ดินเนอร์กับคุณมังกร #1

910 Words
‘แค่เธอตระหนักได้ว่านี่ไม่ใช่การออกเดตกับผู้ชายแต่เป็นการทำงานภายในระยะเวลาที่กำหนด เธอก็จะไม่รู้สึกอะไรเลย ฉันรู้ว่ามันคงยากสำหรับเธอเพราะเธอไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อนและนี่ก็เป็นลูกค้าคนแรกด้วย… แต่ฉันเชื่อว่าเธอจะทำมันได้ดีนะ…’ นั่นเป็นคำพูดที่จ๊ะจ๋าบอกกลับมาหลังจากที่พราวรุ้งโทรไปขอคำปรึกษาจากหล่อน และตอนนี้พราวรุ้งก็กำลังสวมใส่ชุดเดรสรัดรูปสายเดี่ยวสีดำสนิทซึ่งมีอยู่เพียงตัวเดียวในตู้เสื้อผ้าพร้อมดัดผมลอน หญิงสาวยืนมองตัวเองอยู่ที่หน้ากระจกเงาอย่างไม่เชื่อสายตา จนถึงตอนนี้ยังไม่อยากเชื่อด้วยซ้ำว่าตัวเองกำลังทำงานทำนองนี้… “ท่องเอาไว้ เพื่อเงิน” หญิงสาวพูดกับตัวเองพร้อมสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ รวบรวมสติที่มีอยู่เพียงน้อยนิด จากนั้นทำการกดเรียกรถเพื่อเดินทางไปยังโรงแรมหรูที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองตามพิกัดที่ถูกนัดเอาไว้ ตลอดทั้งการเดินทางของพราวรุ้งนั้น เธอมีอาการใจเต้นตุ้ม ๆ ต่อม ๆ ขึ้นมาเป็นระยะ เธอไม่รู้เลยว่าลูกค้าคนแรกของเธอนั้นจะมีหน้าตาเป็นอย่างไร หน้าตาดีหรือไม่ นิสัยอย่างไร และจะใจร้อนกับเธอไหม ทั้งหมดทั้งมวลล้วนแต่เป็นสิ่งที่สร้างความกังวลใจให้กับเธออยู่พอสมควร “ตอนนี้พวกเรามาถึงแล้วนะครับ” ทันใดนั้นเสียงของคนขับรถก็ทำให้พราวรุ้งหลุดออกจากภวังค์ความคิด เธอรีบเปิดประตูลงไปจากรถทันทีหลังจากจ่ายเงินด้วยการตัดผ่านบัตรเดบิตและมาถึงด้านหน้าโรงแรมหรูที่เธอไม่เคยคิดว่าครั้งหนึ่งตัวเองจะได้มาเหยียบที่นี่เรียบร้อยแล้ว ในวินาทีที่หญิงสาวก้าวขาลงจากรถ เธอก็สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อลดอาการประหม่าของตัวเองอีกครั้ง พร้อมทั้งพยายามบอกตัวเองในใจว่าทุกอย่างจะเป็นไปด้วยดีเหมือนอย่างทุกที จากนั้นจึงเดินไปหาพนักงานต้อนรับที่หน้าล็อบบี เพราะต้องการขึ้นไปดินเนอร์ภายในห้องอาหารของโรงแรมแห่งนี้ ลูกค้ารายนี้คงจะเป็นลูกเศรษฐีมีเงินจริง ๆ นั่นแหละ ถึงได้ให้เลขาของตัวเองนัดให้เธอออกมาเจอที่โรงแรมหรูแบบนี้ ระหว่างที่พราวรุ้งกำลังเดินตามพนักงานเข้าไปในลิฟต์เพื่อให้อีกฝ่ายพาขึ้นไปยังห้องอาหารและไปนั่งตรงโต๊ะที่ถูกจองเอาไว้ ดวงตากลมโตของเธอเลื่อนผ่านกระจกใสแผ่นหนามองทัศนียภาพยามค่ำคืนของกรุงเทพมหานครด้วยอาการใจลอย คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยตามประสา “ถึงแล้วค่ะ คุณผู้หญิง” เสียงของพนักงานต้อนรับที่เป็นคนพาเธอขึ้นมาดังขึ้น ทำให้พราวรุ้งหลุดจากความคิดของตัวเองอีกระลอก เธอค่อย ๆ ก้าวเท้าเดินตามพนักงานต้อนรับไปอย่างเงียบ ๆ พร้อมแจ้งชื่อผู้จองตามที่เลขาของลูกค้าแจ้งมา “ที่จองไว้เป็นห้องส่วนตัวนะคะ” “ห้องส่วนตัวอย่างนั้นเหรอคะ” พราวรุ้งทวนคำพูดของพนักงานด้วยน้ำเสียงงุนงง “ใช่แล้วค่ะ” พนักงานต้อนรับพยักหน้ายืนยันกลับมาด้วยท่าทียิ้มแย้ม จากนั้นทำการผายมือให้หญิงสาวพร้อมทั้งเดินนำไปยังห้องรับรองท่ามกลางความงุนงงของเธอ นาทีต่อมาพราวรุ้งค่อยมาฉุกคิดกับตัวเองได้ว่าการที่ลูกค้าจองห้องอาหารแบบส่วนตัวเอาไว้นั้นมันเป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้ว เนื่องจากอีกฝ่ายคงเป็นคนที่มีหน้ามีตาทางสังคม อีกทั้งนี่ยังไม่ใช่การนัดทานข้าวเพื่อพูดคุยสัพเพเหระในเรื่องทั่ว ๆ ไปด้วย เมื่อเดินตามพนักงานมาถึงห้องอาหารแบบส่วนตัวเรียบร้อยแล้ว พราวรุ้งก็ไม่ลืมที่จะกล่าวขอบคุณพนักงานตามมารยาทอย่างที่คุณยายเคยสอนเธอไว้ตั้งแต่ที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ “ขอบคุณนะคะ” “ด้วยความยินดีค่ะ” พนักงานต้อนรับตอบกลับด้วยท่าทียิ้มแย้มเหมือนอย่างเคย จากนั้นเสียงปิดประตูห้องก็ดังขึ้นเบา ๆ หลังจากหล่อนเดินออกไปแล้วโดยปล่อยให้พราวรุ้งอยู่ในห้องรับรองแห่งนี้เพียงลำพัง ดูเหมือนว่าเธอจะเดินทางมาถึงที่นี่ก่อนเวลานัดหมายราวครึ่งชั่วโมงเห็นจะได้ มันเป็นนิสัยของเธอที่ไม่อยากให้ลูกค้าต้องมาเป็นฝ่ายนั่งคอย ระหว่างที่กำลังรอลูกค้าคนแรกอย่างใจจดใจจ่อนั้น พราวรุ้งก็ไม่ได้ปล่อยให้เวลาสูญไปโดยเปล่าประโยชน์ เธอเลือกที่จะใช้เวลาไปกับการประดิดประดอยคำพูดของตัวเองเนื่องจากต้องเจอกับอีกฝ่ายแบบกะทันหัน ทำให้ไม่มีเวลาคิดเรื่องคำพูด เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าควรจะใช้คำพูดอย่างไรหรือแสดงออกแบบไหนในการพบเจอกับลูกค้าของตัวเองเป็นครั้งแรก “ถ้าเราเรียกแทนตัวเองว่าพราวแล้วเรียกเขาว่าคุณ มันจะโอเคใช่ไหมเนี่ย” พราวรุ้งตบตีกับความคิดของตัวเองพร้อมทั้งคิ้วขมวด ทว่าในวินาทีเดียวกันเธอก็มีอาการสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อจู่ ๆ ประตูห้องอาหารส่วนตัวก็ถูกเปิดออกแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยพร้อมกับการปรากฏตัวของลูกค้าคนแรกของเธอพ่วงมาด้วยเลขาของเขา
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD