แพรพรรณหายเงียบไปตั้งแต่เมื่อวาน จนกระทั่งเช้ายังไม่เห็นวี่แววทั้งๆ ที่ปกติจะมาเดินเล่นตอนหัวค่ำที่ระเบียง หลังจากรับประทานอาหารค่ำเรียบร้อยแล้ว ชนาเดินมาหยุดยืนอยู่หน้าบ้าน
“เดี๋ยวเจ้าของบ้านยิงเอานะ ชนา” เสียงของโอบบุญทำให้เอาคนได้ยินแปลกใจและรีบหันมาทันที ชนามองดูชายหนุ่มซึ่งแต่งตัวชุดข้าราชการตำรวจเต็มยศมาเลยทีเดียว
“หนูฝันอยู่หรือเปล่าเนี่ย” ชนารำพึง แต่ร้องโวยวายเมื่อโอบบุญเขกศีรษะเข้าให้
“ไง คิดว่าฝันอยู่หรือเปล่า”
“หัวปูดเลยมั้งเนี่ย” ชนาบ่นงึมงำ
“มายืนทำอะไรหน้าบ้านคนอื่น” โอบบุญถาม ขณะสำรวจการแต่งกายของตัวเองให้ดูเรียบร้อย ชนาแอบสังเกตเห็น
“พี่โอบนั่นแหละ มาทำอะไร ลุงคำอยู่โน่นไง” ชนาชี้มือไปทางทุ่งนาซึ่งเห็นลุงคำอยู่กับสองสาวที่เป็นแขก
“มารายงานตัว” โอบบุญยิ้มน้อยยิ้มใหญ่
“ที่นี่อะนะ” ชนาถาม
“แน่สิ เลยมารายงานตัว” โอบบุญอมยิ้ม ขณะชะเง้อชะแง้มองเข้าไปภายในเห็นมีหญิงสูงวัยเดินออกมา
“สวัสดีค่ะ น้าเพ็ญ” ชนาพนมมือไหว้ โอบบุญปฏิบัติตามเช่นกัน
“ผมโอบบุญครับ กำลังจะย้ายมาประจำที่นี่เลยจะขออนุญาติมากราบป้ากำนันครับ เผื่อมีอะไรแนะนำในฐานะเป็นคนพื้นที่ครับผม” โอบบุญแนะนำตัวทำเอาชนาอดที่จะแปลกใจไม่ได้ เมื่อนายตำรวจจะมากราบและแนะนำตัวกับกำนัน
“รู้จักกันหรือ” น้าเพ็ญถาม
“เป็นญาติกันค่ะ พี่โอบเป็นลูกพี่ลูกน้องกับหนูค่ะ”
“มาหากำนันก็เชิญค่ะ คุณตำรวจ ส่วนเราน่ะ ไปดูแลแขกของตัวเองได้แล้ว ไม่ต้องเข้ามา” ชนายิ้มจางลง เมื่อได้ยินน้าเพ็ญพูดตัดบทและหันไปพูดคุยกับโอบบุญที่ยิ้มๆ รีบเดินตามน้าเพ็ญเข้าบ้านไป
ชนาเหม่อมองไปทางบ้านของแพรพรรณอยู่บ่อยครั้ง ไม่มีแม้แต่เงาของสาวเจ้าให้เห็นแม้แต่น้อย ธารใจกับไอรดาส่ายหน้ากับท่าทางเหนื่อยหน่ายถึงแม้ยังไม่รู้ว่าเรื่องอะไร แต่ดูจากอาการเหม่อมองไปทางบ้านเรือนไทยอยู่บ่อยๆ พอเดาได้ว่า คงเป็นเพราะสาวน้อยเจ้าของบ้าน
“ไม่เห็นหน้าเจ้าทำให้กินข้าวไม่ลงล่ะสิท่า” ธารใจพูดแหย่
“หายเงียบไปตั้งแต่เมื่อวาน ไร้เงาเลยค่ะ” ชนาบอก
“โทรศัพท์มีไว้ทำอะไรกันจ้ะ นักเรียนนอก” ไอรดาหัวเราะ เมื่อเห็นชนารีบผลุนผันกลับเข้าไปในบ้าน
“จะรอดไหมล่ะ ชนาเอ๊ย” ธารใจยิ้มๆ มองดูชนา ซึ่งรีบวางโทรศัพท์ในทันที เมื่อเห็นป้าพรมายืนอยู่หน้าบ้าน
“อยู่บ้านหรือ ป้ามีเรื่องจะคุยด้วยนิดหน่อย ว่างอยู่ไหมล่ะ เราน่ะ” ป้าพรถามชนา ซึ่งพนมมือไหว้และยิ้มน้อยๆ ให้
“ได้ค่ะ เชิญในบ้านก่อนค่ะ ป้าพร” ลุงคำโบกไม้โบกมือทักทายให้กับแขกที่มาที่บ้าน ซึ่งเห็นชนากำลังดูแลรับรองอยู่ ส่วนไอรดากับธารใจหันมามองสบตากัน เพราะเห็นป้าพรตั้งแต่เดินออกมาจากบ้านเรือนไทย
“ป้าจะมาชวนไปสอนภาษาอังกฤษให้เด็กๆ สักหน่อย พอมีเวลาว่างบ้างไหมล่ะ” ป้าพรถาม ชนายิ้มกว้างมากขึ้นทันที ทั้งๆ ที่ก่อนหน้ายังวิตกกังวลเรื่องการเงียบหายของแพรพรรณอยู่
“ยินดีมากค่ะ หนูว่าจะไปปรึกษาเรื่องสอนหนังสืออยู่เหมือนกันค่ะ ถ้าได้ไปฝึกกับเด็กๆ ก่อนสอนจริงในมหาวิทยาลัยคงดี” สิ่งที่ชนาบอกทำให้ป้าพรยิ้มกว้างเช่นกัน
“แล้วแต่เราแหละว่า มีเวลาว่างสักเท่าไร แจ้งวันเวลากับป้าก็แล้วกันนะ ส่วนเรื่องเตรียมสอนเดี๋ยวนัดคุยกันอีกที ไปคุยกันที่บ้านนั่นแหละ” ชนายิ้มจนป้าพรอดสงสัยไม่ได้ทำไมถึงได้ดูดีใจมากมายนัก
“ขอบพระคุณมากค่ะ ป้าพร ว่าแต่แพรไม่สบายหรือคะ ไม่เห็นเลยตั้งแต่เมื่อวานตอนเย็นแล้ว” ชนารีบถามก่อนที่ป้าพรจะจบการพูดคุยเรื่องมาชวนไปสอนหนังสือ
“เมื่อคืนเห็นโดนแม่เอ็ดอยู่นะ สงสัยคงดุเรื่องมารบกวนเรากับพี่คำนั่นแหละ” ป้าพรยิ้มๆ มองเลยไปทางลุงคำ
“ไม่ได้กวนอะไรเลยค่ะ หนูนึกว่าแพรไม่สบายเลยถามดูน่ะคะ”
“ป้าไปล่ะ เรามีแขกนี่” ป้าพรทำท่าจะลุกขึ้น
“แขกหนู ก็อยากรู้จักป้านะคะ” ชนายิ้ม
“อย่างนั้นหรือ” ป้าพรยิ้มให้สองสาวที่เข้ามานั่งใกล้ๆ กับชนา
“สวัสดีค่ะ หนูชื่อน้ำค่ะ” ธารใจแนะนำตัวเอง
“เอ๋ยค่ะ เป็นเพื่อนรุ่นพี่ของชนา” ไอรดาแนะนำตัวพร้อมกับพนมมือไหว้ด้วยเช่นกัน
“ไหว้พระเถอะ แม่คุณ” ป้าพรรับไหว้ทั้งสองสาว
“ได้ยินแว่วๆ เรื่องสอนหนังสือหรือคะ” ธารใจเริ่มชวนพูดคุย
“ใช่จ้ะ มาชวนแม่นักเรียนนอกไปช่วยสอนเด็กๆ หน่อย” ป้าพรบอก
“น้ำก็จบเมืองนอกค่ะ ป้าพร อยากไปสอนเด็กด้วยเหมือนกันค่ะ” ธารใจยิ้มให้กับหญิงสูงวัยที่ยิ้มกว้างมากขึ้น เมื่อได้ยินการพูดเอ่ยปากอาสา การพูดคุยเป็นไปได้ด้วยดี เพราะการสนทนากับครูบาอาจารย์ในสายอาชีพเดียวกันทำให้สนุกสนานและยังได้คำแนะนำดีๆ จากผู้หลักผู้ใหญ่ ไอรดาเองถึงจะไม่ใช่สายชีพเดียวกับทั้งสามสาวต่างวัยที่พูดคุยกัน ยังสัมผัสได้ถึงความเอาใจใส่ดูแลในตัวลูกศิษย์ลูกหาของแต่ละคน
“หนูล่ะ สอนหนังสือด้วยหรือเปล่า” ป้าพรถามไอรดา
“นิดหน่อยค่ะ เป็นวิทยากรสอนคนที่บริษัทฯ บ้างค่ะ แต่ไม่บ่อยนัก ส่วนใหญ่สอนเกี่ยวกับหน้าที่การงานค่ะ” ไอรดาบอก
“ป้าดีใจนะ ที่ได้รู้จักและเชื่อว่า ทุกคนจะเป็นครูที่ดีได้ ไปล่ะที่บ้านก็มีแขกเหมือนกัน ก่อนออกมาเห็นคุยกับพี่พลับถูกคอเลยเชียว จะได้หลานเขยเป็นตำรวจเสียก็ไม่รู้” ป้าพรหัวเราะและขอตัวกลับ คำพูดทิ้งท้ายทำเอาชนาหน้าจ๋อยเลยทีเดียว
“ลูกนายอำเภอก็คนหนึ่ง นี่นายตำรวจญาติตัวเองอีกต่างหาก พาเขาเข้าไปแนะนำกันอีก ไหวไหมล่ะ ชนา” ธารใจหัวเราะเล็กๆ
“ตอนจีบพี่เอ๋ย ลำบากขนาดนี้ไหมคะ พี่น้ำ” ชนาบ่นพึมพำ
“จีบเอ๋ยง่ายกว่าเยอะเลยเนอะ” ไอรดายิ้มให้กับธารใจคนรัก
“ป้าพรยังไม่รู้หรือเปล่า” ธารใจถาม
“อาจจะนะคะ พี่น้ำ แต่พี่ๆ ว่า การเป็นคนดี ขยันทำมาหากินและจริงจังกับลูกและหลานเขาจะทำให้เราได้รับความไว้วางใจสักนิดไหม” ชนาถามเสียงอ่อยๆ
“อยู่กันแค่นี้ ผู้ใหญ่มองเห็นชนาอยู่ตลอดนะ และที่สำคัญสุดน่ะ ยายแพรมีใจ คู่แข่งแค่สองหนุ่มเองทำเหมือนท้อ ป้าพรชมนาย
ตำรวจแค่นิดเดียวเอ๊ง” ธารใจพูดยิ้มๆ
“สองที่ไหนล่ะ พระเอกละครอีก และอาจมีอื่นๆ ที่หนูยังไม่รู้ด้วยก็ได้นะคะ พี่น้ำ”
“ปลงเอาไว้ก่อนล่วงหน้า เอาลุงคำเป็นแบบอย่างสิ” ไอรดาพูดขึ้นลอยๆ มองไปทางลุงคำที่ยังคงคุมคนงานทำงานอยู่
“ให้กำลังใจมากเลย พี่เอ๋ย ปั่นจักรยานชมตลาดกันไหมคะ” ชนาชวนคุยเรื่องอื่นๆ บ้าง ไม่อยากให้เรื่องของตัวเองกับแพรพรรณมาทำให้การพักผ่อนของสองสาวซึ่งมาเป็นแขกหมดความสนุกไปด้วย
“โทรฯ ไปชวนแพรสิ จักรยานมีแค่สองคัน ไปยืมยายแพรคันหนึ่ง” ไอรดาหัวเราะหึๆ ธารใจส่ายหน้าเพราะรู้ดีว่า เป็นแผนเพื่อที่จะ
ทำให้ชนาได้เจอกับแพรพรรณ
“ยืมจักรยานคงได้ แต่ไปด้วยหนูไม่แน่ใจ” ชนาบอกและรีบโทรศัพท์หาแพรพรรณในทันที
“รออยู่นี่ เดี๋ยวพี่สองคนจัดการเอง” ไอรดาพยักหน้าเป็นสัญญาณบอกกล่าวกับธารใจให้รีบตามมา
โอบบุญฝากเนื้อฝากตัวด้วยความนอบน้อมและจริงใจ ซึ่งผู้ใหญ่อย่างพลับสังเกตได้และนึกชื่นชม แอบเอานึกเปรียบเทียบกับพฤกษ์ลูกชายของนายอำเภอเลยด้วยซ้ำ
“พี่คำมีหลานดีนะ หลานสาวก็เก่งทีเดียว” ป้าพลับบอก
“ยายชนา เรียนหนังสือเก่งมากครับ นิสัยใจคอดีมากเช่นกัน ผมว่าคล้ายลุงคำอยู่มากครับ” โอบบุญพูดชื่นชมญาติผู้น้อง
“ขอบใจนะที่มา ทั้งๆ ที่จริงๆ แล้วนายตำรวจไม่จำเป็นต้องมาหากำนันในชุมชนและหมู่บ้านเล็กๆ อย่างฉัน”
“ยินดีครับ ป้ามีอะไรให้ผมช่วยเหลือบอกได้เลยนะครับ”
“ขอบใจพ่อคุณ” ป้าพลับเห็นตำรวจหนุ่มมองไปรอบๆ บ้านแอบสังเกตมาพักใหญ่แล้ว
“น้องแพร ไม่อยู่หรือครับ” รอยยิ้มของป้าพลับจางลงไปเล็กน้อย เมื่อได้ยินโอบบุญถามถึงหลานสาว
“รู้จักยายแพรด้วยหรือ คุณตำรวจ” ป้าพลับถาม
“เจอกันเมื่อวันก่อนครับ”
“มิน่าล่ะ” ป้าพลับคิดในใจ แต่ไม่ได้พูดอะไร
“น่าจะทำงานอยู่ข้างบน แต่อย่าไปยุ่งกับเขาเลย ยายแพรน่ะเวลาทำงานใครไปยุ่งด้วยไม่ได้หรอก ขอบใจนะที่แวะมา ฉันขอตัวก่อนล่ะ”
“ครับผม สวัสดีครับ” โอบบุญนึกตำหนิตัวเองที่ไม่ควรไปถามถึงคนที่เป็นหลานสาวเลยทำให้น้ำเสียงของป้าพลับเปลี่ยนไป
ธารใจกับไอรดายืนมองดูรถยนต์ ซึ่งมีนายตำรวจกำลังเคลื่อนรถออกไป เมื่อเห็นเจ้าของบ้านจึงพนมมือไหว้
“แพรอยู่ไหมคะ หนูชื่อน้ำค่ะ มาพักอยู่ที่บ้านของลุงคำ หนูรู้จักกับแพรค่ะ” ธารใจยิ้มหันไปมองสบตากับไอรดาที่ยิ้มๆ ให้อยู่เช่นกัน
“อย่างนั้นหรือ เข้ามาก่อน หนูสองคนคงเป็นญาติกับพี่คำ” ป้าพลับถามและเชื้อเชิญสองสาวเข้ามาในบ้าน
“อ้าวว่าไงสองสาว” ป้าพรออกมาเห็นเข้าพอดี ขณะที่ธารใจกับ ไอรดาเข้ามาในบ้าน
“รู้จักกันด้วยหรือ” ป้าพลับถามน้องสาว
“เพื่อนยายชนาไง”
“อ้อ ถ้าอย่างนั้นพี่ขอตัวก่อนนะ ยายพร” ป้าพลับหันมายิ้มให้สองสาวที่พนมมือไหว้อีกครั้ง
“เอ๋ยกับน้ำมาขอยืมจักรยานสักคันค่ะ ที่บ้านลุงคำมีแค่สองคันแล้วจะมาขออนุญาตชวนแพรไปตลาดด้วยกันค่ะ” ไอรดาบอก
“งั้นคุยกับยายแพรเองก็แล้วกันนะ มาโน่นแล้วล่ะ”
ธารใจแนะนำไอรดาให้รู้จักกับแพรพรรณที่นึกขำตัวเอง เพราะเคยออกอาการหวงแหนชนาไปเมื่อวาน หลังจากพูดคุยกันอยู่พักใหญ่จึงขึ้นไปชั้นบนเพื่อขออนุญาตป้าพริ้ง
“แพรน่ารักดีนะ” ไอรดาบอกกับธารใจ
“ตอนยังไม่รู้จัก น้ำคิดว่าหยิ่งเสียอีก ได้ยินมาอย่างนั้นก่อนหน้าแต่คงเพราะเวลาไปไหนมีป้าพริ้งไปด้วย แพรเลยพูดน้อย”
“นายตำรวจก็หน้าเจื่อนออกไป เห็นได้เข้าบ้านตั้งนาน ถ้าเป็นเอ๋ยคงยอมยกธงขาว” ไอรดาพูดยิ้มๆ
“น่าสงสารตัวเองจริงๆ เลย ดร.น้ำ” ธารใจยิ้มกว้างมากขึ้น เมื่อเห็นแพรพรรณเดินยิ้มลงมา โดยมีป้าพริ้งตามลงมาด้วย รอยยิ้มของ
คนที่ลงมาก่อนทำให้สองสาวที่รออยู่พอเดาเหตุการณ์ได้ว่า น่าจะได้รับอนุญาต ให้ไปด้วยกันได้
“ชนาไปด้วยหรือเปล่าล่ะ” ป้าพริ้งถามขึ้นทันที
“ไปค่ะ ทราบว่าแพรอยู่บ้าน น้ำเลยมาชวนไปด้วยกันค่ะ ป้าพริ้ง”
“รีบไปกันได้แล้วไป เดี๋ยวแดดแรงจะไม่สบายกัน” ไอรดายิ้มนึกถึงเรื่องที่ได้ยินเกี่ยวกับการหวงแหนหลานรัก ซึ่งเมื่อได้พบกับท่านเข้าไม่เห็นจะดุเหมือนที่ได้ยินมา เมื่อได้รับอนุญาต แพรพรรณรีบพยักพเยิดให้ธารใจกับไอรดาในทันที