เวคินทร์จ้องมองแม่เด็กน้อยของเขาด้วยความสงสัย เมื่อไรนะ ที่เขาเริ่มสนใจ ผู้หญิงตรงหน้าเขาขึ้นมา แต่ก็ยังหาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้สักที ว่าเพราะอะไรเขาถึงฝันเห็นเธอบ่อยจนเกินไปแล้ว
“ยังมองอีกนานไหมลุง!” กนกจันทร์ถามขึ้นอย่างไม่เกรงใจ เธอทนตาแก่ผู้นี้อยู่นานแล้ว ไม่รู้จะมองอะไรนักหนา หน้าเธอมีตัวเลขอยู่หรือไง ถึงได้จ้องอยู่แบบนั้น
คนถูกเรียกว่าลุง ถึงกับกำมือแน่น เขาเกลียดจริงๆ เลยไอ้คำว่า ‘ลุง’ นี่ ไม่รู้ผู้หญิงคนนี้เอาอะไรมามองเขาถึงบอกว่าเขาแก่ อะไรเขากับเธอก็ห่างกันไม่เท่าไรเอง สบตาคมสวยนั้น ก่อนจะยิ้มหวานให้ และพูดขึ้นจนคนทั้งโต๊ะ ถึงกับอึ้งไปชั่วขณะ“ก็มองเด็กน้อยของฉันไง” เสียงทุ้มแต่น่าฟังนั้น พูดขึ้นไม่เบานัก ทั้งโต๊ะหันไปมองเขาตาเดียวกันเลย ไม่ต้องบอกว่า คนที่ถูกเรียกว่าเด็กนั้น จะโกรธและทำสีหน้ายังไง แต่คนที่นั่งอยู่ในโต๊ะ ถึงกับอึ้งและแปลกใจไปพร้อมๆกัน มองหน้ากันไปมาด้วยความสงสัยในความสัมพันธ์ของทั้งคู่ เพราะตั้งแต่เจอกันเมื่อสามปีที่แล้ว พวกเขาสองคนก็ทะเลาะกันมาตลอด
“ใครเป็นเด็กลุงไม่ทราบ อีกอย่างฉันก็ไม่ได้เป็นญาติข้างไหนของลุงด้วยสิ” กนกจันทร์น้ำเสียงที่ถามออกไปนั้น บ่งบอกถึงความโกรธจนยากระงับอารมณ์เดือดในตอนนี้ ส่งยิ้มหวานบาดใจคนมองเหลือเกิน “ลุงแก่แล้วก็อยู่ส่วนคนแก่สิ เด็กอย่างฉันไม่อยากจะเสวนากับคนแก่หรอก”
“เหรอ? แต่ฉันชอบคุยเด็กอย่างเธอไง” เวคินทร์พูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม ทั้งที่ในใจอยากจับเด็กปากเสียผู้นี้มาตีเสียให้เข็ด โทษฐานที่มาพูดว่าเขาแก่
“ปานว่า เราน่าจะทานข้าวกันดีกว่านะ เห็นไหม กับข้าว มันเย็นหมดแล้ว เดี๋ยวจะไม่อร่อยนะ”
“นั่นสิ ฉันก็เห็นด้วยกับแกนะปาน แกก็อย่ามัวแต่เถียงกับคุณคิงส์เลยไอ้กนก กินข้าวไปเถอะ วันนี้แกมีนัดอีกไม่ใช่เหรอ” พัชราพูด พลางนึกในใจด้วยความกังวล สงสัยเธอจะเสียเพื่อนรักไปแล้วอย่างแน่นอน ยิ่งเห็นสายตาที่เวคินทร์มองพื่อนรักเธอแล้ว สยอง! ‘แกจะรอดคุณคิงส์ไหมวะไอ้กนก ฉันละเชื่อเลย สงสัยคงเหลือฉันที่เป็นโสดคนเดียวแน่ๆเลย’
“แกมีนัดกับใครไอ้กนก” ปานดาวพูดขึ้น หลังจากฟังพัชราพูดจบ ร้อยวันพันปีเพื่อนรักเธอ ไม่ค่อยนัดเที่ยวหรือออกไปไหนกับใครนี่น่า ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ
กนกจันทร์ละสายตาจากจานข้าว เงยหน้าขึ้นมาตอบด้วยความหงุดหงิดเล็กน้อย “ก็ไอ้คุณวิทย์เพื่อนสนิทของแกกับฉันไง วันนี้ฉันมีนัดกับวิทย์ไปดูหนัง อีกประมาณสองชั่วโมง ฉันต้องไปเจอวิทย์ที่เมเจอร์”
“ใครกันหรือครับ” คิมหันต์ถามขึ้น เพราะเขาเคยได้ยินผู้ชายที่ชื่อวิทยานี่หลายครั้งแล้วจากปากภรรยาและพี่สะใภ้ แต่เขาก็ไม่เคยเจอตัวสักที ‘หรือเป็นแฟนคุณกนก’ พอคิดว่าผู้ชายที่ภรรยาเคยพูดถึงเป็นแฟน แม่สาวน้อยหน้าหวานตรงหน้านี้ ชายหนุ่มถึงกับเครียดขึ้นมาทันที หันไปสบตาพี่ชายแล้ว เสียงสันหลังวาบเลย
สายตาที่พี่ชายเขามองเพื่อนรักของภรรยาเขา มันเป็นแววตาที่เขาเห็นแล้วอดเป็นห่วงหญิงสาวขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ เพราะในบรรดาพวกเขาสามคน พี่ชายคนโตนี่แหละน่ากลัวสุด อยากได้อะไรก็ต้องได้ ไม่ว่าจะด้วยวิธีไหนก็ตาม เริ่มรู้สึกเห็นใจหญิงสาวตรงหน้าเขาเสียแล้วสิ
“พี่วิทย์เขาเป็นเพื่อนพวกเรานี่แหละคะ แต่ส่วนใหญ่พี่วิทย์เขาจะอยู่เชียงราย นานๆทีจึงจะลงมาเที่ยวที่กรุงเทพฯ” พัชราตอบอย่างยิ้ม ก่อนจะพูดแซวเพื่อนตัวแสบอีกว่า
“ไอ้กนกมันก็ขึ้นไปเที่ยวเชียงรายบ่อยๆนะคะ คุณคิม บางทีก็ไปนอนที่บ้านพี่วิทย์เป็นเดือนก็มี จริงไหมแก”
“อืมม์…” กนกจันทร์ตอบได้แค่นั้น เอื้อมมือไปตักแกงจืดที่แสนจะอร่อยใส่จาน ไม่ได้สนใจคนที่นั่งจ้อง มองเธออยู่ พยายามระงับอารมณ์เดือดที่กำลังจะแตกอยู่ในขณะนี้
‘กินข้าวไอ้กนก กินข้าว อย่าไปสนใจตาแก่โรคจิตตรงหน้า รักษาหน้าแกหน่อย แกเป็นนักเขียนนะโว้ย ถ้าเกิดทำอะไรไปแล้วใครมาเห็น เสียหายหมด’ เธออดทนกับพฤติกรรมที่แสนเสียมารยาทของเวคินทร์ พยายามไม่คิดอะไร ตักข้าวใส่ปาก แต่ในใจนั้นอดโทษคนตรงหน้าไม่ได้ที่ทำให้อาหารมื้อนี้ของเธอไม่อร่อยเอาเสียเลย
เหมือนเวคินทร์จะรู้ว่าแม่เด็กน้อยของเขาคิดอะไรอยู่ แต่คนอย่างเขานะเหรอจะยอมแพ้แค่นี้ ถ้าอยากได้เสียอย่าง ก็ต้องเอามาให้ได้ ไม่มีคำว่าไม่ได้ ส่งยิ้มให้แก่น้องสะใภ้ที่ตอนนี้นั่งมองเขาอย่างงุนงง
“ทานข้าวเถอะปาน แกด้วย เดี๋ยวฉันก็ต้องรีบไปแล้วเหมือนกัน พอดีมีนัดนิดหน่อย วันนี้ฉันไม่เข้าบริษัทแล้วนะ”
“แล้วพี่คิงส์จะไปไหนครับ ไหนว่าวันนี้ไม่มีนัดที่ไหนนี่น่า” คิมหันต์ถามขึ้นด้วยความสงสัย
“ฉันเพิ่งนึกได้ว่า วันนี้ฉันมีนัดกับเพื่อนนะ” เสียงเพลงรอสายดังขึ้นกนกจันทร์ เปิดกระเป๋าล้วงเครื่องมือสื่อสารขนาดจิ๋วขึ้นมาดูว่าเป็นใคร ก่อนจะยิ้มกว้างเมื่อเห็นว่าเป็นใครโทร.มา
“ขอตัวเดี๋ยวนะ” กนกจันทร์ขอตัว แล้วลุกออกไปจากโต๊ะ ทั้งที่รอยยิ้มหวานยังแต้มอยู่บนใบหน้าหวานซึ้งนั้น
เวคินทร์ถึงกับแสดงอาการหงุดหงิดขึ้นมาทันที เมื่อเห็นหญิงสาวรีบลุกไปทันทีหลังจากเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ‘ใครมันบังอาจโทร.หาผู้หญิงของฉัน’ แต่ก็ไม่ได้เอ่ยถามใคร ก่อนจะพูดขึ้นด้วยความไม่พอใจ แต่ก็ต้องรีบเก็บอาการไว้ เพราะกลัวว่าน้องสะใภ้และน้องชายจะรู้ว่าเขาคิดอะไร แล้วยังเพื่อนรักของน้องสะใภ้เขาอีก ที่นั่งมองเขาอยู่ก่อนแล้ว
ชายหนุ่มส่งยิ้มให้ทั้งสาม ก่อนจะพูดขึ้นมาว่า “ฉันขอตัวก่อนนะเจ้าคิม ปาน แล้วคุณหวาน พอดี ผมอิ่มแล้ว ฉันไปก่อนละกัน เดี๋ยวไอ้แทนมันจะรอนาน”
“อ้าว. นัดกับพี่แทนไว้หรือครับ งั้นตามสบายเถอะครับ เดี๋ยวผมกับปานก็จะกลับบริษัทเลยเหมือนกัน” คิมหันต์ถาม
“วันนี้ฉันเลี้ยงแกก็แล้วกัน ผมขอตัวก่อนนะครับคุณหวาน” เวคินทร์กล่าวตัดบท
”ค่ะ” ปานดาวตอบ พลางยิ้มหวาน
//////////
...โปรดติดตามตอนต่อไป...