พันตำรวจเอกมาซอกโดและปาร์คซูโฮต่างวิ่งเข้าตะลุมบอน เผชิญหน้ากับฝ่ายศัตรูอย่างไม่เกรงกลัว สมุนของไอ้เจบางส่วนถูกพันตำรวจเอกมาซอกโดจับทุ่มจับเหวี่ยงอย่างง่ายดาย อาจเพราะรูปร่างที่สูงใหญ่กำยำ ทำให้ตำรวจมือปราบคนนี้มีความได้เปรียบพอสมควร ขณะเดียวกันฝั่งปาร์คซูโฮเองก็ไม่น้อยหน้าลุงของเขา คมขวานของฝ่ายศัตรูไม่สามารถทำอันตรายได้ ตรงกันข้ามปาร์คซูโฮสามารถจัดการพวกมัน โดยเขาพยายามเลี่ยงไม่ใช้หมัดขวา เพราะถึงเด็กหนุ่มจะสวมกำไลหยกไว้ พลังทำลายของหมัดขวาก็ยังน่ากลัวกว่าอยู่ดี ขณะเดียวกันสิบตำรวจตรีโจกับสิบตำรวจตรีพรชัย ก็ตามมาสมทบกับพันตำรวจเอกมาซอกโด
"สารวัตรใหญ่ ดูนั้นสิครับ" สิบตำรวจตรีพรชัยบอกและชี้ไปทางขวามือ "กำลังเสริมมาแล้ว"
สิ่งที่ตำรวจหนุ่มพูดไว้ไม่ผิดเพราะภาพเบื้องหน้าคือ บรรดารถหุ้มเกราะที่มีทั้งทหารแล้วก็ตำรวจตามมาสมทบไล่จัดการเหล่าศัตรูให้สิ้น ร้อยตรีวินเซนต์สั่งให้แยกเป็นสองทีม โดยปาร์คซูโฮอยู่กับทีมสองของจ่าสิบเอกเฉลิมชัย ทำให้เขาแยกกับฮาจองอูที่ไปกับทีมหนึ่ง ครู่ต่อมาทีมของร้อยตำรวจเอกจูยอช็องก็ตามมาถึง ไอ้เจที่เห็นจำนวนศัตรูก็เริ่มหน้าถอดสี ความคิดที่จะหนีผุดขึ้นมาในสมอง แต่ใช่ว่าจะทำได้ทันทีเพราะมันดันเผลอไปยืนอยู่ใกล้บุคคลอันตรายอย่าง อัศวินดำ ซึ่งกำลังใช้พลังรักษาอาการบาดเจ็บ
ปาร์คซูโฮถอยหลังมาอยู่กับพันตำรวจเอกมาซอกโด "นั่นนะหรืออัศวินดำ" เขาหันมาถามลุงร่างหมียักษ์
"ใช่" สิบตำรวจตรีโจตอบ
"แล้วอัศวินคนอื่น ๆ ล่ะ" เขาถามต่อ
"คงรับมือกับพวกตำรวจกลุ่มอื่นอยู่"
ยุวชนทหารจ้องมองอัศวินดำไม่วางตา ถึงจะไม่เห็นหน้าแต่เขารับรู้ได้ ถึงจิตสังหารที่แผ่ตรงมาทางเขา ปาร์คซูโฮคิดว่าหมัดขวาของตนคงจะสร้างความเจ็บแค้นให้กับมัน ช่วงก่อนจะมาที่นี้ปาร์คซูโฮกับฮาจองอูต่างทำการบ้าน อ่านข้อมูลต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับศัตรู จะมากหรือน้อยมันก็ล้วนเป็นประโยชน์ต่อเขาทั้งสองทั้งสิ้น อัศวินดำเป็นศิษย์ของฮัมดี มัดบูลีจึงทำให้ได้รับฉายาว่า "มารบดกระดูกรุ่นที่สอง" ตามคำบอกเล่าจากเพื่อนที่เป็นยุวชนตำรวจ หยูฉีหลง เคยมีตำรวจมือปราบคนหนึ่งสามารถเอาชนะฮัมดีได้ เพราะตำรวจมือปราบคนนั่นมีวิชาที่เรียกว่า "กายเหล็กไหล"
กล่าวกันว่าฮัมดีไม่สามารถทำอันตรายต่อนายตำรวจคนนั่นได้ ทว่ากลับถูกเล่นงานหนักจนต้องหนีอย่างสุนัขจนตรอก ซึ่งปาร์คซูโฮไม่เคยฝึกเคล็ดวิชาดังกล่าว แต่เขาก็อยากลองวัดฝีมือกับอัศวินดำสักครั้งเหมือนกัน
ฝั่งพันตำรวจเอกมาซอกโดอ่านความคิดของหลานชายออก "แกอยากดวลกับมันใช่ไหม" คำพูดของพันตำรวจเอกมาซอกโด ทำให้สิบตำรวจตรีโจและตำรวจตรีพรชัย ต่างหันมามองปาร์คซูโฮ
"อืม" เขายอมรับ "ลุงให้ผมได้ไหม"
"ฝากเอาคืนมันด้วยละกัน"
อัศวินดำส่งเสียงหัวเราะออกมาอย่างเย้ยหยัน "ไอ้น้อง ! มึงคิดผิดแล้วที่มาสู้กับกู !" พูดจบอัศวินดำก็พุ่งตัวเข้าโจมตีปาร์คซูโฮ ชนิดที่ฝ่ายเด็กหนุ่มไม่ทันได้ระวังตัว
ทว่าปาร์คซูโฮเบี่ยงตัวหลบไปทางซ้าย และซัดหมัดขวาตรงไปที่สีข้างของศัตรู อัศวินดำรีบยกขาและแขนขึ้นมากันเอาไว้ เสี้ยววินาทีที่ร่างกายสัมผัสกับแรงหมัดขวา อัศวินดำรู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนทั่วร่างกาย โดยเฉพาะเสียงจากกระดูกในร่างกาย พริบตานั้นร่างของอัศวินดำก็ปลิวกระเด็นไถลไปกับด้านหลัง มันใช้ไฟธาตุรัตติกาลชะลอความเร็วไว้ มันรับรู้ได้ว่าข้างในตัวมันมีของเหลวที่จะทะลักออกจากปาก อัศวินดำตัดสินใจเปิดหมวกกันน็อคขึ้น เพื่อให้ปากคายของเหลวออกมาซึ่งมันก็คือเลือด
ปาร์คซูโฮที่เห็นแบบนั้นก็ถึงกับยอมรับเลยว่า อัศวินดำคือศัตรูคนหนึ่งที่สามารถทนต่อแรงหมัดขวาเขาได้ ที่สำคัญแม้ตัวของมันจะได้รับบาดเจ็บภายในแค่ไหน มันก็ไม่ยอมแม้แต่จะถอดหมวกกันน็อคออก
"ดีเลย.... ขอดูหน่อยละกันว่า มึงจะปกปิดใบหน้าของตัวเองไว้ได้นานแค่ไหน"
อัศวินแดงเริ่มจะเดินเข้าใกล้เขตด้านในหมู่บ้านมากขึ้น บรรดาตำรวจมือปราบรวมทั้งยุวชนตำรวจ ต่างก็พยายามขัดขวางอย่างสุดกำลังแต่กำลังฝ่ายศัตรูมีมากกว่า ทำให้ความได้เปรียบยังเป็นของอัศวินแดง ในสายตาของมันที่จับจ้องมองบรรดาตำรวจ พวกนี้ก็มิต่างอะไรกับแมลงวันที่บินต่อมหน้าอยู่ได้ ครู่ต่อมาอัศวินแดงจับขวานใบเลื่อยพร้อมรวบรวมพลัง ด้านสมุนผู้ติดตามเมื่อเห็นท่าทางของเจ้านาย มันก็รู้ทันทีว่าเหตุการณ์ต่อจากนี้จะเกิดอะไรขึ้น ไม่ถึงสามนาทีพวกมันพากันล่าถอยในบันดล สร้างความฉงนใจให้กับฝ่ายตำรวจมาก
ระหว่างที่คนอื่น ๆ มัวแต่ฉงนใจกับการล่าถอยของศัตรู มีเพียงร้อยตำรวจตรีหม่าติงเหอที่รับรู้ได้ถึงอันตราย เขาร้องเตือนบอกกับคนอื่น ๆ ทันควัน "ทุกคนหมอบ !" เสี้ยววินาทีเดียวกันนั้นร่างของอัศวินแดงก็หายไปราวกับล่องหน และไม่นานเสียงคมขวานที่ไม่อาจมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า เริ่มไล่ฟันทั่วบริเวณที่ฝ่ายตำรวจอยู่ ใครที่หลบไม่ทันก็จะส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด เพราะถูกอะไรบางอย่างที่มองไม่เห็น ฟันเข้าโดนผิวเนื้อตรงส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกาย ด้านร้อยตำรวจตรีหม่าติงเหอที่หมอบราบกับพื้น ก็ไม่สามารถติดต่อทัพเสริมทางวิทยุได้ เขาต้องหาทางจัดการกับอัศวินแดงให้ได้
ตำรวจหนุ่มรวบรวมพลังและสมาธิให้มั่น เขาจับกระบี่ของตนไว้แน่น ช่วงเวลาที่จิตของร้อยตำรวจตรีหม่าติงเหอเริ่มนิ่ง ทุกสิ่งทุกอย่างก็เริ่มหยุดเคลื่อนไหวราวกับมีคนกดสวิตช์ เสียงชลมุนวุ่นวายค่อย ๆ เงียบเสียงลง เหลือไว้แค่เสียงเดียวเท่านั้น และมันก็ยังคงเคลื่อนไหวอยู่ มันถูกลากไปตามพื้นก่อนจะตวัดขึ้นบน ร้อยตำรวจตรีหม่าติงเหอนับถอยหลัง จากสองถึงศูนย์และเมื่อเขานับเสร็จ มือที่ถือกระบี่ก็ลุกโชนด้วยไฟธาตุนภาสีส้ม พร้อมกับตวัดคมกระบี่ไปทางซ้ายมือ พริบตานั้นเลือดก็ไหลอาบกระบี่ลงมาเปื้อนมือ
ภาพตรงหน้าคืออัศวินแดงถูกกระบี่ของร้อยตำรวจตรีหม่าติงเหอ แทงเข้าบริเวณสีข้างก่อนที่คมขวานจะมาถึงตัวเขาซะอีก อัศวินแดงกัดฟันกรามด้วยความโกรธสุดขีด "ไอ้ลูกหมา !" มันคำรามลั่นและสะบัดลูกเตะ อัดเข้ากลางลำตัวของตำรวจหนุ่มเต็มแรง ความจุกบริเวณหน้าท้องส่งผลให้เขาไม่สามารถลุกขึ้นยืนได้ ทั้งที่ศัตรูยืนเหนือหัวตัวเองอยู่แท้ ๆ
"มึง ! ตายซะ" อัศวินแดงยกขวานขึ้นหมายจะปลิดชีพตำรวจหนุ่ม
[นี้นะเหรอ จุดจบของเรา] ร้อยตำรวจตรีหม่าติงเหอคิดอย่างเจ็บใจ ขณะที่คมขวานกำลังจะเข้าถึงตัวร้อยตำรวจตรีหนุ่มในไม่ช้า
เพล้ง !
มีบางอย่างหยุดคมขวานเอาไว้ และพออัศวินแดงกับร้อยตำรวจตรีหม่าติงเหอมอง ก็พบว่ามีคนใช้ดาบสองมือขวางทางคมขวานไว้ ซึ่งร้อยตำรวจตรีหม่าติงเหอจำได้ว่า อีกฝ่ายเป็นยุวชนตำรวจที่เขาเคยฝึกมากับมือ
"อันตราย !" เขาร้องเตือน
แต่ก่อนที่สถานการณ์จะเลวร้ายกว่านี้ ก็มีใครบางคนวิ่งตรงมาหาอัศวินแดง ด้วยความว่องไวและรวดเร็ว ทันทีที่วิ่งเข้ามาในระยะที่ใกล้มากแล้ว ก็กระโดดถีบขาคู่อัดเข้ากลางหลังของอัศวินแดง ส่งผลให้มันจุกไปทั้งหลังและเสียหลักในการทรงตัว กลายเป็นโอกาสให้ศัตรูที่มันยังไม่เห็นตัว หมุนควงลูกเตะยัดฝ่าเท้าอัดเข้าหมวกกันน็อคที่มันใส่อยู่ กระจกหมวกกันน็อคปริแตกออกเล็กน้อย พอให้มองเห็นดวงตาสีแดงก่ำด้วยความโกรธ อัศวินแดงตัดสินใจถอยไปตั้งหลัก และจ้องมองศัตรูที่เล่นงานมันได้ถึงสองหน
"หมวด บาดเจ็บตรงไหนไหม" อีกฝ่ายถามตำรวจหนุ่มแต่สายตายังคงมองอัศวินแดงไม่ละสายตา
"แค่จุก กระดูกคงร้าว" ร้อยตำรวจตรีหม่าติงเหอตอบ "นายเป็นใคร"
"ผมยุวชนทหารฮาจองอู กำลังเสริมจากเมืองหลวง" เด็กหนุ่มแนะนำตนเองก่อนจะบอกกับยุวชนตำรวจที่อยู่ข้าง ๆ "นายน่ะ ชื่ออะไร"
"ฉันชื่อ อเล็กชานเดอร์" อีกฝ่ายตอบ
"โอเค นายรีบพาหมวดออกจากตรงนี้หน่อย ฉันสู้ไม่ถนัด"
คำพูดของฮาจองอูมันทำให้ร้อยตำรวจตรีหม่าติงเหออึ้ง อัศวินแดงไม่ใช่ศัตรูที่จะต่อกรด้วยง่าย ๆ นี้อาจเป็นการฆ่าตัวตาย ทว่ายังไม่ทันที่จะคัดค้านยุวชนตำรวจอเล็กชานเดอร์ และคนอื่น ๆ ก็ช่วยกันแบกร่างเขาออกจากตรงนั้น เหลือไว้แค่ฮาจองอูกับอัศวินแดงเท่านั้น มันส่งเสียงหัวเราะออกมาไม่ต่างจากคนโรคจิต มันจับขวานของมันขึ้นและพุ่งเข้าโจมตีใส่ฮาจองอูในทันที ทว่าเด็กหนุ่มก้มตัวหลบและสวนกลับ ด้วยหมัดซ้ายอัดกลางท้องของมัน แรงหมัดทำให้อัศวินแดงจุท้องพอสมควร
แต่มันก็ไม่ยอมสิ้นฤทธิ์มันตวัดขวานใส่ข้างศีรษะของฮาจองอู แต่ด้วยความจุกก่อนหน้านี้ทำให้คมขวานแค่ถากปลายคิ้วเด็กหนุ่มเท่านั้น ฮาจองอูเหวี่ยงแข้งขวาเจาะยางขาซ้ายอีกฝ่าย ทั้งแรงจุกบวกความเจ็บที่ขา ส่งผลให้อัศวินแดงเสียหลักแต่ก็ยังใช้เข่ายันตัวไว้ ทว่ามันก็กลายเป็นจังหวะให้ฮาจองอูจับหัวของอัศวินแดง แล้วแทงเข่าอัดเข้าหมวกกันน็อคทันที ด้านลูกสมุนที่เห็นเจ้านายกำลังเสียเปรียบ ต่างก็พยายามจะเข้ามาช่วยแต่ถูกร้อยตำรวจตรีหม่าติงเหอ ที่ตอนนี้หายจุกแล้วและพาคนอื่น ๆ มาขวางทางไว้
อัศวินแดงยังไม่ยอมแพ้เพียงเพราะโดนแทงเข่าอัดหน้า มันเหวี่ยงขวานเป็นแนวเฉียงใส่เดชะบุญที่ฮาจองอูถอยหลังหลบทัน ทำให้มันโดนแค่เสื้อเกราะของเขาแบบถาง ๆ สภาพหมวกกันน็อคของมันแทบจะไม่เหลือทรงของหมวกกันน็อคแล้ว ถึงกระนั้นฮาจองอูก็สังเกตว่ามันก็ไม่ยอมที่จะเปิดเผยใบหน้าที่อยู่ด้านใน
"ไม่ยอมถอดง่าย ๆ เลยแฮะ" ฮาจองอูพึมพำ
ด้านอัศวินแดงที่โดนหยามหน้ามันก็กู่ร้องตะโกนสุดเสียง และพุ่งเข้าโจมตีใส่ฮาจองอูพร้อมฟาดฟันด้วยขวานอย่างบ้าคลั่ง ชนิดที่เขาหาช่องโจมตีกลับไม่ได้ และด้วยความซวยหรืออย่างไรก็ไม่มีใครรู้คำตอบ ระหว่างที่ฮาจองอูมัวแต่หลบการโจมตีอยู่ เท้าซ้ายของเด็กหนุ่มดันสะดุดหินก้อนหนึ่ง ส่งผลให้ฮาจองอูล้มลงพอดีกับที่ขวานของอัศวินแดงกำลังจะถึงต้นคอของเขา
+++++++++