“ฉ...ฉันซื้อข้าวขาหมูมาเธอกินได้มั้ยริเรีย”
“อืม...กินได้” ฉันตอบกลับบราวนี่ไป
“อ่ะอันนี้ยาแก้ปวดกับแก้อักเสบนะ กินข้าวเสร็จก็กินยาด้วย...” ฮันนี่ยื่นถุงยามาให้ฉันที่กำลังดื่มน้ำอยู่หลังจากกินข้าวเสร็จ
“อื้ม ขอบใจ” ฉันรับถุงยามาพร้อมกับเปิดดูในถุง อื้อหือ ยาอะไรไม่รู้เต็มไปหมดเลย ไม่กินได้มั้ยมันเยอะเกิน TT
“นี่เบอร์ ไลน์ แล้วก็เฟสฉัน ถ้าพรุ่งนี้เธอไปโรงเรียนไม่ไหวก็ทักมาบอกนะทางไหนก็ได้ฉันจะลาครูให้”
ฮันนี่หยิบโพสต์อิทขึ้นมาเขียนช่องทางการติดต่อของตัวเองให้ฉัน ฉันรับมาแล้วพยักหน้ารับรู้ ส่วนบราวนี่เธอเก็บกล่องข้าวที่เรากินกันเมื่อกี้ใส่ถุงขยะพร้อมกับเก็บกวาดเช็ดโต๊ะให้ฉันเรียบร้อย
“ริเรีย..เอ่อ...”
“ว่า?”
“…….”
“เอ้า มีอะไรก็ว่ามาสิ”
ฉันพูดขึ้นเมื่อเห็นท่าทางของฮันนี่ที่ดูเก้ๆ กังๆ เหมือนจะพูดอะไรสักอย่างแต่ก็ไม่พูด
“เธอมาเป็นเพื่อนเราเถอะนะ” บราวนี่ที่เดินกลับมานั่งด้วยพูดขึ้นกับฉัน
“แล้วทุกวันนี้ฉันไม่ใช่เพื่อน?”
ฉันถามออกไปเพื่อกลบเกลื่อนแต่ในใจคือเต้นตึกตักมาก ตอนม.4 ที่เข้ามาเรียนช่วงแรกๆ ก็มีเพื่อนในห้องมาชวนฉันเขากลุ่มหรือเข้ามาคุยมาตีสนิทอยู่บ้างแต่ช่วงนั้นฉันไม่มีเวลาสนใจใครเลยนอกจากเรียนแล้วก็ทำงานหาเงินสุดท้ายฉันก็ไม่ได้สนิทกับใครเป็นพิเศษเลยเพราะกว่าที่จะมีรายได้จากเพจเข้ามาตัวฉันก็กลายเป็นคนหยิ่งในสายตาคนอื่นไปแล้ว เลยทำให้มีแค่เพื่อนแบบฉาบฉวยที่ทักกันได้คุยกันได้แต่ไม่ได้สนิทถึงขั้นต้องไปไหนมาไหนหรือเล่าปัญหาอะไรให้ฟังได้ การที่อยู่ๆ มีคนเข้ามาในช่วงเวลาที่ฉันเหนื่อยแบบนี้บอกเลยว่าฉันดีใจและตื่นเต้นมากๆ
“ม...ไม่ใช่แบบนั้นจ้ะ หมายถึงเรามาเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกันเถอะนะ” บราวนี่ยิ้มให้ฉันแล้วเอื้อมมือมากุมมือฉัน
“เธออยากทะเลาะกับฉันทุกวัน?” ฉันหันไปถามฮันนี่ที่นั่งจ้องหน้าฉันอยู่
“.....ฉันก็คิดแบบนั้นเหมือนกันนะว่าเธอน่าจะมาอยู่กลุ่มเรา”ฮันนี่จ้องหน้าฉันแล้วพูดขึ้น
(‘^’ )( ‘^’)(‘^’ )( ‘^’)(‘^’ )//ฉันหันมองหน้าบราวนี่และฮันนี่สลับกันไปมา
“ส...สรุปถือว่าเธอตกลงนะ” บราวนี่พูดขึ้นเมื่อฉันว่าฉันไม่ตอบอะไร
“ก...ก็...ฉันก็ไม่ติดนะ” ฉันพูดขึ้นเสียงเบา ซึ่งตรงข้ามกันกับหัวใจที่เต้นแรงสุดๆ ในที่สุดฉันก็มีเพื่อนที่สามารถสนิทกันได้สักทีสินะ!!
“ยินดีต้อนรับน๊าาาาา” >
“โอ๊ย!! เบาๆ เจ็บ....”
“แหะๆ ขอโทษจ้ะฉันดีใจมากไปหน่อย”
บราวนี่พุ่งมากอดฉันแรงมากและฉันก็เจ็บมาก ตัวยิ่งระบมๆ อยู่ยัยบ้านี่ TT หลังจากที่บราวนี่คลายอ้อมกอดออกก็ส่งยิ้มหวานมาให้ฉันทันที ส่วนฮันนี่ก็นั่งยิ้มมองฉันกับบราวนี่ ฉันหันไปยิ้มให้เธอตอบ วันนี้เป็นวันที่แย่แล้วก็วันที่ดีวันนึงสำหรับฉันเลยล่ะ ^^
หลังจากที่บังคับฉันกินยาเสร็จยัยสองคนนั้นก็ขอตัวกลับบ้านเพราะมันเริ่มมืดแล้ว ฉันเลยออกมายืนดูยัยพวกนั้นอยู่ตรงระเบียงเพื่อดูว่าจะกลับกันยังไงแต่ก็เจอกับเลโอและนิวเยียร์ที่กำลังยืนคุยกับทั้งคู่อยู่ข้างล่าง มาด้วยกันหรอ? หรือแค่บังเอิญเจอ? แล้วพวกนั้นสนิทกัน? คำถามมากมายผุดขึ้นในหัวฉันในขณะที่กำลังมองพวกนั้นที่ดูเหมือนจะยืนคุยกันอยู่ข้างล่างหอฉัน เท่าที่ฉันรู้เลโลกับบราวนี่รู้จักกันเป็นเพื่อนกันอันนี้อ่ะไม่แปลก ส่วนนิวเยียร์มาทำไม? -.-? ช่างเถอะๆ คิดไปก็ปวดหัวเปล่าๆ ไปอาบน้ำนอนดีกว่า
♪~~~
หลังจากที่ฉันลากสังขารเดี้ยงๆ ของตัวเองไปอาบน้ำเสร็จก้ล้มตัวลงเตรียมจะนอนแต่เสียงมือถือฉันดังขึ้นอีกรอบหน้าจอปรากฎชื่อของคนที่ฉันไม่อยากคุยด้วยเลย เห้ออออ อะไรอีกเนี่ย วันนี้มันวันอะไรกันวะเนี่ยยยยย
“ค่ะพ่อ ถ้าจะโทรมาขอเงินหนูไม่มีให้นะคะหนูบอกไปแล้วหวังว่าจะเข้าใจหนู” ฉันเริ่มบทสนทนาด้วยการร่ายยาวเพื่อดักทางพ่อของฉัน
“ไม่ใช่ลูก พ่อจะโทรมาบอกว่าต่อไปนี้พ่อจะเลิกเล่นพนันแล้วนะ พ่อกับน้าคุยกันแล้วว่าจะตั้งใจเลิกจะช่วยกันตั้งใจทำงานหาเงินแล้วจะได้ไม่เป็นภาระลูกน่ะ” เสียงของพ่อตอบกลับมา
“จริงอ่ะ พ่อจะไม่โกหกหนูแบบครั้งก่อนๆ ที่ผ่านมาแน่นะ” ฉันถามออกไปเพราะไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน
“ครั้งนี้จริงๆ ลูก เมื่อตอนเย็นหลังจากที่ลูกวางสายไปก็มีคนมาจ้างพ่อกับน้าเขาไปทำงานน่ะ พ่อกับน้าเลยตกลงว่าจะไปทำงานกับเขา เห็นว่าเป็นงานปางไม้ที่ป่าทางภาคเหนือน่ะลูก”
“ภาคเหนือ? งานที่ไหนคะ ความจริงพ่อกับน้าก็ช่วยกันดูแลสวนมังคุดที่หนูเคยไถ่คืนมาให้เมื่อปีที่แล้วก็ได้นี่คะ เดี๋ยวหนูลงทุนซื้อต้นกล้าให้ใหม่ก็ได้ ถ้าพ่อกับน้าไปพ่อจะปล่อยมันทิ้งร้างไว้แบบนั้นเลยหรอคะ”
“เอ่อ....สวนนั่นพ่อเอาไปจำนองแล้วลูก..ข...เขามายึดไปแล้วเมื่อต้นปีนี้เอง” พ่อบอกกับฉันด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก
“พ่อ.......” ฉันอึ้งจนพูดอะไรไม่ออกเลยไม่คิดเลยว่าพ่อจะเอาสวนนั้นไปจำนองอีกรอบทั้งที่ฉันอุตส่าห์เก็บเงินแทบตายกว่าจะไปไถ่คืนมาได้
“พ...พ่อขอโทษนะลูกพ่อเองก็อยากรีบไปไถ่คืนมาแต่เดือนที่แล้วที่พ่อไปถามกับนายหน้าที่พ่อเอาไปจำนองไว้เขาบอกว่ามีคนมาซื้อไปแล้ว...”
“.......” ฉันได้แต่เงียบไม่พูดอะไรกับสิ่งที่ได้ยินมา ที่ดินของแม่ที่ฉันพยายามไถ่คืนมาตอนนี้ไม่มีโอกาสแล้วที่จะได้กลับคืนมาอีก....
“ริเรียลูก...”
“ช่างมันเถอะค่ะพ่อ ขายไปแล้วก็ช่างมัน หนูขอแค่พ่อกับน้าเลิกการพนันได้เด็ดขาดก็พอ” ฉันพูดตัดบทไป
“อื้มมม พ่อให้สัญญาเลยลูก พ่อจะพยายามเลิกเล่นเด็ดขาดแล้วตั้งใจทำงานเก็บเงินไว้ให้ลูกนะ”
“ไม่ต้องเก็บไว้ให้หนูก็ได้ค่ะ พ่อกับน้าหาเงินมาก็ใช้เพื่อตัวเองมีกินมีใช้ไม่ขัดสนก็พอแล้วทางหนูก็ไม่ได้ลำบากอะไรหรอกค่ะ”
“งั้นลูกนอนเถอะพ่อไม่รบกวนลูกแล้ว พ่อรักลูกนะริเรีย”
“หนูก็รักพ่อนะคะ ไปทำงานก็ดูแลกันดีๆ นะคะ”
หลังจากนั้นพ่อก็วางสายไป พูดตามตรงคือฉันเสียใจและเสียดายที่ดินผืนนั้นมากเพราะมันเป็นที่ดินเพียงแปลงเดียวที่เป็นของแม่ ฉันตั้งใจไว้ว่าเรียนจบมาฉันจะกลับไปทำสวนมังคุดต่อ แต่ตอนนี้มันก็คงเป็นได้แค่ฝันไปซะแล้ว เห้อ.....
เช้าวันต่อมาแน่นอนว่าร่างกายฉันระบมจนลุกไปไหนไม่ไหวก็ได้บราวนี่ ฮันนี่แล้วก็คริสตัลแวะเวียนกันมาเยี่ยมฉันในช่วงวันหยุดเสาร์อาทิตย์พอเช้าวันจันทร์ตัวฉันก็ยังระบมอยู่ยังไปเรียนไม่ไหวฉันเลยไลน์ไปแจ้งลากับครูที่ปรึกษาแล้วก็ไลน์ไปบอกบราวนี่ว่าวันนี้ฉันลายัยนั่นบอกว่าเลิกเรียนจะมาหาฉันแล้วก็ซื้อข้าวเข้ามาให้แต่ก็หายเงียบไปเลย สงสัยคงลืมมั้งยัยนั่นยิ่งดูเหมือนคนความจำสั้นอยู่ -.- ฉันไม่ได้อะไรหรอกที่ยัยนั่นจะลืม แต่....ตอนนี้ฉันหิวข้าวววววว! ฮืออออลุกก็แทบจะไม่ไหวจะลากสังขารลงไปซื้อยังไงก๊อนนน TT
ก๊อกๆๆๆๆ ในขณะที่ฉันกำลังคร่ำครวญกับกระเพาะที่กำลังร้องขอข้าวอยู่นั้นก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น หรือว่าพวกบราวนี่จะเพิ่งนึกได้?
โถ่เอ๊ยยัยบ้ากระเพาะน้อยๆ ของฉันเกือบหิวตายแล้วนะ! ฉันลากสังขารตัวเองลุกไปเปิดประตูหน้าห้องให้
“นี่เธอเพิ่งนึกได้หร......น...นายมาที่นี่ได้ไงอ่ะ” 0.0
“..........” //ยืนมองพร้อมชูถุงข้าว
ฉันเปิดประตูออกไปแล้วบ่นโดยที่ไม่ได้มองหน้าผู้มาเยือน แต่พอเห็นหน้าแล้วทำให้ฉันตกใจมากทำไมคนที่มาเคาะห้องฉันเป็นสิงโตไปได้? ตานี่รู้จักห้องฉันได้ไง?