EP.08

1269 Words
รอยยิ้มของธีรดนย์ผุดขึ้นที่มุมปาก สะใจอย่างไม่น่าเชื่อเมื่อหม่อมสุดาวดีเรียกเขาเสียงหลง ก่อนจะหันไปหาทนายวีระเดชเมื่อเขาไม่เห็นเธออยู่ในสายตา เพราะในสายตาของเขาเวลานี้มีแต่ว่าที่เจ้าสาวที่นั่งหน้าตื่นอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง โดยเฉพาะริมฝีปากกระจับน้อยๆ นั้นอ้าค้างเปล่งคำพูดที่ทำให้เขายิ่งสะใจ            “คุณชาย... ไม่นะคะ ฉันไม่...”            วรรณรดาส่ายหน้าดิกเมื่อตั้งสติได้ เธอจะไม่ยอมแต่งงานโดยไม่มีความรักเด็ดขาด โดยเฉพาะกับคนที่แสดงออกชัดเจนว่าเกลียดเธอ เธอยิ่งไม่ยอม แต่คุณชายธีรดนย์ไม่ได้ฟังที่เธอพูด เขามองหน้าเธอเหมือนเป็นสิ่งของสำหรับเดิมพัน ก่อนจะหันไปมองตอบหม่อมสุดาวดีดั่งคนถือไพ่เหนือกว่า วรรณรดาจึงหันหาตัวช่วย ซึ่งคงมีแต่หม่อมสุดาวดีเท่านั้น เพราะหม่อมทำให้เธอติดเข้ามาอยู่ในวังวนนี้            “คุณคะ รดาไม่แต่งงานกับคุณชายนะคะ รดาจะกลับบ้าน คุณคะ”            วรรณรดากระชับฝ่ามือที่ต้นแขนของหม่อมสุดาวดี ต้องการให้อีกฝ่ายรับปากว่าสิ่งนั้นจะไม่เกิดขึ้นกับเธอแน่ แต่หม่อมกลับไม่ฟังเธอเลย ดวงตาวาวโรจน์ของหม่อมจับจ้องแต่เพียงคุณชายผู้สูงศักดิ์ทั้งพูดคัดค้านให้เขาไม่ยอมรับสิ่งที่ระบุไว้ในพินัยกรรม            “คุณชายจะทำแบบนี้ไม่ได้นะคะ ถ้าคุณชายไม่ยอมรับและฉันก็ไม่รับ พินัยกรรมนั่นเราน่าจะตกลงกันได้ คุณชายไม่จำเป็นต้องทำตาม นะคะ ตกลงกันก่อน”            สุดาวดีพยายามที่จะปรับน้ำเสียงกราดเกรี้ยวให้อ่อนลงเมื่อท่าทีของคุณชายธีรดนย์นั้นคือกำลังฟังสิ่งที่เธอพูดอยู่ แต่เมื่อเขาหันไปหาทนายสูงวัย สุดาวดีก็แทบจะกรีดร้องเพราะนั่นคือสิ่งตรงกันข้ามที่เธอต้องการ            “คุณลุงครับช่วยเตรียมเอกสารจดทะเบียนสมรสให้ผมด้วย ผมจะแต่งงานกับ... วรรณรดา เดี๋ยวนี้”            พูดชื่อว่าที่เจ้าสาวขณะหันมองหน้าเธอโดยไม่สนใจสักนิดว่าหม่อมสุดาวดีจะกราดเกรี้ยวสักแค่ไหน แต่เมื่อเธอไม่หยุดอาละวาดแล้วยังก้าวเข้ามาประชิดตัว เธอก็ควรจะได้รับคำปราม เพราะสถานะของเธอในวังวรเวชเดชากรตอนนี้ คืออะไรล่ะ ผู้อาศัยหรือว่าที่คุณอาเจ้าของวังคนใหม่            “ฉันไม่ยอมนะคะคุณชาย คุณชายจะมาตัดสินใจเองไม่ได้ คุณชายต้องฟังฉัน ต้องถามความสมัครใจของฉันก่อน”            ธีรดนย์แค่นยิ้ม ปรายตามองผู้อาศัย “ผมฟังผิดหรือเปล่าครับ ทำไมผมต้องถามความสมัครใจของหม่อมก่อน ในเมื่อชื่อที่ระบุในพินัยกรรม ไม่ใช่ชื่อของหม่อมนะครับ”            “ฉัน... ก็ฉันเป็นอาของยัยรดา ฉันก็ต้องมีส่วนในการตัดสินใจสิ”            “เหรอครับ แต่วรรณรดาบรรลุนิติภาวะแล้วนี่ครับ เธอคงไม่ต้องถามความสมัครใจจากใคร”            วรรณรดาเสียวสันหลังวาบ เพราะคำพูดช่างสวนทางกับหน้าตาของเขานัก รอยยิ้มเยาะกับสายตาเชือดเฉือนที่มองมาดั่งจะถามว่าเขาพูดถูกใช่รึไม่ และคำตอบที่สะท้อนจากรอยยิ้มมุมปากของเขาก็คือ ‘ใช่’ เธอคงหวังสิ่งนี้อยู่แล้ว            “แต่ยังไงฉันก็เป็นอา และที่ท่านชายเขียนพินัยกรรมยกทรัพย์สินให้ยัยรดา ก็เพราะยัยรดาเป็นหลานสาวของฉัน”            “อย่างนั้นมีเหตุผลอะไรที่หม่อมต้องขัดขวางครับ ในเมื่อพินัยกรรมก็ระบุชัดเจนอยู่แล้ว ถ้าไม่แต่งทุกอย่างก็จะมอบให้การกุศล”            “แต่...”            “ไม่มีแต่ครับ มีแต่แต่ง แต่ถ้าไม่แต่ง ผมก็ไม่เดือดร้อน คนที่เดือดร้อนควรจะเป็นหม่อมและ... หลานสาว ด้วยความหวังดี ถ้าหม่อมยังอยากอยู่ที่วังนี้ต่อ กรุณาทำตามที่พินัยกรรมระบุ”            ประโยคสุดท้ายเปล่งออกไปพร้อมตวัดสายตาไปยังอีกคนที่ยังคงยืนอึ้ง ก่อนจะได้ยินเสียงร้องวี้ดว้ายเพราะหม่อมสุดาวดีเป็นลมล้มพับไปซะแล้ว และนั่นก็ทำให้เขายิ้มอีกจนได้ เมื่อคนเร่าร้อนอย่างหม่อมที่ได้รับการปรนเปรอจากพ่อทุกคืนวันกลับทำตัวบอบบางเสียจนได้ยินเขาพูดแค่นี้ก็เป็นลมล้มไป ‘มารยา’ ชัดๆ อย่างนั้นแล้วหลานสาวที่นั่งหน้าซีดประคองผู้เป็นอา ดูแต่หน้าก็คงจะเชื่อไม่ได้            “ดูแลอาเธอด้วย คงอด... อ้อ... คงไม่มีอะไรตกถึงท้องมาหลายวันแล้ว เพลียแย่เลย หา ‘น้ำ’ ให้กินด้วยละกัน พวกน้ำหนืด เหนียว ข้น ดีต่อสุขภาพ”            หม่อมราชวงศ์ธีรดนย์เดินออกไปไกลแล้ว แต่วรรณรดากลับยังรู้สึกเจ็บ อาจเพราะไรฟันที่ขบริมฝีปากตัวเองอยู่เพราะคำพูดจากชายสูงศักดิ์พร้อมสายตาดูแคลนของเขา สื่อความหมายถึงเรื่องแบบนั้น หรืออาจเป็นจากรอยเล็บของสุดาวดีที่จิกเข้าไปในเนื้อต้นแขนของเธอก็ได้ แต่ที่เจ็บสุดคงเป็นหัวใจ            ‘น้าบุญตา ช่วยฉันเถอะนะ ฉันไม่เหลือใครแล้ว ถ้ายัยรดาไม่มาหาฉัน พินัยกรรมก็เปิดไม่ได้ ที่ฉันทำทุกอย่างนี่ก็เพื่อยัยรดานะ ไม่อย่างนั้นฉันจะขอให้ท่านยกมรดกให้ยัยรดาทำไม นะน้า ช่วยฉันเถอะ’            เธอยังจำสีหน้าของพ่อได้ดี ยามที่เธอเปิดลำโพงโทรศัพท์เพื่อฟังสิ่งที่หม่อมสุดาวดีพูดกับพ่อไปพร้อมๆ กัน ไม่รู้ว่าโชคดีหรือโชคร้ายกันแน่ที่การสื่อสารของประเทศไทยก้าวหน้าไปมาก แม้แต่เธอที่อาศัยอยู่หมู่บ้านในป่าลึกของเชียงใหม่ แต่เสียงของหม่อมสุดาวดีก็ยังคมชัด ดั่งว่าหม่อมมานั่งพูดอยู่ตรงหน้า            ในเวลานั้นเธอซึ่งไม่เคยเห็นหน้าหม่อมสุดาวดีมาก่อน ไม่เคยแม้แต่จะได้ยินพ่อพูดถึงก้นึกแปลกใจที่คนบ้านป่าอย่างพ่อจะมีญาติเป็นถึงหม่อมของท่านชาย            ทว่าสีหน้าของพ่อที่มีแววหนักใจ ว้าวุ่นใจ และก็ดีใจ หลากหลายอารมณ์ที่แสดงออกยิ่งทำให้เธอสับสน พ่อเหมือนต้องการเวลาสำหรับการตัดสินใจ แต่พอหม่อมเร่งเร้าเอาคำตอบ พ่อก็ยอมให้เธอมาตามที่หม่อมสุดาวดีร้องขอ ทั้งๆ ที่ไม่รู้เลยว่าการเปิดพินัยกรรมของท่านชายจะเกี่ยวพันกับเธอยังไง จะเป็นไปตามที่หม่อมยกมาอ้างหรือเปล่า            แต่ตอนนี้เธอรู้แล้วว่าเกี่ยวมากที่สุด แต่ที่ไม่รู้ก็คือ เหตุผลอะไรที่ทำให้ท่านชายพงศกรยกทรัพย์สมบัติมูลค่ามหาศาลนั้นให้กับเธอ ทั้งที่เธอไม่ใช่เลือดเนื้อเชื้อไขของท่านเลย ทำไมท่านไม่ยกให้หม่อมซึ่งเป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย หรือ คุณชายธีรดนย์ซึ่งเป็นลูกชาย และจะยังเงื่อนไขพิสดารนั่นอีก ท่านชายพงศกรมีเหตุผลอะไรต้องทำแบบนี้ ท่านจะรู้ไหมว่าท่านทำไม่ถูก ท่านทำให้เธอที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่อะไรด้วยเลยต้องการเป็นจำเลยทางสายตาของผู้ชายคนนั้น            ‘ชายสูงศักดิ์’ ที่เธอไม่มีวันเอื้อมถึง            สายตาและคำพูดที่แสดงออกอย่างชัดเจนบ่งบอกว่าคุณชายธีรดนย์รังเกียจหม่อมสุดาวดีและเธออย่างแน่นอนที่สุด แล้วเหตุผลใดล่ะที่เขายอมรับเงื่อนไขตามพินัยกรรมง่ายๆ เขาต้องการวังนี้อย่างนั้นเหรอ สายตาเขาไม่ได้บอกอย่างนั้น สิ่งที่เขาแสดงออกคือการแก้แค้นต่างหาก เขาจะแก้แค้นใครหม่อมสุดาวดีหรือว่าเธอ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD