บทที่1.2

1831 Words
“ฉันทิ้งเธอจริง แต่เคยพูดเหรอว่า ‘เราจบกันแล้ว’ ‘เราเลิกกันแล้ว’ คิดว่าไม่นะ” ฉันแน่นิ่งเมื่อได้ยินคำตอบที่ไม่คิดว่าจะเห็นแก่ตัวขนาดนี้ของแอล เขาจะบอกว่าการทอดทิ้งฉันไว้อย่างโดดเดี่ยวในวันนั้นมันเป็นเรื่องขี้ประติ๋วและไม่มีน้ำหนักพอที่ฉันจะโกรธสินะ “ถ้าวันนั้นนายไม่ได้พูด วันนี้ฉันจะเป็นคนพูดมันเอง” ฉันมองลึกเข้าไปในดวงตาเขา “เลิกกันเถอะ” ตึง... แอลใช้กำปั้นของมืออีกข้างทุบกำแพงห้องอย่างรุนแรงและเอาแต่ใจ มันสั่นสะเทือนมาถึงแผ่นหลังของฉัน “เธอเลิก แต่ฉันไม่เลิก” ข้อมือฉันถูกบีบแน่นขึ้นอีกระดับ นัยน์ตาสีสวยสว่างวาบอย่างวาวโรจน์ “ฉันไม่เลิกกับเธอ... พลัม” “งั้นก็ตามใจ” “...” “ฉันจะเอาเวลาไปทำอย่างอื่นที่มีค่า ส่วนนายก็ได้แต่ทำตัวน่าสมเพชแบบนี้” ฉันเจ็บปวดที่แอลทำแบบนั้นก็จริง แต่คิดเหรอว่าตลอดระยะเวลาหนึ่งปีที่ผ่านมา... ฉันจะเอาแต่จมปรักอยู่กับผู้ชายเพียงคนเดียว แอล อนาวิล อย่างน้อยฉันจะเก็บไว้ในความทรงจำว่าครั้งหนึ่ง... เราเคยรักกัน [บทบรรยาย :: แอล] “หาเรื่องให้ปวดหัวไม่เว้นแต่ละวัน!” ผมนั่งหน้าบูดอยู่บริเวณห้องรับแขกขณะที่พ่อบังเกิดเกล้านาม ‘อักขระ’ ยืนเทศนาผมอย่างฉุนเฉียว ก็นะ ไม่แปลกหรอกที่ท่านจะโกรธขนาดนั้น ในเมื่อ... “ออกไปจากห้องฉันเดี๋ยวนี้!” “ไม่ออก!” “ได้” ลูกพลัมเป็นคนเด็ดขาด แต่ไม่คิดว่าเรื่องมันจะจบลงตรงที่เธอแจ้งตำรวจจับผมข้อหาบุกรุก สายตาที่เธอมองผมทั้งเย็นชาและไร้เยื่อใย เหมือนเธอจะสะใจด้วยมั้งที่ผมทำอะไรไม่ได้นอกจากปล่อยให้ตำรวจจับกุมและลากไปโรงพัก... เรื่องถึงหูพ่อผมอย่างไม่ต้องสงสัย ท่านต้องมาประกันตัวผมที่โรงพักและกระชากกลับบ้านเพื่อสั่งสอนเป็นการใหญ่ “พ่ออย่าเสียงดัง น้องนอน” ผมพยักพเยิดหน้าไปชั้นบน ตอนมาถึงบ้าน ผมเห็นแม่กำลังกล่อมน้องนอน ป่านนี้สะดุ้งตื่นแล้วมั้ง พ่อยิ่งเป็นคนใจร้อน ฉุนเฉียวง่ายอยู่ด้วย ผมมีน้องทั้งหมดสามคน น้องคนรองชื่ออาย คนต่อมาชื่ออชิ ส่วนน้องคนเล็กชื่ออิง แต่ผมเป็นคนเดียวที่ได้นิสัยใจร้อนของพ่อมาเต็มๆ หน้าตาก็คล้ายกัน แม่บอกว่าผมเหมือนพ่อสมัยหนุ่มๆ แต่หล่อกว่านิดหน่อย ที่จริงพวกท่านเรียกผมว่าเอเลน มันเป็นชื่อที่พวกท่านคิดไว้ตั้งแต่ก่อนผมคลอด แต่ผมไม่ชอบชื่อสองพยางค์เลยแทนตัวเองว่าแอล ลุงของผมก็เห็นดีเห็นงาม จนในที่สุดทุกคนก็เคยชินกับชื่อนี้ไปโดยปริยาย “ไม่ต้องเปลี่ยนเรื่อง บอกพ่อมาว่าไปทำอะไรที่นั่น” พ่อคงหมายถึงหอพักของลูกพลัม “เด็กผู้หญิงคนนั้น...” “อือ แอลไปหาเธอมา” คำตอบของผมทำให้พ่อต้องย่อตัวลงตรงหน้า สีหน้าท่านสงบนิ่งลงกว่าเดิม ผมรู้ว่าพ่อไม่พอใจ ในเมื่อลูกพลัมเป็นลูกสาวของอริเก่า แถมแม่ของเธอยังเคยเป็นคนที่พ่อรักมากๆ อีกด้วย แต่พ่อก็แค่ไม่พอใจเฉยๆ ไง ท่านรู้ แต่ไม่เคยห้าม ไม่เคยสั่งให้ผมเลิกยุ่งกับลูกพลัม อดีตมันติดอยู่ในใจพ่อ... ซึ่งเพราะผ่านมาแล้วเลยเลือกที่จะตักเตือนและปล่อยให้ผมตัดสินใจเอง เหตุการณ์เมื่อปีก่อนก็เป็นหนึ่งในการตัดสินใจของผมเหมือนกัน ผมจงใจทิ้งเธอไว้ จงใจไม่บอกเลิกเพื่อรอวันกลับไป จงใจทำให้มันเกิดขึ้นทุกอย่าง จงใจทำให้เธอ... ทุกข์ทรมาน ผมต้องการสั่งสอนเธอที่กล้าทรยศความรู้สึกของผม “อยากได้ก็รักษาไว้ดีๆ พ่อไม่ช่วย” พ่อใช้ฝ่ามือที่ทั้งหนาทั้งใหญ่ขยี้เรือนผมของผมจนยุ่งเหยิงไม่เป็นทรง คนแก่อย่างท่านคงจะผ่านร้อนผ่านหนาวมาเยอะสินะ “คืนนี้นอนไหน” “คอนโดฯ ครับ” ผมตอบและทำท่าจะล้วงบุหรี่ขึ้นมาสูบ แต่สายตาทรงอำนาจของพ่อสั่งให้ผมชะงักและเก็บซองบุหรี่ไว้ในกระเป๋ากางเกงเหมือนเดิม ลืมไป ห้ามสูบบุหรี่เวลาอยู่ในบ้าน นี่เป็นกฎที่แม่ตั้งขึ้นเพราะน้องๆ ยังเด็ก “อย่าลืมจัดการเรื่องเรียนให้เรียบร้อยด้วย” ความหงุดหงิดที่ไร้ซึ่งสุ้มเสียงแทรกซึมเข้ามาในใจผมทันทีเมื่อได้ยินคำพูดของพ่อ ความจริงปีนี้ผมควรขึ้นปีสี่ แต่มีเหตุจำเป็นที่ต้องดรอปไว้แล้วลงเรียนปีสามใหม่ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับลูกพลัม เป็นปัญหาของผมและ ‘อาจารย์ท่านหนึ่ง’ ซึ่งตอนนี้เธอถูกไล่ออกไปแล้ว เรื่องของลูกพลัมและอาจารย์ท่านนั้นเกิดขึ้นในระยะเวลาใกล้เคียงกัน อะไรๆ ก็เลยดูประจวบเหมาะไปซะหมดไง ส่วนสาเหตุที่ผมหงุดหงิดกับคำพูดของพ่อไม่ใช่ว่าไม่อยากเรียน แต่แม่ง... วิชาที่ต้องลงเรียนใหม่ดันยากฉิบหายนี่สิ! “เคครับ พ่อก็ดูแลแม่ดีๆ ด้วยนะ หยุดปั๊มน้องก่อน” คำพูดติดทะลึ่งของผมเหมือนเป็นบ่อเกิดแห่งหายนะไม่มีผิด เพราะหลังจากนั้นฝ่ามืออรหันต์ของพ่อบังเกิดเกล้าก็ฟาดเต็มกบาลผมจนสั่นคลอนไปทั้งตัว “แอลเจ็บนะพ่อ!” ผมยกมือลูบศีรษะตัวเอง กับน้องๆ ไม่เคยจะดุหรอก พอเป็นผมเท่านั้นแหละ... เดี๋ยวด่า เดี๋ยวตี แม่บอกว่านั่นเป็นวิธีแสดงความรักของพ่อ ตลกแล้ว แบบนี้ผมไม่ตายก่อนเรียนจบหรือไงวะ “จะไปไหนก็ไป พ่อเหม็นขี้หน้าแกเต็มทน” ปากก็ไล่นะ แต่เดินมาส่งที่หน้าบ้านเฉยเลย พ่อใคร ทำไมย้อนแย้ง... [จบบทบรรยาย :: แอล] คืนวันเสาร์ ด้วยความที่ทำรายงานมาหลายสัปดาห์ติด วันนี้ฉันเลยมาคลายเครียดที่คลับชื่อดังแห่งหนึ่งซึ่งตั้งอยู่ในตัวเมือง ความจริงฉันชวนสีเพลิงมาเป็นเพื่อนด้วยนะ แต่แฟนยัยนั่นเป็นพวกขี้หวงจึงห้ามไม่ให้มา อีกอย่างสีเพลิงไม่ถูกกับแอลกอฮอล์ด้วย ฉันเองก็ไม่ซีเรียสอะไรขนาดนั้น กะว่าดื่มนิดหน่อยคงกลับ แล้วไม่ต้องห่วงนะ ฉันเป็นคนรู้ลิมิตตัวเองดี ไม่มีทางปล่อยให้ตัวเองเมาแอ๋เป็นหมาแน่ๆ ครืดๆ ระหว่างนั่งฟังดนตรีสดอยู่นั้น เครื่องมือสื่อสารก็สั่นเตือนอยู่ในกระเป๋ากางเกง ทำให้ฉันต้องล้วงขึ้นมาดู ปรากฏว่าเป็นข้อความของผู้ชายคนหนึ่ง ใจความมีอยู่ว่า ‘อย่ากลับดึกนะ อย่าดื่มเยอะด้วย’ และเขาคนนั้นคือ... คิม เขาเรียนอยู่คณะเดียวกับฉัน อยู่ในสถานะมากกว่าเพื่อนแต่ไม่ใช่แฟน ความรู้สึกที่ฉันมีต่อเขายังเฉยๆ อยู่นะ แต่ค่อนข้างสบายใจเพราะเขามีความเป็นผู้ใหญ่ ไม่งี่เง่าและทำตัวเสเพลเหมือนใครบางคนด้วย ฉันตอบคิมไปว่า ‘รับทราบครับ!’ พร้อมอีโมน่ารักๆ อีกหนึ่ง จากนั้นก็นั่งดื่มต่ออีกหน่อย จนเวลาห้าทุ่มครึ่งฉันก็เช็กบิลเตรียมกลับ แต่การหมุนตัวอย่างรวดเร็วทำให้ฉันปะทะเข้ากับแผงอกแข็งแกร่งจนต้องทิ้งตัวนั่งบนโซฟาตัวเดิม พอเงยหน้าขึ้นเท่านั้น ฉันก็ได้คำตอบว่าเขาคือแอล ผู้ชายสารเลวที่ฉันแจ้งตำรวจจับไปวันนั้น แต่ไม่สำนึกและกล้าเสนอหน้ามาหาถึงที่นี่! “แต่งตัวแซ่บดีนะ” เขาทักทายด้วยคำชมพร้อมสายตาลามเลียจาบจ้วง “อ่อยใครล่ะ?” นัยน์ตาคมกริบหยุดที่ใบหน้าฉัน ก่อนจะเคลื่อนขึ้นมาสบตาฉันตรงๆ อย่างจงใจ “ใครก็ได้ที่ไม่ใช่นาย!” ฉันหยัดตัวขึ้น ทำท่าจะเบี่ยงตัวไปอีกทาง หมับ! แต่แอลก็คว้าข้อมือฉันอย่างแรง ก่อนกระชากมายืนตรงหน้าอีกครั้ง! “อย่าอ่อยให้มันมาก!” “แอล! นายจะทำอะไร” ฉันตะเบ็งจนแสบร้อนไปหมดทั้งคอ แต่ดูเหมือนว่าผู้ชายนิสัยเสียจะไม่สนใจ เขาเลยกล้ากระชากโทรศัพท์มือถือฉันไปเปิดดูอะไรสักอย่างภายในนั้น เขาใส่รหัสผ่านของฉันถูกต้อง หมายความว่าเขายังจำมันได้สินะ เหอะ ไม่กี่วินาทีต่อจากนั้น ริมฝีปากสีแดงติดคล้ำยกขึ้นเล็กน้อย แต่แววตากลับเต็มไปด้วยความชั่วร้าย “แฟนใหม่ที่ว่าคือไอ้คิม?” ต่อมาความชั่วร้ายเหล่านั้นก็ถูกส่งตรงที่ฉัน นั่นแปลว่าเขาเห็นข้อความของคิม รวมถึงบทสนทนาของเราสองคน “ฉลาดพอก็น่าจะเข้าใจ หยุดถามแล้วเอาคืนมา” ไม่เข้าใจผู้ชายคนนี้เลยจริงๆ เขาต้องการอะไรจากฉันกันแน่ ในเมื่อเขาเป็นฝ่ายเลือกและเดินจากไปเอง จะกลับมาทำตัวเป็นหมาหวงก้างทำไม น่าสมเพชจริงๆ “รอเวลานี้อยู่แล้วว่างั้น?” ฉันไม่ได้โง่ขนาดจะไม่เข้าใจสิ่งที่เขาถาม ฉันกับคิมรู้จักกันตั้งแต่ปีหนึ่งแล้ว เขาแสดงออกมาตลอดว่าสนใจฉัน แต่ฉันไม่เคยคิดเกินเลยมากกว่าความเป็นเพื่อน และตอนนั้นฉันก็มีแอลอยู่แล้วด้วย แอลคงคิดว่าหนึ่งปีที่เขาหายไปคือการเปิดช่องโหว่ให้คิมขยับเข้ามาใกล้ฉันมากขึ้น และฉันก็ดันเล่นด้วยเหมือนรอคอยให้เวลามาถึง “แล้วนายจะอยากรู้ไปทำไม เป็นอะไรกับฉันไม่ทราบ?” ฉันมองหน้าเขาอย่างเอาเรื่อง “ผัวเธอไง!” “...” ฉันกำหมัดแน่น มันสั่นสะท้านมากจนควบคุมไว้แทบไม่อยู่ หน้าด้าน กล้าดี สารเลว จะสรรหาคำไหนมาปรามาสคนแบบเขาดีนะ “หรือคืนนั้นโดนไปสี่ยกยังไม่พอ?” แอลกระตุกยิ้มมุมปาก เป็นรอยยิ้มที่ทั้งอันตรายและแผ่รังสีชั่วร้าย เขาย่างเท้าเข้ามาใกล้ฉันอีกนิดจนในที่สุดก็เหลือช่องว่างเพียงแค่กระดาษกั้น “...ในนั้นไหม?” แอลพยักพเยิดหน้าไปบริเวณห้องน้ำ เมื่อกี้มีผู้หญิงเซ็กซี่ๆ ออกมาพร้อมผู้ชายคนหนึ่ง เหงื่อเต็มตัว... ตีความหมายได้ง่ายๆ เลยว่าแอลกำลังหยาบคายใส่ฉัน เขาพูดถึงเรื่องคืนนั้น คืนที่ทำให้ฉันเป็นของเขา... นานนับชั่วโมง มันจะเกินไปแล้ว ผัวะ! ไวเท่าความคิด ฉันฟาดกระเป๋าหนังสีดำเต็มหน้าเขาเป็นการสั่งสอน พวงกุญแจรูปโซ่กระแทกเต็มโหนกแก้ม... ทำให้เขาได้เลือดตามมาอย่างไม่ต้องสงสัย “ฉันมีค่ามากกว่าที่นายคิด อย่าเอาความคิดต่ำๆ มาเหมารวมแล้วไปให้พ้นจากชีวิตฉันซะ!” “...” “ไปให้ไกลๆ แล้วไม่ต้องกลับมา ตายไปเลยยิ่งดี”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD