"ต้องแรงกว่านี้ อา...อืม..." เขาสื่อให้หล่อนพร้อมรับกับการสอดเสียบที่ล้ำลึกและรุนแรงกว่าเดิม องค์อินทร์สั่นคลอนไปตามการกระซวกเข้าหาจนตัวหล่อนงอติดกับหัวเตียงนอน แต่ความรู้สึกโหยกระหายกลับกลบเกลื่อนได้ทุกสิ่งทุกอย่าง รู้แต่เพียงว่า...อยากให้เขาเร่งแรงเติมเต็มอารมณ์ที่ขาดห้วงนี้ให้เต็มตื้นสมบูรณ์แบบเสียที
"แน่นเสียวจนฉันจะทนไม่ไหวอยู่แล้ว อืม...”
"อื้อ! อ๊ะ!!" ลำคอของหล่อนแห้งฝืด ลมหายใจหอบกระเส่า ร่างสั่นไหวไปกับแรงโยก แม้จะอยู่ในท่วงท่าแสนลำบากไม่เอื้อต่อการตอบสนองนัก แต่หล่อนก็แอ่นบั้นท้ายรองรับจังหวะเสียดแทงที่ล้ำลึก...ครั้งแล้ว...ครั้งเล่า ก่อนจะครางเปล่งเสียงแหบพร่าหวีดร้องในจังหวะที่เขากดเข้าหาเป็นครั้งสุดท้าย...
แล้วเรี่ยวแรงทั้งหมดก็สูญหายอ่อนเปลี้ยไปหมด ตัวนวลปวกเปียกดั่งขี้ผึ้งลนไฟ...รับรู้เพียงว่าหล่อนยังคงถูกเขาทารุณเช่นนั้นอยู่ครู่ใหญ่หลังจากตนเองได้หลุดพ้น แล้วเสียงครางดุจราชสีห์คำรามก็ดังก้องกลบเสียงลมหายใจหอบกระเส่าของหล่อน
ความรู้สึกตรงส่วนนั้นเหมือนมีของเหลวอุ่นร้อนบางอย่างหลั่งท่วมออกมาเปรอะง่ามขาคือสำนึกสุดท้ายที่หล่อนสามารถจับใจความได้ แล้วทุกอย่างก็ดับวูบมืดสนิท...
"..." ร่างใหญ่ของราวินฟุบซบลงบนร่างเล็กที่แน่นิ่งไปแล้ว หายใจหอบตัวโยนกลืนน้ำลายลงคอที่แห้งฝืด ก่อนจะขยับถอดถอนผละออกห่างจากกันและพลิกตัวลงมานอนข้างๆ กับคนไม่ได้สติ
"ฉันติดใจเธอซะแล้วล่ะปาย อืม...ต่อไปนี้เราคงต้องเร่งทำลูกกันทั้งวันทั้งคืนเลยทีเดียว..."
"ว่ายังไงนะ...เจอตัวองค์อินทร์แล้วเหรอ เจอที่ไหนทำไมไม่พามาพบแม่..." เสียงของมารดาดังเล็ดลอดผ่านโทรศัพท์มือถือด้วยความตื่นเต้นเมื่อเขาโทร. ไปบอกข่าวแก่ท่าน ชายหนุ่มเอนตัวพิงพนักโซฟาตัวยาวในห้องนั่งเล่นด้วยท่าทีสบายแล้วจึงตอบกลับ
"ใจเย็นๆ ครับ...ผมอยากให้เขาปรับตัวอีกหน่อย มันคงกะทันหันเกินไปสำหรับเขาในเรื่องที่เราต้องการ" "นั่นสิ...แล้วลูกคุยกับเขาว่ายังไงบ้าง อย่าวู่วามนะโรมน้องคงต้องการเวลา แต่ถ้าอธิบายให้เขาเข้าใจแม่เชื่อว่าคงไม่มีปัญหา อีกอย่าง...มันก็เป็นการดีด้วยที่เขาจะได้มีคนดูแล เพราะต่อให้ไม่มีหลักฐานเป็นลายลักษณ์อักษรมาผูกมัดกัน แต่แม่ก็เชื่อว่าองค์อินทร์ต้องรู้เรื่องการหมั้นหมายที่พ่อเขากับแม่เคยรับปากกันไว้"
"เรื่องนั้น...ผมจะคุยกับเขาอีกทีครับ" น้ำเสียงทุ้มเบาลง พลางคิดในใจว่ามาถึงขึ้นดูเหมือนอะไรๆ จะยุ่งยากกว่าที่คิดเอาไว้ เขาไม่รู้จะต้องลำดับเหตุการณ์อย่างไรให้องค์อินทร์เข้าใจและยอมรับด้วยความสดุดี
"แม่รอได้...แต่แม่ก็อยากให้มีข่าวดีเร็วๆ นี้ รีบทำความเข้าใจกันซะแล้วพาองค์อินทร์มาพบแม่ แม่จะได้ช่วยพูดให้อีกแรง"
"ครับๆ...แหม่ อีกหน่อยถ้าได้ลูกสะใภ้คนนี้ผมก็คงเป็นหมาหัวเน่าไปเลยสิท่า เห็นทีจะให้พบกันเร็วๆ นี้ไม่ได้แล้วสิ" ราวินแสร้งเย้า เพราะไม่อยากให้มารดาจับสังเกตได้ว่ามีความผิดปกติเกิดขึ้น
"อย่าโง่หน่อยเลย...แม่ดีใจต่างหากที่เพราะคนที่แม่รักจะได้อยู่ดูแลซึ่งกันและกัน แม่จะได้หมดห่วงเสียที"
"คุณแม่...ผมจะทำทุกอย่างให้ดีที่สุดผมขออย่างเดียว คุณแม่อย่าพูดอะไรแบบนี้อีกครับ" ช่วงหลังมานี้ชายหนุ่มรู้สึกได้เลยว่าท่านมักจะเอ่ยประโยคที่เขาไม่ใคร่อยากจะรับฟังนัก ในความเป็นลูกมันทำให้จิตใจหดหู่เหลือเกิน
"จ้าๆ อยากให้แม่อายุยืนยาวก็รีบมีหลานเร็วๆ นะ" มิวายทิ้งท้ายท่านก็ยังกำชับเรื่องสำคัญอีกตามเคย ราวินแค่นใจรับปาก ด้วยเห็นท่านมีความสุขกับเรื่องนี้เสียเหลือเกินจึงไม่อยากตัดรอนด้วยความจริงที่ว่า...เขากำลังทำเรื่องผิดบาปอย่างมหันต์เพื่อความปรารถนาของท่าน สองแม่ลูกคุยโทรศัพท์กันต่ออีกพักใหญ่ก่อนที่จะวางสาย ราวินยังคงครุ่นคิดหาหนทางทำความเข้าใจกับองค์อินทร์...หญิงสาวที่ถูกเขาทำร้ายจนบอบช้ำทั้งสภาพจิตใจและร่างกาย ไม่รู้จะกล่อมเกลาอย่างไรให้หล่อนยอมรับเหตุผลอันเลวร้ายของเขา มากไปกว่านั้น...ตัวเขาเองก็ไม่อยากปล่อยมือจากหล่อนเสียแล้ว...
"นายครับ!!! แย่แล้ว!" เสียงของจิรพัฒตะโกนเรียกหามาแต่ไกล พร้อมๆ กับร่างที่วิ่งพรวดเข้ามา ใบหน้าตื่นตระหนก
"มีอะไร..." ราวินยังเอ่ยถามเสียงเรียบ สายตาเหลือบมองเล็กน้อย
"คุณปาย...จะฆ่าตัวตายครับ ดีที่แม่บ้านเข้าไปเจอเสียก่อนก็เลยเรียกให้พวกผมเข้าไปช่วยเอาไว้ได้ทัน"
"แล้วตอนนี้เป็นยังไงบ้าง" คำตอบของจิรพัฒเรียกความสนใจจากราวินได้เพียงเล็กน้อย น้ำเสียงที่ถามยังคงนิ่งเฉย แต่เขาก็ลุกเดินเข้ามาหาการ์ดหนุ่ม
"ปลอดภัย...พยาบาลกำลังทำแผลให้อยู่ครับเธอเอามีดปอกผลไม้กรีดที่ข้อมือ" จิรพัฒก้มหน้ารายงานแต่เหลือบมองผู้เป็นนายที่เดินดุ่มๆ ผ่านตัวเขาไปในขณะนั้นโดยไม่ได้พูดอะไรอีก
"นายครับ...คุณปายเธอร้องไห้น่าสงสารมาก ผม..."
"นายไปตามหมอมา จิตแพทย์ด้วย...ให้หมอเอมจัดการเรื่องนี้ เธอรู้ดีว่าต้องทำยังไงบ้าง"
"ครับ" จิรพัฒได้แต่น้อมรับคำสั่งและทำตามอย่างเคร่งครัด แม้ในใจจะส่งสารและเวทนาหญิงสาวที่ถูกจับตัวมาเพียงใด แต่เขาก็ไม่มีสิทธิ์ไปก้าวก่าย ขึ้นชื่อว่า 'สมบัติของนาย' ย่อมเป็นสิ่งไม่ควรยุ่งหากไม่มีภาระหน้าที่ต้องไปข้องแวะ
ราวินเร่งฝีเท้าเร็วกว่าปกติไปยังห้องนอนที่เปรียบเสมือนอเวจีสำหรับใครบางคน การ์ดที่ยืนเฝ้าอยู่ด้านหน้าเปิดประตูห้องให้ เขาไม่รอช้าที่ผลุนผลันเข้าไปแม้สีหน้าจะยังคงเรียบเฉยแต่ทุกคนก็สังเกตได้ว่าชายหนุ่มร้อนรนกว่าที่ควรจะเป็น
ภาพแรกที่เขาเห็น...คือหญิงสาวในชุดนอนผ้าไหมซาตินสีชมพูดอ่อนไม่มีเสื้อคลุมนั่งเอนพิงหัวเตียงโดยมีหมอนรองเอาไว้ หล่อนซบหน้าลงบนหมอนใบใหญ่นั้นร่างสั่นระริก ข้างๆ มีนางพยาบาลคอยลูบคอยปลอบอยู่ไม่ห่าง พร้อมกับกล่องปฐมพยาบาลวางอยู่บนเตียงใกล้กัน สำลีและผ้าปิดแผลเปื้อนเลือดถูกเก็บใส่ภาชนะสำหรับทิ้งเรียบร้อยวางอยู่บนพื้นด้านล่าง มันเยอะ...พอสมควร หล่อนอาจหาญถึงเพียงนั้นเชียว...
"พอน..."
"คุณโรม...คือพอนกำลังดูแลคุณปายค่ะ คุณโรมมาพอดีเลย" นางพยาบาลในชุดลำลองหันมาตามเสียงเรียกและคลี่ยิ้มเจือเศร้าน้อยๆ
"ออกไปก่อนเถอะ เดี๋ยวหมอเอมคงมา พอนไปคุยกับหมอเอมให้ฉันก่อนทางนี้ฉันจะจัดการเอง"
"ค่ะคุณโรม" หล่อนรับคำและหันไปทางร่างเล็กที่ยังคงซบร่ำไห้อยู่กับหมอนไม่ได้สนใจเหตุการณ์
"พอนไปก่อนนะคุณปาย...อย่าคิดสั้นอีกนะคะอีกเดี๋ยวพอนจะมาอยู่เป็นเพื่อน" บอกกล่าวกับหญิงสาวผู้น่าสงสารเสร็จสรรพ พอนก็ลุกขึ้นเก็บอุปกรณ์ทุกอย่างแล้วก็ออกไปจากห้อง ปล่อยให้ราวินและองค์อินทร์เผชิญหน้ากันตามลำพังเป็นครั้งแรกหลังจากคืนอันวิปโยคผ่านพ้นไป "ทำไมถึงไม่บอกฉันตั้งแต่แรกว่าเธอ..." ไม่เคยมีใครมาก่อน ประโยคหลังนั้นถูกเก็บงำเอาไว้เพราะคิดว่าอีกฝ่ายคงจะรู้โดยไม่ต้องเอื้อนเอ่ยให้สะเทือนใจ
"..." หล่อนนิ่ง จนเขาได้ยินเพียงเสียงสะอื้นฮักที่บ่งบอกว่าหล่อนร้องไห้มานานมากแล้ว เพราะเสียงมันสั่นจนร่างสะท้อนเป็นจังหวะ ราวินถอนหายใจ...เขาไม่ใคร่จะชอบอยู่ในสถานการณ์แบบนี้สักเท่าไหร่หรอก มันบั่นทอนให้จิตใจของเขาให้พลอยหดหู่ไปด้วย
"เธอควรบอกฉันทุกเรื่อง...ไม่อย่างนั้นทุกอย่างจะยิ่งแย่" ชายหนุ่มยังไม่ละความพยายาม แต่หล่อนก็ยังนิ่งเฉย ไม่สนใจ ไม่รับรู้...
"ปาย...องค์อินทร์..." ราวินเดินเข้าไปใกล้ เอื้อมมือแตะไหล่เล็กที่ไหวสั่นและใช้แรงดึงหล่อนให้หันมาทางเขาเล็กน้อย
"แก! ไอ้สารเลว!!" ควับ!!
"โอ๊ย!!" ชายหนุ่มดึงกลับมือข้างนั้นอย่างว่องไวตามสัญชาตญาณเพราะความเจ็บและถอยครูดออกมาก่อนจะตั้งสติและมองหล่อนที่คอยๆ ลุกขึ้นยืนน้ำตานองหน้า ในมือถือมีดปอกผลไม้เล่มหนึ่ง ตรงข้อมือยังมีผ้าพันแผลสีขาวพันเอาไว้และเลือดไหลซึมออกมาเล็กน้อย
"ในเมื่อไม่ยอมให้ฉันตาย แกก็ตายซะเถอะ..."
"เล่นแรงนะเรา..." เขาแสยะยิ้มและปล่อยมือข้างที่บาดเจ็บ ยืนจ้องมองการเคลื่อนไหวของหล่อนโดยไม่ได้ยี่หระ
"ไอ้สารเลว...คนอย่างแกมันต้องไม่ตายดี" ดวงตาของหล่อนฉายแววเคียดแค้นชิงชังอย่างไม่คิดปิดบังใดๆ น้ำตาที่ไหลรินอาบแก้มชื้นบ่งบอกให้รู้ถึงความทุกข์ระทมที่แสนสาหัส
"เรียกผัวแบบนี้ไม่น่ารักเลย..." ราวินยังคงเก็บอาการไม่แสดงออกถึงความรู้สึกที่ค่อยๆ คุกกรุ่นขึ้นมาอย่างน่ากลัว แต่องค์อินทร์ก็จับสังเกตได้จากแววตาของเขาว่ามีบางอย่างที่น่ากลัวซุกซ่อนอยู่ หล่อนถือมีดเอาไว้มั่นในสองมืออันสั่นเทาและเกร็งเครียดจ้องตรงไปยังเขาด้วยจุดประสงค์ร้าย
ชายหนุ่มยกสองมือขึ้นเป็นสัญญาณยอมโอนอ่อนให้และเดินเวียนไปเรื่อยๆ ในขณะที่หล่อนก็ก้าวเข้าหาอย่างระมัดระวัง สายตาสองดวงจ้องกันเขม็ง ในความรู้สึกนั้นไม่ได้มีเยื่อใยจากความสัมพันธ์อันแนบแน่นเลยแม้แต่น้อยนิด
"ถ้าฉันต้องตาย! แกก็ต้องตายด้วย ฉันจะไม่ยอมอยู่ที่นี่เด็ดขาด!!" มือเล็กเงื้อมมีดขึ้นแล้วฟันฉับไปยังตัวเขาในขณะที่ปรี่ตรงเข้าหาด้วยความว่องไว แต่ราวินเร็วกว่า...เขาหลบได้อย่างทันท่วงทีและสามารถจับมือของหล่อนรวบเอาไว้ได้อย่างไม่ต้องเปลืองแรงมากนัก
"กรี๊ด!!" หล่อนถูกดึงเข้ามาแล้วพลิกตัวไขว้มือเอาไว้ด้านหลัง องค์อินทร์น้ำตาไหลพรากด้วยความคับแค้นใจแต่หล่อนก็ไม่ยอมปล่อยให้เสียงสะอื้นเล็ดรอดออกมาประจานตัวเองอีก หล่อนยอมกลืนมันลงคอพร้อมๆ กับก้อนจุกเจ็บในหัวอก มีดหล่นลงพื้นสิ้นฤทธา
"หมดฤทธิ์แล้วสิ เธอนี่พูดดีๆ คงไม่ชอบสินะถึงได้หาเรื่อง" น้ำเสียงของเขาเข้มขรึมขึ้นในขณะที่กำลังจับกดให้หล่อนอยู่นิ่ง ออกแรงมากขึ้นจนคนอ่อนแอกว่ารู้สึกเจ็บจนต้องหยุดดิ้นอยู่ในอ้อมแขนอาบเลือดของเขา
ร่างเล็กถูกดันให้เดินเข้าไปใกล้เตียงก่อนที่เขาจะหยุด และโน้มกระซิบข้างกกหูขาวนวล กลิ่นสาบสาวโชยเข้าจมูกอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงและเขาก็สูดดมด้วยความเผลอไผล ลืมความเจ็บตรงบาดแผลที่เลือดยังไหลไม่หยุดเสียสนิท