตลอดจนปิดบังดวงตานั้นทำให้หวานใจรีบขยับหลบให้กลุ่มผู้บุกรุกเฮโลกันไปจนถึงห้องน้ำด้านใน ความงุนงงและเหตุการณ์ฉุกละหุกทำให้หญิงสาวได้แต่ยืนอ้าปากค้างอยู่ที่เก่านานนับนาที กว่าจะรู้สติก็เมื่อเด็กชายมาวินวิ่งตื๋อออกมาคว้าหมับเข้าที่แขน