ชนาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ มองดูน้าเพ็ญที่ง่วนอยู่กับการขายขนม ชนารีบเข้าไปช่วย โดยทำตัวให้เหมือนปกติทั้งๆ ที่รู้สึกอยู่ว่า ผู้สูงวัยที่ตัวเองเคารพนับถือมาตั้งแต่ครั้งเยาว์วัยดูผิดแปลกไปกว่าปกติ
“มาซื้อของหรือ ชนา” น้าเพ็ญถาม
“เปล่าค่ะ มาช่วยขายของแลกขนมค่ะ” ชนายิ้ม
“หยิบเอาเลยอยากกินอะไร” น้าเพ็ญบอก
“น้าเพ็ญคะ” ชนามองดูหญิงสาวที่สูงวัยกว่าซึ่งกำลังทำให้ตัวเองดูวุ่นวาย เพื่อจะทำให้ชนาเลิกชวนพูดคุยหรือซักถามอะไรต่อ
“มีอะไร” น้าเพ็ญพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งต่างจากทุกครั้ง ชนาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ และพนมมือไหว้
“หนูไม่รู้ว่า หนูทำอะไรผิด หรือทำอะไรไม่ดีลงไปหรือเปล่า ถ้ามีอะไรที่ไม่เหมาะไม่ควร น้าเพ็ญตักเตือนดุว่าหนูได้เสมอนะคะ ดุด่าว่ากล่าวได้ถึงแม้จะโตแล้วก็ตาม หนูยังเคารพในตัวน้าเพ็ญไม่เคยเปลี่ยน" ชนาพูดเสียงอ่อยๆ แต่จากท่าทีที่ดูเย็นชา ซึ่งน้าเพ็ญได้แสดงให้เห็นทำให้ชนารู้สึกไม่ค่อยสบายใจนัก เพราะยังไม่รู้ว่า เป็นเรื่องอะไร แต่เท่าที่คิดมีเพียงเรื่องของแพรพรรณเท่านั้น ซึ่งไม่ได้น่าแปลกใจอะไร หากคนเป็นมารดาจะห่วงใยในตัวลูกสาว
“ผู้คนที่นี่ รวมถึงสถานที่อาจจะไม่เหมาะกับชนาหรอกนะ วันหนึ่งอาจจะมองหน้ากันไม่ติด รวมถึงผู้หลักผู้ใหญ่ด้วย” น้าเพ็ญพูดขึ้น สิ่งที่ได้ยินอาจจะไม่ได้เฉพาะเจาะจงว่าเป็นเรื่องของลูกสาวอันเป็นสุดที่รัก แต่กลับทำให้ชนามั่นใจว่าเป็นเรื่องของแพรพรรณแน่นอน
“ความเหมาะสมสำหรับหนูเป็นเรื่องรองจากความรู้สึกนะคะ หนูไม่ รู้ว่า น้าเพ็ญกำลังกังวลเรื่องอะไร ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไร ไม่ว่าวันข้างหน้าน้าเพ็ญอาจจะไม่อยากพูดคุยกับหนูหรือโกรธเคือง หนูจะยังเคารพน้าเพ็ญเหมือนเดิม ความเคารพนับถือจะคงอยู่ในความรู้สึกของหนูเสมอตักเตือน และปรามหนูตรงๆ ได้เลยค่ะ เพราะหนูรู้ดีว่า สิ่งที่น้าเพ็ญพูดตักเตือนเป็นความหวังดีที่ผู้ใหญ่มีให้” ชนายิ้มจางๆ มองสบตากับมารดาของแพรพรรณที่เริ่มมีแววตาอ่อนโยนขึ้นมาบ้าง
“รู้ใช่ไหมว่าหนทางมันลำบากมากมายขนาดไหน” น้าเพ็ญถามชนา
“ทราบค่ะ แต่หนูไม่ได้ดื้อดึงนะคะ หากน้าเพ็ญยอมให้โอกาสและให้หนูได้พิสูจน์ตัวเอง แต่เมื่อถึงวันหนึ่งน้าเพ็ญเห็นว่า ไม่ใช่ ไม่ดี หรือไม่คู่ควร หนูจะยอมรับและเดินจากไปแต่โดยดีค่ะ” ชนาพูดด้วยน้ำเสียงที่อยากให้ผู้ใหญ่เชื่อมั่นและเปิดใจให้โอกาส
“ความสัมพันธ์ในแต่ละแบบมันแตกต่างกัน ผู้ใหญ่คงเลือกที่จะตัดไฟตั้งแต่ต้นลม หากเชื้อไฟไม่เกิดมันก็จะไม่ลุกลาม น้าคิดว่าชนาคงเข้าใจ น้าเคยรู้จักไฟเหล่านั้นมาก่อน เวลามันเผาไหม้ทำเอาปางตายเชียวนะ”
“หนูจะไม่เป็นเชื้อไฟ หนูสัญญา ทุกความสัมพันธ์แตกต่างและอีกอย่างอนาคตไม่มีทางรู้ได้เลยว่า สิ่งที่เกิดขึ้นจะดีหรือไม่ดี แต่หนูจะทำทุกวันต่อจากนี้ให้ดีค่ะ ความสัมพันธ์ที่ก่อตัวขึ้น หนูจะดูแลและรักษาเอาไว้ด้วยชีวิตของหนู เวลาพิสูจน์คนเราได้เสมอไม่ใช่หรือคะ” ชนามองดูน้าเพ็ญที่กำลังถอนใจ เพราะก่อนหน้าคิดว่า หากพูดห้ามปรามเพื่อเป็นการตัดไฟตั้งแต่ต้นลม บางทีชนาอาจจะยอมถอยออกไปแต่โดยดี แต่กลับกลายเป็นว่า เจ้าตัวยืนยันและให้คำมั่นสัญญา ไอ้เจ้าความรักมันช่างขยันเข้ามาสร้างความวุ่นวายให้อย่างรวดเร็วเสมอ
“เริ่มต้นก็ร้อนดั่งไฟ ยังไม่คิดอีกหรือว่าตัวเองเป็นไฟน่ะ” น้าเพ็ญพูดเพียงแค่นั้น และเริ่มชวนเปลี่ยนเรื่องพูดคุย ชนาไม่รู้ว่าท่านคิดอย่างไร แต่สิ่งที่พูดออกไปอาจจะช่วยสร้างความมั่นใจให้กับคนที่เป็นมารดาบ้าง
พระพายกับพิมพ์พลอยยืนกอดอกมองดูรถยนต์ซึ่งเป็นคันใหม่ของชนา แต่ไม่รู้ว่าเก่าแก่ผ่านเจ้าของมามากมายสักเท่าไร แต่จะว่าไปดูไปดูมาจะเรียกว่าคลาสิคก็น่าจะได้ หากชอบรถยนต์รุ่นคุณปู่คุณย่า
“โอ๊ย ไอ้ชนา ซื้อรถไว้ขับรับนางแบบนะ แก ถามคนนั่งเขาหรือยังว่าจะกล้านั่งไปด้วยไหม” พระพายหัวเราะ เมื่อเห็นชนาทำหน้าจ๋อย
“เพิ่งรู้นะว่าดูคนจากทรัพย์สินน่ะ” พิมพ์พลอยพูดดุ ชนาได้ทีรีบเดินไปยืนอยู่ข้างพิมพ์พลอย
“คนรวยก็อย่างนี้แหละค่ะ พี่พลอย” ชนาหัวเราะหึๆ มองสบตากับพระพายที่ยังคงยืนกอดอกอยู่
“ถ้าจะซื้อรถแบบนี้ เอารถกระบะของลุงคำมาแต่งใหม่ก็ได้มั้งจ้ะ” พระพายส่ายหน้า
“ว่าแต่ว่าเครื่องยนต์มันดีหรือเปล่า เราน่ะขับรถข้ามจังหวัดอยู่นะ ถึงแม้จะไม่ไกลจากกรุงเทพฯ นักก็ตาม” พิมพ์พลอยถามด้วย
ความเป็นห่วง
“ดีค่ะ ซื้อต่อเพื่อนมา ตังค์น้อย ซื้อได้แค่นี้แหละ” ชนาพูดยิ้มๆ
“ให้เอาที่บ้านไปใช้ก่อนก็ไม่ยอม” พระพายบ่นพึมพำ
“จริงๆ รายนั้นน่ะ ซื้อรถมาจอด อวดรวยอยู่” พิมพ์พลอยยิ้ม
“รถสปอตอะนะ ชาวบ้านเห็นจะหมั่นไส้เอาสิ” ชนายิ้มยื่นหน้ายื่นตาไปทางพระพาย
“แพรอาจจะชอบก็ได้ ใครจะไปรู้” พระพายพูดแหย่
“ถ้าชอบคงนั่งรถลูกนายอำเภอไปแล้วล่ะคะ” ชนาบอกแล้วยิ้ม
“แหมท่าทางดูมั่นใจนะเนี่ย” พิมพ์พลอยหันไปยิ้มทะเล้นให้
“ด่านแม่ยังจะไม่รอดเลยค่ะ พี่พลอย” ชนาพูดเสียงอ่อยๆ และเริ่มเล่าเรื่องที่ได้พูดคุยกับมารดาของแพรพรรณ
ชนาได้รับเสียงปรบมือจากนักศึกษา หลังจากได้เข้าพูดคุยโดยการแนะนำจากธารใจหรือ ดร.น้ำ เสียงพูดคุยของนักศึกษาที่พูดถึงอาจารย์พิเศษคนใหม่ทำให้ธารใจเดินยิ้มเข้ามาหาชนา
“ท่าทางพี่จะตกงานนะเนี่ย” ธารใจหัวเราะ
“ตื่นเต้นดีเหมือนกันนะคะ เด็กไทยตั้งใจเรียนมากกว่าที่คาด” ชนายิ้มมองดูนักศึกษาที่พนมมือไหว้ก่อนจะออกจากห้องไป
“เอาตารางเวลามาดูกันว่า จะไปสอนที่ไหนได้บ้าง” ธารใจยิ้ม
“พี่น้ำสอนที่ไหนบ้างคะ เนี่ย” ชนาถาม
“ไม่เยอะนักหรอกจ้ะ แต่ก่อนหน้าก็หางานเหมือนที่ชนากำลังทำนี่แหละ พอจะรู้จักอาจารย์ตามมหาวิทยาลัยอยู่บ้าง แต่ระดับเราน่ะ สบายมาก พี่จะรับรองให้เอง” ธารใจอยากให้ผลงานเป็นที่ประจักษ์ จึงเชิญชนามาบรรยายเป็นการเปิดตัว ถึงแม้จะหน้าใหม่แต่ถือได้ว่า มีความรู้ค่อนข้าง มากเรียกว่า เป็นอาจารย์รุ่นใหม่ไฟแรง เพราะเป็นนักเรียนนอกที่มีความ สามารถทางด้านภาษาอังกฤษเป็นทุน
“พี่เอ๋ยไม่บ่นหรือคะ ทำงานเยอะๆ” ชนาถามยิ้มๆ ขณะเก็บของใส่กระเป๋า
“เอ๋ยทำงานเยอะกว่าพี่อีก” ธารใจหัวเราะ
“แล้วมีปัญหาไหมคะ เวลาเหนื่อยกลับบ้านมา”
“ถามแบบนี้ คุณนางแบบมีปัญหาเยอะหรือไง” ธารใจถามกลับ
“อาจจะมีวันข้างหน้าค่ะ” ชนาบอกแล้วยิ้มอายๆ
“ไม่มีใครเหมือนใครหรอก ถ้าเราคิดเผื่อคนที่เรารัก บางวันพี่เหนื่อยถึงบ้านก็ทิ้งตัวนอนที่โซฟา เอ๋ยกลับมาคงเหนื่อยเหมือนกัน แต่เห็นสภาพพี่คงสงสาร ก็ดูแลกันตามประสาแหละ ถ้อยทีถ้อยอาศัย แรกๆ มีทะเลาะกันบ้าง หลังๆ เอ๋ยคงเบื่อ ขี้เกียจจะทะเลาะด้วย” ธารใจมีแววตาอ่อนโยน เมื่อได้พูดคุยถึงคนรัก
“ตอนได้ยินเรื่องพี่ไต้ฝุ่นกับพี่พลอย หนูแบบอึ้งไปพักใหญ่ หัวเราะพี่ไต้ฝุ่นที่ถึงกับวางแผนไปเช่าบ้านพี่พลอย แต่ถ้าไม่ทำแบบนั้น ก็อาจจะไม่มีวันนี้ ถือว่าคุ้มนะคะ” ชนาบอกเล่าสิ่งที่รู้ ธารใจยิ้มมองดูสาวรุ่นน้องที่รู้ได้เลยว่าอนาคตสดใสแน่นอน โดยเฉพาะการอ่อนน้อม
ถ่อมตน ซึ่งคงดีกับเจ้าตัวเอง หากต้องเข้าหาผู้หลักผู้ใหญ่ โดยเฉพาะผู้ใหญ่ที่บ้านของคนที่เริ่มหมายปองและท่าทางจริงจังมากด้วย
“เห็นไต้ฝุ่นจะไปช่วยปลูกเรือนหอไม่ใช่หรือ” ธารใจหัวเราะ เมื่อเห็นชนาหันมาจ้องมองแล้วยิ้มอายๆ
“หลุมหลบภัยหรือเปล่ายังไม่รู้เลยค่ะ” ชนาหัวเราะเล็กๆ
“คนที่อาชีพใกล้ตัวเราที่สุด ก็ไปเริ่มทำคะแนนไว้ก่อน อาสาไปสอนภาษาอังกฤษให้เด็กมัธยมเลย ลองดู" ชนาอมยิ้มกับคำแนะนำที่ได้ยินจากธารใจเพราะตัวเองตั้งใจเอาไว้อย่างนั้นเช่นกัน บางทีเรื่องงานอาจช่วยให้เข้าบ้านสาวเจ้าได้ง่ายขึ้นมาสักนิดหน่อยก็ยังดี
“คิดอยู่เหมือนกันค่ะ เดี๋ยวกลับไปจะไปดำเนินการเลย หนูว่าจะไปเป็นผู้ช่วยท่านกำนันในวันหยุดด้วยค่ะ ลงพื้นที่บ้างในวันที่เราว่าง อันที่จริงก็อยากรู้อยากเห็นนั่นแหละ” ชนาหัวเราะ
“พี่ก็อยากรู้อยากเห็นเรื่องบ้านดินเหมือนกัน ถ้าเอ๋ยชอบไปขอซื้อ ที่ลุงคำสร้างบ้านดินไว้น่าจะดี เอ๋ยกับพี่ชอบที่เงียบๆ ได้พักผ่อนกันเต็มที่หน่อย” ธารใจบอก ขณะหยิบกาแฟขึ้นจิบ หลังเสร็จจากการสอนและยังคงอยากสนทนากับชนา
“ไม่มีอะไรเลยนะคะ พี่น้ำ เงียบที่สุด ดีที่สุด พอฟ้ามืด รถราแทบจะไม่มีวิ่งผ่านหน้าบ้านเลยค่ะ” ชนาบอกทำให้ธารใจยิ้มและนึกไปถึงมารดาซึ่งท่านคงชอบ
“งั้น เดี๋ยวไปช่วยสร้างบ้านดินก่อน ค่อยว่ากันอีกที กลับบ้านเลยหรือเปล่าเรา หรือจะไปหาไต้ฝุ่นก่อน” ธารใจถามมองดูนาฬิกา เพราะหากชนาจะกลับบ้านคงต้องรีบปล่อยตัวไป ไม่อย่างนั้นจะมืดค่ำ
“จะแวะไปหาแพรก่อนค่ะ” ชนายิ้มอายๆ เมื่อพูดถึงแพรพรรณ
“ถ่ายละครหรือ” ธารใจถาม
“ค่ะ”
“ป้าพริ้งมาด้วยล่ะสิ” ธารใจหัวเราะ
“ไข่ในหิน มีหรือจะโดนปล่อยมาตามลำพัง”
“ไปจอดรถทิ้งไว้ที่โรงแรมของไต้ฝุ่นสิ จะได้เป็นสารถีขับรถกลับบ้านให้ป้าพริ้ง เรียกคะแนนทีละนิด” ธารใจแนะนำ
“ตอนพี่น้ำกับพี่เอ๋ย มีแผนอะไรแบบนี้ด้วยไหมคะ เนี่ย”
“มีสิ อาศัยแม่พี่ที่สนิทกับเอ๋ยมาก่อน แม่เลยได้ลูกสาวเพิ่มมา”
“แม่พี่น้ำ ช่วยเรื่องพี่เอ๋ย” ชนาได้ยินเข้าอดที่จะแปลกใจไม่ได้
“ช่วยจีบอีกต่างหาก” ธารใจหัวเราะ
“โอ๊ย หนูต้องขอไปกราบในเร็ววันเลยค่ะ แบบนี้” ชนารีบบอก
“จริงจัง ใช่ไหม” ธารใจถามด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง
“ค่ะ”
“ดีงั้นไม่ต้องกลัว กองหลังหลายคน” สองสาวหัวเราะขึ้นพร้อมกัน
ชนานึกขำเรื่องที่ธารใจให้นำรถยนต์ไปจอดเอาไว้ที่โรงแรมแล้วค่อยอาสามาขับรถให้กับป้าพริ้งและแพรพรรณ ถ้าทำอย่างนั้นมีหวังได้กลับไปนอนที่โรงแรม ธารใจคงยังไม่รู้จักป้าพริ้งดี ชนาหัวเราะเล็กๆ เมื่อนึกถึง
“คิดถึงใคร มายืนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่คนเดียวเนี่ย” แพรพรรณพูดดุแต่คนได้ยินกลับยิ้มกว้างมากกว่าเมื่อสักครู่
“บอกไปก็จะอึ้งน่ะสิ” ชนาอมยิ้ม
“นักศึกษาล่ะสิท่า เงียบหายไปทั้งวัน โทรฯ หาก็ไม่โทรฯ ข้อความก็ไม่ส่ง” แพรพรรณพูดบ่นกระปอดกระแปด
“อยากมาหามากกว่านี่” ชนาขยับเข้ามายืนใกล้ๆ เอาไหล่เบียดๆ แพรพรรณที่ยิ้มๆ เล็กน้อย
“ยังไม่ตอบเลยว่า ยิ้มน่ะ นึกถึงใคร” แพรพรรณพูดเสียงเข้ม
“อยากรู้จริงดิ” ชนายิ้มทะเล้น
“ลีลาเยอะนักนะ”
“คิดถึงป้าพริ้งอยู่” ชนารีบบอก
“บ้าหรือไง”
“พี่น้ำสอนลูกไม้มา แต่เราไม่ได้ใช้” ชนายิ้มและบอกเล่าเรื่องที่ได้ รับคำแนะนำมา แพรพรรณอมยิ้มถึงแม้ยังไม่เคยพบหน้ากับธารใจ แต่เชื่อว่าทุกคนมีความหวังดีให้กับชนา โดยเฉพาะการแนะนำเรื่องงานดีๆ ให้
“เหรอ พวกเยอะนะ เราน่ะ” แพรพรรณยิ้ม มองเห็นป้าพริ้งกำลังตามหาจึงรีบเดินกลับเข้าไปภายใน เพราะยังมีถ่ายต่ออีกหนึ่งฉาก ชนายิ้มเดินตามแพรพรรณเข้าไปเพื่อทักทายคุณป้าใหญ่ของสาวเจ้า
ชนาเป็นฝ่ายชวนป้าพริ้งพูดคุย โดยขอคำปรึกษาเรื่องงานที่ตัวเองได้ไปพูดคุยกับธารใจมาก่อนหน้านี้ ป้าพริ้งยิ้มน้อยๆ ซึ่งไม่ค่อยได้เห็นบ่อยนักกับคนอื่นๆ ที่ไม่ใช่สาวๆ ในบ้าน ส่วนกับลุงคำจะมีให้เห็นบ้างในบ้างครั้งไม่ได้มากมายอะไรนัก แต่รอยยิ้มน้อยๆ กลับทำให้
ผู้ชายอย่างลุงคำมีความสุข
“เรื่องสอนหนังสือ ไปคุยกับยายพรดีกว่า ฉันไม่ค่อยรู้เรื่องรู้ราวกับเขาสักเท่าไรนัก ฉันก็แค่เจ้าของตลาด ความรู้ไม่ได้มีมากมายอะไร แต่ดีใจกับเธอด้วยนะที่หน้าที่การงานคงจะเจริญก้าวหน้า ตาคำคงดีใจที่หลานรักได้เป็นครูบาอาจารย์กับเขา” ป้าพริ้งพูดคล้ายให้พร ชนายิ้มเมื่อได้ยินการเอ่ยถึงลุงคำ
“กราบขอบพระคุณค่ะ” ชนาพนมมือไหว้พร้อมกับรอยยิ้ม แต่ป้าพริ้งกลับส่ายหน้าท่าทางเบื่อหน่ายกับความร่าเริงของชนา ซึ่งคนที่แอบมองอยู่อดที่จะขำไม่ได้
“สวัสดีครับ วันนี้นางเอกมีผู้จัดการมาสองท่านเลยนะครับ” ชายหนุ่มเดินอ้อมมานั่งข้างชนา ซึ่งมองสบตากับแพรพรรณที่ทำหน้างอในทันที เมื่อได้เห็น
“แม่คนนี้แวะมาเดี๋ยวเดียว ก็จะกลับแล้ว ลุกไปนั่งทางโน้นเราน่ะ” ป้าพริ้งพูดเสียงเข้มคล้ายดุชนาที่แอบอมยิ้ม ก่อนจะทำหน้าจ๋อยและค่อยๆ ลุกขึ้นไปนั่งด้านในติดกับป้าพริ้ง ชายหนุ่มยิ้มน้อยๆ แต่ยังคงพูดคุยกับชนาโดยพูดผ่านหน้าป้าพริ้ง ชนาเงียบๆ เลือกเป็นคนฟัง เพราะรู้ดีว่า ตอนนี้มีป้าพริ้งเป็นเกาะคุ้มกัน จึงยักคิ้วหลิ่วตาไปทางแพรพรรณที่แลบลิ้นให้ก่อนจะไปทำงานของตัวเองต่อ
“ผมมีหนังสือมาให้สองสามเล่มครับ เห็นว่าชอบอ่านหนังสือ” ชายหนุ่มที่เป็นพระเอกละครบอกกับชนาที่ยิ้มน้อยๆ ให้
“ที่บ้านก็มีเยอะแยะ หนังสือน่ะ ไปขอยืมที่ยายพรก็ได้ รายนั้นหนอนหนังสือ ซื้อมาเต็มบ้านไม่รู้จะอ่านหวาดไหวหรือเปล่า” ชนาต้องกลั้นหัวเราะเอาไว้ เพราะป้าพริ้งพูดปิดทางของจอมทัพในทุกๆ ทาง ไม่ว่าจะพูดจะเอ่ยอะไรออกมา ป้าพริ้งจะเป็นฝ่ายพูดตัดบทให้ โดยชนาไม่ต้องพูดอะไรเลยสักคำทำเอาชายหนุ่มที่ชื่อจอมทัพต้องรีบถอยทัพไป เพราะหากมานั่งพูด คุยอยู่ คนที่คุยด้วยคงเป็นหญิงสูงวัยที่พร้อมปกป้องชนา ไม่ต่างกับที่หวงแหนหลานสาวเอาเสียเลย จอมทัพแอบคิด
“ขอบคุณค่ะ ป้าพริ้ง” ชนาพนมมือไหว้และบอกขอบคุณ เมื่อเห็นชายหนุ่มลุกออกไป
“จีบดะ จีบไปเรื่อย ฉันแค่ทำหน้าที่แทนลุงของเธอเท่านั้นแหละ”
“แต่หนูรู้สึกเหมือนเป็นหลานสาวป้าพริ้งเลยค่ะ ดีใจที่ป้าพริ้งเป็นห่วง หรือหวงดีนะ” ชนาบอก แต่ต้องยิ้มเจื่อนๆ เพราะป้าพริ้งหันมาทำหน้าดุใส่ แต่รอยยิ้มน้อยๆ ทำให้รู้สึกสบายใจขึ้นมาบ้างที่ได้รับการความเอ็นดูจากป้าพริ้งที่ใครๆ พอจะทราบถึงความดุ
“เธอคงไม่ได้ดูคนที่ภายนอกหรอกนะ ไปเรียนถึงเมืองนอกเมืองนามา น่าจะฉลาด” ป้าพริ้งหันกลับไปมองดูแพรพรรณ ซึ่งกำลังทำงานอยู่
“ไม่หรอกค่ะ ป้าพริ้ง เพราะตัวหนูเองอยากให้คนมองข้ามสิ่งที่เห็นอยู่ภายนอกของหนูเหมือนกัน โดยเฉพาะเรื่อง” ชนาไม่ได้พูดต่อ เนื่องจากแพรพรรณเสร็จงานพอดี เรื่องที่อยากจะบอกกับป้าพริ้งก็คือ เรื่องเพศสภาพ เรื่องความเป็นผู้หญิงของตัวเองนั่นแหละ