ตอนที่ 16 : สองคู่

2508 Words
เพ็ญถอนใจ เมื่อเห็นสี่สาวซึ่งกำลังเดินตรงเข้ามาที่ร้าน สามสาวพนมมือไหว้ทักทาย ไอรดากับธารใจสอบถามเรื่องขนมและช่วยอุดหนุนเพื่อจะได้นำไปฝากลุงคำและคนงาน ซึ่งมาช่วยเรื่องขุดดินทำบ่อปลา เพื่อชนาจะได้เตรียมปรุงดินเอาไว้สร้างบ้านดินใกล้ๆ กับบ้านเรือนไทย “ที่ขอไว้ ไม่ได้หรอกหรือ” มารดากระซิบกระซาบกับลูกสาว “พี่น้ำกับพี่เอ๋ย ไปขออนุญาตป้าพริ้งให้แล้วค่ะ” แพรพรรณพูดเสียงอ่อยๆ และแอบมองสบตากับชนาเล็กน้อย ก่อนชนาจะขอตัวเดินเลี่ยงไปเลือกซื้อของอย่างอื่น โดยเฉพาะกับข้าวกับปลาเอาไว้ต้อนรับสองสาวที่มาพักอยู่ด้วย “ขอดีๆ ไม่รู้เรื่อง จะให้ถึงห้ามปรามกันเลยหรืออย่างไร” ไอรดากับธารใจหันมามองสบตากัน เมื่อได้ยินมารดาพูดคล้ายดุลูกสาว ซึ่งถ้าเดาไม่ผิดคงเกี่ยวข้องกับชนาด้วยแน่ “หนูสองคนเป็นแฟนกันค่ะ น้าเพ็ญ” ไอรดาพูดโพล่งออกมา ธารใจรีบหันไปมองสบตาด้วย เพราะปกติไอรดาไม่ค่อยพูดประกาศหรือบอกกับใครนัก หากไม่ได้สนิทสนมกันจริงๆ “นั่นก็เรื่องของหนูสองคน น้าไม่ได้เกี่ยวอะไรด้วย” น้าเพ็ญบอกกับไอรดาที่ไม่ได้มีทีท่าว่าจะหยุดพูด “เอ๋ยมีความสุขดีนะคะ แม่ของน้ำเองเอ็นดูเอ๋ยเหมือนลูกสาวคนหนึ่ง อาจจะดูแปลกสำหรับผู้ใหญ่ที่ห่วงใยลูกหลาน พวกเราเลือกไม่ได้จริงๆ นะคะ เพราะเอ๋ยเองไม่เคยชอบผู้หญิงคนไหนมาก่อน แต่เอ๋ยชอบน้ำค่ะ” “บางทีอาจจะไม่สุขใจเหมือนหนูทั้งสองก็ได้ อีกอย่างน้าพอจะรู้จักลูกสาวน้าอยู่พอสมควร เปราะบางเกินกว่าที่จะมาเสียใจกับเรื่องแบบนี้ หนูสองคนอาจมีภูมิคุ้มกันที่ดี แต่น้าเลี้ยงลูกแบบที่ไม่เหมือนกับคนอื่น เพราะอะไรที่จะมากระทบจิตใจและทำให้ลูกสาวเสียใจ น้าเลือกตัดไฟเสียตั้งแต่ต้นลม เจ็บตอนยังไม่ได้เริ่ม เจ็บไม่มากนักหรอก แต่หากปล่อยให้ผูกพันกันมากกว่าที่ควร เวลาเจ็บลูกสาวน้าจะเปราะบางมากกว่าคนอื่น ถึงเวลานั้นจะมีคนเจ็บปวดมากกว่ายายแพรอีกหลายคนทีเดียว น้าเองเคยทำให้พี่สาวเสียใจมาแล้ว น้าถึงไม่อยากให้ประวัติศาสตร์กลับมาซ้ำรอยอีก” ไอรดากับธารใจได้ยินการพูดถึงเรื่องราวชีวิตของหญิงสาวสูงวัยซึ่งคาดเดาว่า ลูกสาวเองคงไม่เคยทราบมาก่อนเช่นกัน เพราะแพรพรรณดึงมารดามากอดปลอบโยน หลังจากได้ยินสิ่งที่ท่านได้พูดออกมา ไอรดายิ้มจางๆ มองสบตากับธารใจ บางทีวัยที่แตกต่างอาจทำให้คนเรามองเห็นในมุมที่ต่างกัน ไอรดาได้ยินเรื่องราวของแพรพรรณมาบ้าง แต่หากจะกักตัวเอาไว้ไม่ให้ได้รู้จักความรักในแบบคนรัก แต่เมื่อถึงคราวเกิดดื้อดึงขึ้นมาท่าจะลำบากอยู่เหมือนกัน “หนูสองคนไม่ได้ป่าวประกาศสถานะกับใครนักหรอกค่ะ แต่น้ำคิดว่า น้าเพ็ญคงพอจะทราบและได้เห็นอะไรมาบ้าง ถึงบอกกับพวกเราไม่ว่าจะหญิงหรือชาย น้ำเชื่อนะคะว่า ถ้ารู้จักดูแลเอาใจใส่กัน สักวันความรักจะเป็นความรักที่ดี เหมือนความรักของลุงคำ น้ำทราบนะคะว่า น้าเพ็ญยังไม่เคยรู้จักมักจี่อะไรพวกเรานัก แต่น้ำกับเอ๋ยคิดว่า แพรเป็นน้องหรือเป็นญาติคนหนึ่งเลยค่ะ และเคารพน้าเพ็ญกับป้าๆ ของแพรดุจผู้ใหญ่ที่เราสองคนเคารพนับถือเช่นกัน” ธารใจพูดเผื่อว่า จะสร้างความสบายใจให้ผู้ใหญ่ได้บ้าง การได้ยินมารดาออกตัวปกป้องลูกสาวทำให้มั่นใจว่า ท่านคงรู้สึกและสัมผัสได้กับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นระหว่างลูกสาวกับชนา “น้าดีใจและขอบคุณที่เคารพนับถือ หากหนูสองคนจะรักและเอ็นดูยายแพรเป็นน้องสาว เธอสองคนควรจะยืนอยู่ข้างน้านะ” ไอรดาแอบถอนใจ กับสิ่งที่ได้ยินคนเป็นผู้ใหญ่ซึ่งเป็นสิ่งที่ถูกต้องเช่นกัน “น้ำกับเอ๋ย อยู่ตรงกลางเลยนะคะ น้าเพ็ญ เราสองคนสัญญาจะดูแลด้วยความยุติธรรม ถ้าไม่ว่าอะไรล่ะก็ อยากให้น้าเพ็ญให้โอกาสชนาได้ดูแลแพรบ้าง อาจจะในฐานะเพื่อนสนิทคนหนึ่ง ชนาไม่ได้แย่งตัวแพรไปหรอกคะ เพราะเจ้าตัวแสดงออกชัดเจนแล้วว่า เลือกที่จะใช้ชีวิตที่นี่แถมยังรับปากกับลุงคำจะดูแลน้าเพ็ญและป้าๆ ด้วย แม่ของน้ำเคยบอกฝากน้ำไว้กับเอ๋ย เพราะท่านคิดว่า วันหนึ่งไม่มีท่าน วันนั้นน้ำจะยังมีเอ๋ยเคียงข้าง แพรเองวันหนึ่งข้างหน้าก็น่าจะมีใครบางคนในชีวิต ไม่ว่าจะหญิงหรือชาย ถ้าหากน้าเพ็ญไม่โอเคกับความเป็นชนา ก็ค่อยจัดการขั้นเด็ดขาด เมื่อถึงตอนนั้นเอ๋ยกับน้ำจะไปยืนเคียงข้างน้าเพ็ญแน่นอนค่ะ ถ้ารักใคร เราจะเลือกสิ่งดีๆ และเรื่องราวดีๆ เข้ามาในชีวิตคนนั้นเสมอ น้ำเข้าใจน้าเพ็ญนะคะ และน้ำเชื่อว่า น้าเพ็ญเข้าใจในตัวลูกสาวคนสวยด้วย แพรไม่เคยดื้อเลยไม่ ใช่หรือคะ” ธารใจยิ้มให้แพรพรรณที่ยิ้มจางๆ มองสบตากับมารดาที่แววตา ดูอ่อนโยนลงไปบ้าง แพรพรรณรู้สึกขอบคุณและทึ่งในการพูดจาหว่านล้อมของทั้งไอรดาและธารใจ ตอนนี้ห่วงความรู้สึกของชนามากกว่า เพราะคงพอ จะเดาอากัปกิริยาของมารดาออกที่ได้แสดงความเชยเมยและเย็นชาให้เห็นและรู้สึกอยู่บ้าง รวมถึงแพรพรรณเองยังถูกขอร้องเอาไว้ เรื่องความสนิทสนมที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วกับชนา “แม่รู้ใช่ไหม ถ้าแม่บอกว่าไม่ แพรก็จะไม่ขัดใจแม่” แพรพรรณกอดกระชับท่านให้แน่นขึ้นอีกเล็กน้อย “เวลาเสียใจ อย่ามาให้ปลอบหรือมาร้องไห้ให้เห็นเชียวนะ” มารดาพูดคล้ายดุลูกสาว “แอบร้องก็ได้” แพรพรรณพูดเสียงอ่อยๆ “ถ้าชนาทำอะไรไม่ดี หนูสองคนจะจัดการให้เองค่ะ” ธารใจยิ้มให้ กับแพรพรรณที่คงสบายใจขึ้นบ้าง “น้าไม่รับปาก และไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองรู้สึกอย่างไร แต่เลือกที่จะไม่ส่งเสริมและไม่ต่อต้าน เพราะรู้ดีว่า ด่านที่หนักหนาสาหัสมีอีกมาก มาย วันไหนที่ได้เห็นน้ำตายายแพร ไม่ใช่แค่น้าเท่านั้น แม้แต่พี่คำเองคงเล่นงานหนักหนาสาหัสเช่นกัน” ไอรดายิ้มเจื่อนๆ การพูดจาเรียบนิ่งแต่แฝงการขู่เอาไว้ทำเอาทั้งสองสาวที่เกลี้ยกล่อมถึงกับใจหายใจคว่ำอยู่เหมือนกัน เพราะคิดว่าคนที่ดูใจดี ใจเย็น แต่เมื่อถึงเวลามีเรื่องมีราวและต้องจัดการอะไร มักเด็ดขาดจนไม่สามารถคาดเดาอะไรได้ อดไม่ได้ที่จะเป็นห่วงชนา เพราะต่อแต่นี้ป้อมปราการเหมือนได้ถูกสร้างอย่างแข็งแกร่ง เพื่อเป็นเกราะคุ้มกันความเศร้าเสียใจให้กับคนที่เป็นไข่ในหินของบ้าน “อย่าประเจิดประเจ้อนักล่ะ เราน่ะ” ไอรดาบอกกับแพรพรรณ “แค่เพื่อน สนิทมากนิดนึงนะ แม่นะ” แพรพรรณพูดหยอกเอินแต่มารดายังคงมีใบหน้าเรียบนิ่ง “กลับบ้านไปได้แล้วไป” มารดาพูดดุลูกสาว “ขอยืมตัวสักพักได้ไหมคะ เพราะทราบว่า ช่วงนี้พักงานอยู่ เอ๋ยกับน้ำขอยืมแพรเป็นคนพาเที่ยว น้าเพ็ญจะดุเราสองคนไหมคะ” ไอรดาพูดด้วยน้ำเสียงอ้อนๆ ลูกอ้อนของไอรดาใช้ได้บ่อยๆ กับมารดาของธารใจและเชื่อว่าน่าจะใช้ได้กับมารดาของแพรพรรณด้วยเช่นกัน “น้ำหวานค่ะ น้าเพ็ญ” ชนาเดินมาหยุดยืนใกล้ๆ พร้อมกับแก้วซึ่งมีน้ำหวานสีแดงใส่น้ำแข็งเสียเย็นเฉียบ เพราะเริ่มมีไอน้ำเกาะที่บริเวณข้างแก้วให้เห็น แพรพรรณยิ้มมองสบตากับชนาและลุ้นว่า มารดาจะรับน้ำใจของชนาหรือไม่ น้าเพ็ญยืนนิ่งอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะรับแก้วน้ำเย็นๆ นั้นมาถือ เอาไว้ ทำเอาทุกคนหายใจทั่วท้อง ถึงแม้จะไม่ได้เปิดทาง แต่ไม่ได้ถึงกับปิดเสียทีเดียว หลังจากนี้คงจะต้องให้เวลาและความจริงใจที่สองสาวมีให้กันเป็นเครื่องพิสูจน์และยืนยันความสัมพันธ์ ซึ่งทั้งไอรดากับธารใจเอง ก็ยังไม่แน่ใจเหมือนกันว่า จะเป็นอย่างไร แต่หากเริ่มก่อตัวขึ้นแล้ว คนเป็นพี่เป็นเพื่อนมีหน้าที่ให้คำแนะนำและดูแลให้น้องทั้งสองได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข “ถ้าไม่สบายใจ หรืออึดอัด เรากลับไปอยู่บ้านแม่ก่อนก็ได้นะ ส่วนเรื่องทำบ้านดินค่อยว่ากันอีกที” ชนาบอกขณะที่เดินเล่นกับแพรพรรณ ส่วนอีกสองสาวขอไปปั่นจักรยานดูเส้นทางและพื้นที่บริเวณใกล้เคียง “โกรธหรือเปล่าที่แพรหายไป” แพรพรรณถามหันมามองสบตากับชนาที่นั่งลงข้างๆ กันใต้ต้นไม้ใหญ่ “นิดหน่อย โดนน้าเพ็ญดุหรือเปล่า” “ไม่ได้ดุ แค่ปรามๆ ห้ามๆ อยากให้ความรู้สึกที่เริ่มขึ้น หยุดเสียแต่เนิ่นๆ แม่กลัวแพรเสียใจ” แพรพรรณบอกเล่าเรื่องราวที่ได้พูดคุยกับมารดาและเรื่องที่ไอรดากับธารใจช่วยพูดหว่านล้อม “แพรชักเริ่มลังเลด้วยหรือเปล่า” ชนาถาม “ไหงถามออกมาอย่างนั้นล่ะ” “เห็นเงียบไป นึกว่าแค่มาจูบๆ กอดๆ แล้วทิ้งถังขยะเลยไง” “ขี้งอนเหมือนกันนะ เนี่ย ก็ว่าจะโทรฯ หา แต่ลองดูว่า หากหายไปหลายๆ ชั่วโมงจะรู้สึกอย่างไร” แพรพรรณยิ้มๆ มองผืนนาสีเขียวตรงหน้า “แล้วรู้สึกอย่างไร” ชนาถาม “คิดถึง” แพรพรรณพูดเสียงอ่อยๆ “ถ้าพี่น้ำกับพี่เอ๋ย ไม่ไปชวนออกมา แพรคิดจะโทรฯ หาเราบ้างไหม” ชนาพูดด้วยน้ำเสียงออกอาการน้อยใจ “พอดีป้าพริ้งใช้ทำบัญชี มีงานของแพรเองด้วย ว่าจะโทรฯ หา น้อยใจล่ะสิ” แพรพรรณหันมายิ้มทะเล้นแล้วแลบลิ้นใส่ “นึกว่าโดนเท แต่หัววันล่ะสิ” ชนาบอก “ท้อไหม” แพรพรรณหันมาถาม “เรื่องน้าเพ็ญน่ะหรือ” “อือ” “ลุ้นจนหัวใจจะวาย ว่าจะยอมรับน้ำแดงที่เราซื้อไปให้หรือเปล่า ถ้าไม่รับนี่งานเข้าเลยนะ” ชนาแอบถอนใจเล็กน้อย “นึกว่ามีแต่ในละครเนอะ เรื่องหวงลูกหลาน แม่มาซะชัดเชียว” “รักมาก ก็หวงมาก ว่าแต่ว่า น้าเพ็ญมีเรื่องอะไรมาก่อนหน้านี้” “น่าจะเรื่องพ่อ แต่แพรไม่รู้อะไรมากนักหรอก” “ชาดำเย็นจะทำตัวดีๆ ให้ผู้ใหญ่เอ็นดูมากขึ้นก็แล้วกันนะ คนที่เขามีใจให้จะได้สบายใจ” ชนาพูดยิ้มๆ “ใครกันย๊ะ ที่มีใจให้น่ะ” “คนสวยๆ กวนๆ แซ่บๆ แก่นๆ ทะเล้นๆ นั่นแหละ” ชนาหัวเราะ “นี่ๆ ว่าเค้านะ” แพรพรรณดึงหูของชนาที่แกล้งร้องเอะอะโวยวายเสียลั่น จนแพรพรรณต้องเอามือปิดปากไว้ “โหย แถมโหดด้วยน่าจะดี” ชนายิ้มมองสบตากับแพรพรรณที่ยิ้มให้ก่อนจะเดินหนีไปขึ้นจักรยาน และปั่นออกไปตามทางที่มอง เห็นสองสาวรุ่นพี่นำหน้าไปก่อน “น่ารักขนาดนี้ จะท้อได้ไงล่ะ” ชนายิ้มและรีบปั่นจักรยานตามไป การปรุงดินและเดินย่ำเป็นการเตรียมดินสำหรับก่อสร้างบ้าน ลุงคำหาผู้รู้มาเป็นที่ปรึกษาให้ในช่วงเริ่มต้น เสียงหัวเราะของกลุ่มสาวๆ ที่ลงไปคลุกดินคลุกโคลนได้ยินไปถึงผู้ใหญ่ในบ้านเรือนไทย ซึ่งออกมายืนชะเง้อชะแง้มองดูอยู่บริเวณหน้าบ้าน “ถ้าเป็นหลานชาย มีหวังพี่พริ้งคงไม่ยอมนะ ว่าไหม ยายพร” พลับหันไปถามน้องสาว ซึ่งยิ้มๆ และพยักหน้าเห็นด้วย “หลานสาว ก็ไม่น่าอนุญาต” เสียงของน้องสาวคนเล็กที่บ่นพึมพำทำเอาพี่สาวทั้งสามคนหันไปมองพร้อมกัน “ยังไง มีอะไรหรือ ยายเพ็ญ” พลับถามน้องสาว “ให้ปลูกอยู่ใกล้ไปน่ะสิ พี่พลับ” เพ็ญบอก “ยายแพรได้มีเพื่อนบ้าง พอจะไว้ใจได้สักหน่อยกระมัง เพราะถ้ามีอะไร พี่คำคงช่วยจัดการให้ได้ ว่าไหม พี่พริ้ง” พลับหันไปยิ้มๆ มองสบตากับพริ้ง “เรื่องสองคู่รักนั่น ทำให้รู้สึกแปลกๆ นะ เมื่อเห็นยายแพรกับชนาสนิทกันน่ะ ยายเพ็ญเป็นแม่คิดว่าอย่างไร” พริ้งถาม เพราะเห็นความสนิทสนมกันระหว่างแพรพรรณกับชนา ซึ่งปกติหลานสาวไม่ค่อยให้ความสนิทสนมกับเพื่อนคนไหนมากนัก “ถึงไม่อยากให้ปลูกบ้านใกล้ๆ ไงล่ะคะ” เพ็ญบอกก่อนจะเดินกลับเข้าบ้านไป “พี่พริ้ง รู้จักเด็กสองคนเจ้าของโรงแรมไม่ใช่หรือ นิสัยใจคอเป็นอย่างไรบ้างล่ะ” พรถามพี่สาว “ดีนะ ไม่ถือเนื้อ ถือตัว มีสัมมาคาราวะกับผู้หลักผู้ใหญ่ พูดจาเคารพนบน้อบ ไม่ถือเนื้อถือตัวว่าตัวเอง รวยล้นฟ้า” พริ้งบอกกับน้องสาวทั้งสองที่ยังคงยืนมองกลุ่มสาวๆ ช่วยกันเดินย่ำดินกันอย่างสนุกสนาน “เจ้าของโรงแรม มาเล่นดินเล่นโคลนเป็นเด็กเลยนะ” พลับยิ้มและยิ้มกว้างมากขึ้น เมื่อเห็นหลานสาวโบกมือไหวๆ ให้อยู่ “เคยเป็นข่าวครึกโครมเรื่องหนุ่มคู่หมั้นคู่หมาย แม่เลยยกให้สาวไปเสียเลย หมดเรื่องหมดราว” พรพูดขึ้น ทำเอาพลับกับพริ้งหันมามองเป็นตาเดียว “จริงหรือ” พลับถาม “ลงหนังสือพิมพ์ครึกโครมเลยค่ะ แต่ผ่านมาหลายปีแล้ว เด็กสองคนนั้นก็ยังคบหากันดีอยู่ น่าเอ็นดูอยู่เหมือนกันนะ สองคู่นั้นน่ะ” พรน้อง สาวคนที่สามของบ้านเรือนไทยบอกกับพี่สาวของตัวเอง “เป็นบ้านนี้ ป้าพริ้งจะว่าอย่างไรนะ” พลับพูดขึ้นลอยๆ “ไม่มี จะมีความสุขมากกว่าหรือเปล่า” พลับกับพรหันมายิ้มให้กัน “พี่พลับก็พูดไป ถ้าชนาจีบยายแพรขึ้นมา มีหวังพี่พริ้งโกรธพี่คำไม่ยอมญาติดีด้วยแน่” พรหัวเราะก่อนจะเดินเข้าบ้านไปอีกคน “น่าสงสัยอยู่เหมือนกัน ท่าทางยายแพรของเราดูมีความสุขมากอยู่เหมือนกันนะ พี่พริ้ง” “ฉันเล่นงานตาย ทั้งลุง ทั้งหลานแน่” พลับยืนอมยิ้ม มองดูคำรณที่หันมายิ้มกว้างทันที เมื่อเห็นพริ้งยืนอยู่หน้าบ้านและไม่รู้เลยว่ากำลังโดนหมายหัวเอาไว้
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD