บทที่3.2

1319 Words
[บทบรรยาย :: แอล] “ฟู่...” ผมยืนสูบบุหรี่อยู่มุมหนึ่ง... ซึ่งเป็นจุดที่มองเห็นการสัญจรบนท้องถนนได้อย่างชัดเจน รวมถึงลูกพลัมที่ขึ้นแท็กซี่จากไปเมื่อกี้ หนีได้ก็หนีไป เธอหนีได้ ผมก็ตามได้ จะยากอะไร ผมมองตามแท็กซี่คันนั้นจนลับสายตา ไม่ได้ร้อนรนจนอยากตามไปเดี๋ยวนี้ เพราะไม่ว่าจะช้าหรือเร็วผมมั่นใจว่าตัวเองสามารถพาลูกพลัมกลับมาได้อยู่วันยันค่ำ ผมสูบบุหรี่จนหมดมวนถึงได้กลับเข้าไปในห้อง วินาทีแรกผมเห็นไอ้น้องสาวจอมซนวิ่งแจ้นมาต้อนรับ ตอนแรกก็ยิ้มแย้มดีอยู่หรอก แต่พอเห็นว่าเป็นผมเท่านั้นแหละ กลับมาทำหน้าบูดแทบไม่ทัน ไรวะ... “นึกว่าพี่ลูกพลัม!” ผมยักไหล่ให้ขณะเดินสวนยัยนั่นกลับเข้าไปในห้อง สองตามองข้าวของเครื่องใช้ของลูกพลัมซึ่งแทบจะไม่มีอะไรหายไป คงเอาไปแค่โน้ตบุ๊กและของจำเป็นแค่ไม่กี่อย่าง “พี่ลูกพลัมหนีไปแล้วใช่ไหม บอกหนูมานะ” “เดี๋ยวพากลับมา” ผมตอบเสียงเนือย ก่อนหมุนตัวกลับไปหายัยตัวเล็กที่ยืนทำหน้าบึ้งอยู่ใกล้ๆ แอบเห็นถุงยาในมือยัยนั่นด้วย “พี่ทำให้พี่ลูกพลัมเสียใจ ไม่แปลกหรอกที่เค้าจะไม่อยากอยู่ด้วยอ่ะ!” ยัยน้องสาวตัวแสบกระชากเสียงใส่ ทำหน้าทำตาเหมือนผมผิดนักหนา แต่ก็ไม่วายใช้มืออีกข้างลูบมุมปากผมเบาๆ “นี่ไม่ได้ทำแผลมาใช่ไหม ทำไมดื้องี้ล่ะ” “แผลกับพี่เป็นของคู่กัน ชิลๆ” ผมตอบแบบไม่คิดอะไร “อย่ามาอวดเท่! แผลเยอะแบบนี้พี่ลูกพลัมขยะแขยงตายเลย หัดอยู่อย่างสงบสุขบ้างสิ จะไม่ได้มีหน้าหล่อๆ ไว้โชว์บ้าง” ยัยน้องสาวปากดีเทศน์ผมอีกแล้ว ตัวเล็กเท่าลูกหมาสายพันธุ์ปอมปอม แต่อวดเก่งเบ่งกล้ามราวกับราชสีห์ แม่งน่าหมั่นไส้ “พูดมาก!” ด้วยความทนไม่ไหวผมเลยเอาปากที่มีแผลจุ๊บแก้มนุ่มนิ่มของอายซะเลย ยัยนั่นทำเสียง ‘อี๋’ ใส่ผมอย่างขยะแขยงปนรังเกียจ แถมยังเอาถุงยาฟาดผมไม่ยั้งอีกด้วย “หนูจะฟ้องพ่อ คราวนี้พี่โดนพ่อปาดคอแน่!” ว่าจบก็เดินตึงตังไปนั่งเล่นที่ห้องรับแขก ลืมบอกไปว่าช่วงเช้าตรู่ของวันนี้ผมออกไปข้างนอก กะว่าจะซื้อน้ำเต้าหู้ร้อนๆ ไปให้ยัยมนุษย์เมนส์ไง จำได้ว่าชอบกิน... แต่บังเอิญเห็นไอ้คิมเข้าซะก่อน ผมเป็นฝ่ายเข้าไปถามมันตรงๆ เกี่ยวกับเรื่องของลูกพลัม ผมกับไอ้คิมไม่ถูกกันมาตั้งปีหนึ่งแล้ว พอเรื่องเป็นแบบนั้นการจะพูดคุยให้ถูกหูเลยเป็นเรื่องยาก รู้ตัวอีกทีพวกเราก็ซัดกันจนน่วม กระทั่งมีคนแถวนั้นโทรเรียกตำรวจนั่นแหละ พอดีกับที่ตำรวจคนนั้นรู้จักกับครอบครัวผม จึงโทรไปที่บ้าน สุดท้ายผมเลยถูกพ่อลากกลับไปสั่งสอนอีกครั้ง หลังจากโดนพ่อเทศน์จนหูชา แม่ก็ประกาศกร้าวว่าถ้ามีเรื่องกับคนอื่นอีกจะยึดบัตรเอทีเอ็ม ผมว่านะ... ไม่เกินเดือนคงโดนยึดไปชัวร์ “เดี๋ยวมานะ” ผมเข้าไปล้างหน้าล้างตา เอาพลาสเตอร์ยาติดหางคิ้วและสันจมูกพอเป็นพิธีก่อนจะออกมาบอกยัยน้องสาวตัวจ้อยที่นั่งห้อยขาดูซีรีส์อยู่ในห้องรับแขก “ไปตามพี่ลูกพลัมกลับมาใช่ไหม ไปด้วย!” อายกระเด้งตัวขึ้น วิ่งไปใส่รองเท้าเรียบร้อย แต่ผมส่ายหน้าไปมาเป็นเชิงปฏิเสธ “พี่ไปเอง แกอยู่นี่ หรือถ้าไม่อยากอยู่ก็กลับห้องตัวเองไป” อายเพิ่งย้ายเข้ามาอยู่ที่คอนโดฯ นี้ได้ไม่นาน แต่อยู่คนละชั้นกับผม “การบ้านมีก็ไปทำ” “ถ้าหนูไม่ไป ใครจะมารับประกันว่าพี่จะไม่ทำร้ายพี่ลูกพลัม!” “เห็นพี่เป็นคนยังไงวะเนี่ย” ผมเขกมะเหงกอายไปหนึ่งที “เชื่อเหอะ ไม่ทำไรหรอก จะพากลับมาดีๆ” “...” อายหรี่ตามองอย่างไม่อยากเชื่อ แต่จนแล้วจนรอดก็ยอมปล่อยให้ผมไปคนเดียว ที่บอกว่าจะพากลับมาดีๆ... ผมหมายถึงถ้าลูกพลัมไม่พยศใส่น่ะนะ ถ้าเธอดื้อด้านจนน่าตี นั่นมันก็อีกเรื่อง [บทบรรยาย :: แอล] “อือ...” ฉันครางอย่างหงุดหงิดเมื่อมีบางอย่างคล้ายไรหนวดเคลื่อนไหวอยู่บริเวณแก้ม ทั้งจักจี้และน่าขนลุก สิ่งเหล่านั้นทำให้ฉันลืมตาขึ้นท่ามกลางความมืด อย่างแรกที่ฉันเห็นคือเงาสูงใหญ่ของผู้ชายคนหนึ่งกำลังคร่อมทับร่างฉันอย่างอันตราย “นาย..." เสียงฉันแผ่วเบาจนเเทบเป็นการกระซิบ “หนีได้ไกลแค่นี้เองเหรอครับคนสวย?” ฉันสะดุ้งเฮือกอย่างตื่นตระหนกเมื่อโทนเสียงแหบพร่าที่ฟังดูเซ็กซี่แต่น่ากลัวสุดๆ กระซิบชิดใบหู ฉันยกมือขึ้น หมายจะตบไอ้โรคจิตบนร่างตัวเองให้หัวหลุด แต่ข้อมือกลับถูกคว้าเอาไว้อย่างรู้จังหวะ! แอล! เขา... ถึงกับพูดไม่ออกเมื่อพบว่าผู้ชายที่ตัวเองเพิ่งหนีมาได้ไม่นานปรากฏตัวอยู่ตรงหน้า แถมยังคร่อมทับร่างฉันอย่างล่อแหลมอีกด้วย “ไอ้... ถอยไป!” ตวาดไม่พอ ยังดิ้นสุดแรงเป็นการต่อสู้ แต่แอลร้ายกาจกว่าฉันหลายขุมจึงตรึงข้อมือทั้งสองแนบติดกับผ้าปูเตียง... เขาเอาใบหน้ามาเคลียคลอจนปอยผมนุ่มเหมือนขนแมวเป่าปัดผิวแก้ม นี่บ้านสีเพลิงนะ เขาตามมาถึงที่นี่เลยเหรอ แล้วเพื่อนฉันล่ะ! ยัยนั่นไปไหน แอลทำอะไรสีเพลิงหรือเปล่า! บ้าเอ๊ย... “ก็มาตามเธอกลับ” แอลจูบมุมปากฉันหนึ่งทีก่อนกระซิบบอกด้วยโทนเสียงที่น่าหวั่นใจ ห้องมืดมากจริงๆ ฉันพยายามเพ่งสายตามองเวลาจากนาฬิกาบนฝาผนัง ถ้าตาไม่ได้ฝาดไป... ตอนนี้สามทุ่มแล้ว ฉันมาถึงบ้านสีเพลิงตอนบ่ายสอง จำได้ว่านั่งกินข้าวและเล่าเรื่องทั้งหมดให้เธอฟัง จากนั้นก็เช็ดเนื้อเช็ดตัว กินยาแล้วเข้านอน ความจริงสีเพลิงอยู่กับพี่ชายสองคนที่นี่ แต่ผู้ชายที่ชื่ออัคคีอะไรนั่นไม่ค่อยอยู่ติดบ้านเนื่องจากงานที่รัดตัว วันนี้จึงมีเพียงฉันและสีเพลิงแค่สองคน เธอควรอยู่ที่นี่ และไม่มีทางปล่อยให้แอลเข้ามาง่ายๆ แบบนี้แน่ มันเกิดอะไรขึ้น! แอลบังคับเพื่อนฉันหรือเปล่า มันขู่เพื่อนฉันใช่ไหม “ฉันไม่กลับ!” ฉันปฏิเสธแบบไม่ต้องคิด แต่คำพูดนั้นกลับเป็นการกระตุ้นให้แอลรุ่มร่ามฉันมากยิ่งขึ้น ริมฝีปากร้อนผ่าวสัมผัสปลายคางฉันในลักษณะของการดูดดึง นี่เขาคิดว่าตัวเองเป็นปลิงหรือไง! “งั้นต้องบังคับแล้วนะ” “แอล! นายเป็นบ้าไรเนี่ย” ฉันถามเสียงดังเมื่อแอลผละตัวออกและจัดการช้อนร่างฉันไว้ในอ้อมแขนอย่างเอาแต่ใจ ฉันเงยหน้าขึ้นมองเขา แต่เห็นเพียงปลายคางได้รูปและไรหนวดอ่อนๆ “ทำตัวเลวๆ แบบนี้คิดว่าตัวเองเจ๋งนักเหรอ!” ถ้าไม่เป็นไข้ทับระดูจนหมดแรงขนาดนี้นะ สาบาน... ฉันจะหามีดมากะซวกเขาให้ไส้ไหล ถ้าไม่ตาย ฉันก็ทำจนกว่าเขาจะตาย! “เจ๋ง” แอลตอบ “เจ๋งพอจะทำให้เธอหมดแรงภายในหนึ่งนาที ลองไหม?” จังหวะนั้นแอลก้มหน้าลงมา เเววตาเขาเต็มไปด้วยประกายไฟ มันร้อนเเรงเเต่ก็เยือกเย็น
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD