EP.07

1229 Words
ดวงตาสวยหวานและสุกสกาวราวกับดวงดาวบนฟากฟ้าจ้องมองมาที่เขาอย่างตื่นตะลึง แต่สายตาที่เขาใช้ตอบกลับเธอมีเพียงความเฉยชาเท่านั้น เพราะเขากำลังดูละครโรงใหญ่ที่มีหม่อมสุดาวดีเป็นตัวเดินเรื่อง และมีหลานสาวของหม่อมเป็นคุณหนูใสซื่อแต่ซ่อนยาพิษไว้ในกระเป๋ากระโปรง เพราะสุดท้ายข้อความในพินัยกรรมก็เอื้อให้เธอทั้งคู่เป็นฝ่ายได้ประโยชน์ เธอช่างเป็นผู้ได้อย่างมากล้น ได้ครอบครองทรัพย์สมบัติอย่างชอบธรรม และก็ได้เขาไปเป็นสามี แต่เขาอาจคิดผิดก็ได้ เพราะท่าทางของหม่อมสุดาวดีไม่ยินดีที่จะให้หลานสาวแต่งงานกับเขา            “อะไรกันคะคุณทนาย นี่มันอะไรกัน ท่านชายไม่ได้บอกฉันเรื่องนี้นะ นี่มันเกิดอะไรขึ้นคะ เกิดอะไรขึ้น!”            หม่อมสุดาวดีหน้าแดงก่ำผุดลุกขึ้นทันทีที่ทนายวีระเดชเว้นคำ สายตาของเธอที่มองมายังเขาฉายแววกราดเกรี้ยวอย่างไม่คิดจะปิดสักนิด และเธอก็ได้รับสายตาแบบเดียวนั้นกลับคืนไปแถมด้วยรอยยิ้มแสนสมเพช ก่อนที่เขาจะตวัดสายตามาดร้ายไปยังคนที่นั่งตัวสั่นอย่างทำอะไรไม่ถูก แต่ก็ยังไม่วายจะชำเลืองมองเขา            “คุณชายล่ะคะ คุณชายจะว่ายังไง พินัยกรรมนี่ดิฉันไม่ยินยอม การมัดมือชกแบบนี้ดิฉันไม่ยอมแน่ ท่านชายไม่ได้ถามความสมัครใจจากดิฉันเลย ดิฉันไม่มีวันยอมให้เรื่องนี้เกิดขึ้น”            รอยยิ้มผุดขึ้นที่มุมปากก่อนจะปรับให้สีหน้าเรียบดังเคย เพราะนี่คงเป็นครั้งแรกที่ผู้หญิงคนนี้พูดประโยคยาวๆ กับเขา ช่างเป็นช่วงเวลาที่สะใจชะมัด เธอเผยธาตุแท้ออกมาจนหมด คงเหลือแต่เพียงหลักฐานทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเท่านั้นที่จะสามารถเอาผิดเธอได้สินะ            “ขอประทานโทษด้วยครับหม่อม ผมยังอ่านพินัยกรรมของท่านชายไม่จบนะครับ เชิญหม่อมนั่งลงก่อน ให้ผมได้ทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายจากท่านชายให้เรียบร้อย ต่อจากนั้นคุณชายกับหม่อมจะปรึกษากันอย่างไร ค่อยคุยกันอีกทีนะครับ”            น้ำเสียงของทนายวีระเดชคืออึดอัดใจและเขาจะเป็นผู้ยุติ            “เชิญครับคุณลุง อ่านต่อได้เลย ผมรอฟังอยู่”            เขาส่งรอยยิ้มเพียงมุมปากและผายมือให้สัญญาณทนายวีระเดชพูดต่อไป ไม่สนใจสายตากราดเกรี้ยวกับกิริยาอ้าปากค้างของหม่อมสุดาวดีเลยสักนิด เพราะยิ่งเธอแสดงออกมากเท่าไร นั่นยิ่งคือสิ่งบ่งชี้            “ในระยะเวลาหนึ่งปีที่คนทั้งคู่ร่วมเป็นสามีภรรยา ห้ามฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเสียชีวิต เพราะนั่นจะถือว่าพินัยกรรมฉบับนี้เป็นโมฆะ ทรัพย์สินทั้งหมดจะถูกขายทอดตลาดและมอบให้กับการกุศลดังต่อไปนี้...”            ทนายวีระเดชระบุรายชื่อหน่วยงานการกุศล สลับกับยกผ้าเช็ดหน้าขึ้นเช็ดเหงื่อที่หยาดหยดลงมาตามสายตาแผดเผาของหม่อมสุดาวดี            “และหากภายในระยะเวลาห้าปีนับจากวันเปิดพินัยกรรม หากคนทั้งคู่ยังไม่จดทะเบียนสมรสเพื่อเป็นสามีภรรยากันอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ทรัพย์สินทั้งหมดก็จะถูกขายทอดตลาดและมอบรายได้ทั้งหมดให้กับการกุศลดังกล่าวเช่นเดียวกัน ลงชื่อหม่อมเจ้าพงศกร วรเวชเดชากร ลงชื่อพยานทนายวีระเวช...”            ทนายวีระเดชยังคงเอ่ยชื่อพยานอีกคน ทว่าเสียงกรีดร้องของหม่อมสุดาวดีกลับทำให้ทนายสูงวัยถึงกับไปต่อไม่เป็น            “กรี๊ดดดดด... ฉันไม่ยอม! ไม่ยอม! คุณวีระเดช อธิบายมาสิคะ ว่าทำไมท่านเขียนพินัยกรรมแบบนี้ ท่านไม่ได้บอกว่าจะทำแบบนี้ คุณวีระเดช!”            “คุณคะ ใจเย็นๆ ค่ะ คุณคะ คุณ”            วรรณรดาเอื้อมมือออกไปกระชับท่อนแขนของหม่อมสุดาวดีเพราะต้องการให้เธอได้สติ ทว่าหม่อมยังคงกรีดร้องและหันไปกราดเกรี้ยวใส่คุณลุงทนายใจดีกับเขาคนนั้น ลำพังคุณลุงทนายคงจะไม่ทำอะไรหม่อม แต่เขาล่ะ ชายสูงศักดิ์ที่เธอเองก็ไม่อาจเอื้อมจะไปเทียบเคียง เพราะแค่สายตาที่เขาปรายมองมา เธอก็มีค่าแค่เศษเม็ดทรายบนพื้นเท่านั้น และสายตาที่เขาใช้มองหม่อมก็ไม่ต่างจากมองเธอเลย            “คุณชาย! คุณชายพูดอะไรบ้างสิ พินัยกรรมแบบนี้ไม่ได้นะ ฉันไม่ยอม คุณชาย!”            ดวงตาเรียบเฉยแต่มีแววเยาะจ้องมองหม่อมสุดาวดีที่กรีดร้องเรียกเขาอย่างเสียจริต ทั้งที่โดยปกติเธอจะวางตัวได้ดี นั่นเป็นเพราะว่าเธอไม่ได้ดังที่หวังไว้โดยง่ายหรือเป็นเพราะหลานของเธอต้องแต่งงานกับเขากันแน่ หรือทั้งหมดนี่คือธาตุแท้ของเธอ ต้องการที่ฮุบทรัพย์สมบัติไว้แต่เพียงผู้เดียวโดยไม่คิดจะให้ใคร            ก้อนหินก้อนกรวดชายป่าที่ถูกห่อหุ้มด้วยผ้าทองเนื้อดีตกแต่งด้วยเพชรนิลจินดามีค่า อาจดูกลายเป็นอัญมณีขึ้นมาได้ หากแต่เมื่อธาตุแท้ปรากฏ ต่อให้ขัดแต่งกล่อมเกลาเท่าไร หิน กรวด ก็ยังเป็นสิ่งไม่มีค่าตามเดิม และเมื่อเธอมีความต้องการอย่างมากล้นจนพ่อตายคาอก เรื่องเสียจริตแค่นี้คงจิ๊บๆ            “คุณชาย! ฉันไม่ยอมนะ และกรุณาอย่ามองฉันด้วยสายตาแบบนั้น ฉันเป็นหม่อมของท่าน”            “คุณคะ คุณคะอย่าใจร้อน คุณคะนั่งลงก่อน”            วรรณรดาพยายามยื้อหม่อมสุดาวดีที่ขณะนี้ลุกขึ้นยืนจังก้าพร้อมตวาดใส่คุณชายธีรดนย์อย่างไม่เกรงกลัว ทั้งๆ ที่เธอเห็นว่าใบหน้าหล่อจัดนั้นไม่ต่างจากพญามารที่งามเพียงรูปแต่จิตใจของเขาคือสิ่งที่เธอไม่กล้าคาดเดา เธอจึงพยายามมายื้อร่างอวบอิ่มของหม่อมเอาไว้ให้มั่น เพราะกลัวเหลือเกินว่าหม่อมสุดาวดีจะกระโดดเข้าไปทำร้ายผู้ชายคนนั้น และสุดท้ายจะเป็นตัวหม่อมเองที่เจ็บปวด ซึ่งเธอยอมไม่ได้ เพราะหม่อมสุดาวดีเป็นญาติเพียงคนเดียวของเธอในกรุงเทพฯ            “ปล่อยฉันนะยัยรดา ปล่อยฉัน! คุณชาย คุณชายจะเอายังไงพูดมาเดี๋ยวนี้ แต่ฉันจะไม่ยอมให้ยัยรดาแต่งงานกับคุณชายแน่”            ธีรดนย์หันไปเผชิญหน้า จ้องลึกเข้าไปในดวงตาคู่สวยที่แสดงออกถึงการคุกคามเขาอย่างที่สุด แม้จะแน่ใจว่าหม่อมสุดาวดีมีส่วนเกี่ยวพันกับการตายของพ่อ เพราะเธอมีรอยยิ้มเมื่อรู้ว่าวรรณรดาได้ทรัพย์สมบัติมากมายแค่ไหน แต่สรุปสุดท้ายของพินัยกรรมพิลึกพิลั่นกลับทำให้หม่อมสุดาวดีเต้นแร้งเต้นกาได้ขนาดนี้ นั่นคือสิ่งที่เธอไม่ได้คาดคิดไว้ใช่หรือไม่            รอยยิ้มกระจายวาบที่ดวงตาคู่คมเพราะหากการทำตามสิ่งที่พ่อต้องการจะทำให้เขารู้ความจริงพร้อมกับได้รับความสนุกไปด้วย ก็น่าสนไม่ใช่เหรอ และแววตาเอาจริงกับคำพูดที่จริงจังยิ่งกว่าของหม่อมสุดาวดี ก็ทำให้เขาตัดสินใจ            “แต่ผมยอม”            “คุณชาย! ไม่ได้นะคะ ฉันไม่ยอม! ยังไงก็ไม่ยอม ฉันไม่มีทางให้เรื่องนี้เกิดขึ้น คุณวีระเดช คุณพูดอะไรบ้างสิ”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD