บทที่ 0
29 มีนาคม 25xx เวลา 21:21 นาฬิกา
“แอล!”
ฉันตะเบ็งสุดเสียงขณะถูกผู้ชายตัวสูงเจ้าของเรือนผมสีแดงสดกระชากเข้าไปในคอนโดฯ โดยไม่ปริปากพูดอะไรสักคำเดียว
ชื่อของเขาคือ ‘แอล’ และเขาเป็นแฟนของฉัน
เราคบกันมาสองปีกับอีกสามร้อยหกสิบสี่วัน
วันนี้คือวันครบรอบสามปีของเรา แต่...
พลั่ก
อ๊ะ!!
ภวังค์ความคิดถูกกระชากออกและทำลายจนป่นปี้เมื่อฝ่ามือหนาจัดการผลักฉันลงบนโซฟาหนังสีเลือดหมู ก่อนร่างสูงจะตามขึ้นมาคร่อมพร้อมแววตาดำมืดราวกับปีศาจ... เขาจ้องหน้าฉันผ่านแสงไฟจากด้านนอกที่เล็ดลอดผ่านผ้าม่าน ฉันดูออกว่าเขากำลังโกรธจนยับยั้งตัวเองไม่อยู่
ตลอดระยะเวลาที่เราคบหาดูใจกัน ต้องยอมรับจริงๆ ว่าเราสองคนทะเลาะกันบ่อยมาก แต่มีเพียงไม่กี่ครั้งเท่านั้นที่เขาจะเกรี้ยวโกรธจนดูน่ากลัวแบบนี้
“พลัม ฉันทำกับฉันแบบนี้ได้ไง” หลายนาทีที่เขาเอาแต่เงียบและจ้องหน้าฉัน ในที่สุดเจ้าตัวก็ยอมปริปากเอ่ยออกมาหนึ่งประโยค ฉันขมวดคิ้วทันทีที่ได้ยิน เผลอขยับตัวถอยหลังโดยสัญชาตญาณ ทว่าข้อเท้ากลับถูกแอลตะปบไว้แน่น เขาบีบมันทั้งๆ ที่ยังมองฉันผ่านแววตาน่าเกรงขาม
นั่นทำให้ฉันย้อนกลับมาคิดว่าตัวเองทำอะไรพลาดไปตอนไหนหรือเปล่า
“ฉันยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะแอล” ฉันสะกดกลั้นอารมณ์ตัวเองอย่างสุดความสามารถ พยายามเอาความใจเย็นเข้าสู้ทั้งที่ความจริงฉันโกรธจนแทบบ้าที่เขาบุ่มบ่ามและทำรุนแรงกับฉันแบบนี้
แอลบีบจนฉันเป็นรอยแดง คิดดูแล้วกันว่าเขาเสียสติแค่ไหน
‘รักเธอนะ’
‘อือ’
‘ไม่ต้องกลัว ฉันอยู่ข้างเธอ ไม่มีวันทำให้เธอเจ็บปวดแน่’
โกหกทั้งเพ
อยากพูดมันพูดได้ พอเอาเข้าจริงๆ เขาก็ทำให้ฉันเสียความรู้สึกอยู่ดี
“กลับกลอก” แอลครหาฉันด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบจนเหมือนว่าความรู้สึกฉันกำลังถูกแช่แข็ง แต่ความคุกรุ่นที่ก่อตัวขึ้นอยู่ในอกหลังจากนั้นสั่งให้ฉันยกมือตบหน้าแอลดัง ‘เพียะ!’
ใบหน้าหล่อเหลาหันเหตามแรงอย่างไม่สามารถหักห้ามได้ แต่เพียงไม่นานเขาก็ค่อยๆ ลากสายตากลับมา
เลือดปริ่มมุมปากเขา กลิ่นคาวคละคลุ้งกระทบประสาทการรับกลิ่นของฉันทันที
“ด่าฉันเหรอ!?” ฉันถามเขาอย่างไม่อยากจะเชื่อ
แอลใช้คำว่า ‘กลับกลอก’ กับฉันคนนี้! คนที่ไม่เคยคิดจะนอกใจเขาเลยสักครั้ง มีแต่เขาทั้งนั้นที่ทำให้ฉันเสียใจอยู่เรื่อย ทั้งเรื่องต่อยตี เรื่องผู้หญิง และอีกหลายเรื่องที่ฉันไม่อยากพูดถึง
“แล้วที่นี่มีใครให้ด่าอีก!”
“อย่ามาทำตัวต่ำๆ กับฉันนะ” ฉันเริ่มถีบ แต่คราวนี้แอลตอบแทนฉันด้วยการสอดมือเข้าไปในกระโปรงนักศึกษาของฉัน อันเดอร์แวร์ถูกกระชากทิ้งไปต่อหน้าต่อตา
มันง่ายดายจนเหมือนว่านั่นเป็นเพียงกระดาษแผ่นบาง
“เธอทำให้ฉันเป็นแบบนี้เองนะพลัม แล้วอย่ามาหาว่าฉันเลว”
“...!”
สิ่งห่อหุ้มร่างกายถูกกระชากออกทีละชิ้น ทีละชิ้น จนในที่สุดฉันก็ไม่มีอะไรปิดบังเรือนร่างของตัวเองอีกต่อไป
ตอนนี้แอลดูน่ากลัวจนฉันแอบคิดว่าคนตรงหน้าไม่ใช่ผู้ชายที่ฉันรู้จัก นัยน์ตาคมกริบคู่นั้นดูกลมกลืนกับความมืดรอบตัวอย่างไม่น่าเชื่อ
แอล... เหมือนเขากำลังอยากฆ่าฉันให้ตายคามือยังไงก็ไม่รู้
ฉันดิ้นเป็นการขัดขืนเมื่อเขาโถมตัวลงมาจนร่างฉันจมลงไปกับโซฟา แต่ก็อย่างว่า แอลทรงพลังทั้งเรี่ยวแรงและเคลื่อนไหว ทุกอย่างในมือเขาตอนนี้กลายเป็นแค่อะไรสักอย่างที่เขาสามารถทำลายได้อย่างง่ายดาย
และใช่ ฉันรู้สึกว่าตัวเอง ‘เป็นอะไรสักอย่าง’ สำหรับเขา อะไรสักอย่างที่ไม่ใช่ ‘ลูกพลัม’ ผู้หญิงคนที่เขาเคยบอกว่า ‘รัก’
แอลไม่พูดว่าเกลียด แต่ตอนนี้แววตาของเขาบอกหมดทุกอย่าง
แล้วฉันรู้สึกจากก้นบึ้งของหัวใจว่าสิ่งที่เขามีให้มันมากกว่าคำว่าเกลียด มันมากกว่านั้นหลายเท่า
“นายทำฉันเจ็บ!” โทนเสียงที่เปล่งออกไปกระท่อนกระแท่นจนฟังแทบไม่ได้ศัพท์ ซึ่งแน่นอนว่าคำพูดของฉันไม่ส่งผลใดๆ ต่อเขา ไม่เลยแม้แต่เศษเสี้ยว
แอลน่ะ เขาแทรกกายเข้ามาจนเชิงกรานแนบชิดกับผิวหนังของฉัน วินาทีนั้นฉันสัมผัสได้ถึงความร้อนระอุและความปวดแปลบจากการถูกยัดเยียด
น้ำตาฉันปริ่มออกมาหนึ่งหยด ยกมือตบตีจนได้แผลเป็นสิบๆ แผลแอลก็ไม่รามือ สิ่งที่ฉันทำเพื่อป้องกันตัวเองกลับกลายเป็นการกระตุ้นให้เขาโถมกายเข้ามาจนได้ยินโซฟากระทบผนัง ร่างกายฉันสะท้อนขึ้นลงตามการควบคุมของเขา
แน่นอนว่าการกระทำของเขาเหมือนเป็นการบังคับให้ฉันส่งเสียงบางอย่างออกมา แต่หอบหายใจออกมาได้เพียงสองครั้ง เขาก็ดูดกลืนมันด้วยริมฝีปากร้อนผ่าวซึ่งยังคงรสชาติในแบบผู้ชายที่ฉันคุ้นเคยเอาไว้
กลิ่นบุหรี่ผสมกับกลิ่นมิ้นต์
ฮึก...
ฉันควรจะกอดเขา ควรตอบรับเขา แต่สมองและหัวใจสั่งให้ฉันต่อต้านทุกๆ การเคลื่อนไหวเหมือนการกระทำของเขาเป็นสิ่งที่น่ารังเกียจ
ซึ่งเมื่อต่อต้านหนึ่งครั้ง ความรุนแรงจะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าจากเดิม จนในที่สุดแอลก็ทำมันไปอย่างนั้นมากกว่าหนึ่งครั้งเพื่อย้ำเตือนว่าสิ่งที่ฉันทำมันร้ายแรงและสมควรได้รับการลงทัณฑ์
ฉันทำอะไรผิดกันนะ ฉัน...
‘ฉันจะไม่ทำร้ายเธอ’
‘ฉันจะปกป้องเธอนะพลัม’
คนที่บอกว่าจะปกป้องฉัน คือคนเดียวกันที่ลงมือทำร้ายฉันอยู่ในตอนนี้
“อะ ไอ้เลว”
ฉันด่าทอเขาทุกครั้งเมื่อมีแรง ส่งเสียงถามเพื่อหาสาเหตุที่เรามาลงเอยด้วยอะไรแบบนี้ทุกครั้งเมื่อเขามองหน้า แต่รู้ไหม แอลไม่พูดอะไรสักคำ เขาจัดการฉันจนหนำใจถึงได้ผละตัวออก เก็บเสื้อผ้าตัวเองขึ้นมาสวมแล้วจากไปโดยไม่หันกลับมามองแม้แต่หางตา
เขาหายไป
ทิ้งฉันไว้คนเดียว... เป็นปี