ภาพที่ 1.1 : メッセージ ข้อความ

1640 Words
ภาพที่หนึ่ง メッセージ ข้อความ ติ๊ง! หน้าจอสมาร์ตโฟนที่เรืองแสงในความมืดปลุกให้หญิงสาวร่างเล็กสะดุ้งตื่นจากห้วงฝันที่พร่าเลือน เอมมาลินกะพริบตาปริบๆ สะบัดหน้าไปมาเพื่อขับไล่ความง่วงงุนให้หายไป หน้าจอแลปทอปตรงหน้าดับไปแล้วแต่แสงไฟตรงปุ่มเพาเวอร์ยังกะพริบอยู่ นี่เธอเผลอหลับคาโต๊ะอีกแล้วเหรอ คนคิดหน้ามุ่ยพลางยกมือเสยผมที่ยาวประบ่าออกจากใบหน้ารูปไข่ เอื้อมมือไปเปิดโคมไฟรูปร่มบนโต๊ะอย่างเคยชิน แสงสว่างจากหลอดไฟทำให้เธอตื่นอย่างเต็มตา เอมมาลินปิดปากที่หาวหวอดก่อนจะคว้าโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดูหน้าจอ [คุณได้รับอีเมลใหม่ 1 ฉบับ] เอมมาลินมองข้อความที่เด้งขึ้นมาอย่างสนใจ แต่ยังไม่ทันเปิด สายตาก็เบนไปเห็นตัวเลขเด่นหราตรงมุมบนขวาสุดเข้าเสียก่อน ตีสี่ครึ่ง! ถ้าเป็นเวลาปกติเธอคงอารมณ์เสียจนเหวี่ยงโทรศัพท์มือถือลงบนเตียงไปแล้ว แต่สำหรับวันนี้เธอแทบอยากมุดหน้าจอเข้าไปกราบคนที่ส่งอีเมลมาปลุกได้ทันเวลาพอดี เอมมาลินวางโทรศัพท์มือถือลงบนโต๊ะก่อนจะผุดลุกขึ้นด้วยความเร็วสูง เจ้าของร่างเล็กที่มีความสูงเพียงหนึ่งร้อยห้าสิบห้าเซนติเมตรเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าโดยที่ยังไม่เปิดไฟ คว้าเอาเสื้อที่อยู่ใกล้ที่สุดตามมาด้วยกางเกงและของอื่นๆ จากนั้นก็วิ่งหน้าตั้งเข้าไปในห้องน้ำ หญิงสาวใช้เวลาสิบนาทีในการอาบน้ำ เมื่อเรียบร้อยแล้วก็คว้ากระเป๋าเป้และกระเป๋ากล้องใบเก่า รีบย่องลงบันไดไปชั้นล่าง บ้านของเธอมีขนาดกลาง สภาพกลางเก่ากลางใหม่ สมาชิกครอบครัวมีสี่คน นับตั้งแต่เดซี่ หมาพันธุ์พูเดิลผสมของเธอตายไปเมื่อสองปีก่อน แม่ก็ไม่ให้เลี้ยงสัตว์อะไรเพิ่ม และนั่นก็ทำให้เธอรู้สึกว่าบ้านหลังนี้เงียบเหงาขึ้นเป็นกอง เอมมาลินเปิดตู้เย็นพร้อมกับหยิบกล่องนมออกมาเจาะดื่ม แค่สามอึกก็ดูดจนหมดกล่อง เมื่อเรียบร้อยก็ออกจากบ้าน ตรงไปยังป้ายรถเมล์เพื่อรอนั่งรถสายแรกข้ามไปยังฝั่งธน วันนี้เธอมีเรียนตอนหนึ่งทุ่ม เพราะฉะนั้นก็เลยตัดสินใจรับงานนี้ ถึงการเตรียมพร้อมสำหรับงานพรีเซนต์จะทำเอาแทบไม่ได้หลับได้นอนเลยก็ตาม เวลาเช้าตรู่รถยังไม่ค่อยติดแถมยังเป็นวันเสาร์จึงค่อนข้างสงบ เอมมาลินนั่งสัปหงกอยู่บนรถจนกระทั่งถึงป้ายก็ถูกกระเป๋ารถเมล์เดินมาปลุกตามที่ขอ เพียงไม่นานก็เดินทางมาถึงที่หมายก่อนเวลานัด ท้องฟ้าที่มืดสลัวเริ่มปรากฏแสงสีแสดอยู่รำไร เธอยืนอยู่หน้าโรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่งตามลำพังโดยมีผู้ชายวัยกลางคนสวมชุดสีกากีนั่งหลับอยู่ในป้อมยามใกล้ๆ เป็นเพื่อน “เกือบไปแล้ว ขืนสายมีหวังแย่แน่” หญิงสาวลอบถอนหายใจอย่างโล่งอก ในเมื่อมีเวลาเหลือจึงเปิดกระเป๋ากล้องเพื่อเช็กความพร้อม แบตเตอรี่ที่เตรียมมาสองก้อนน่าจะพอสำหรับการถ่ายทั้งวัน เมโมรีการ์ดพร้อม มีเลนส์ EF 85mm f/1.8 USM กับ EF 50mm f/1.8 STM ผ้าเช็ดเลนส์กล้อง แล้วก็... ในขณะที่เอมมาลินกำลังตรวจดูความเรียบร้อยอยู่นั้น รถเก๋งสีเงินก็แล่นมาจอดตรงหน้าเธอพอดี “เอม! รอนานไหม” คนในรถเลื่อนกระจกลงก่อนจะโบกมือให้เธอ เธอรูดซิปปิดกระเป๋าก่อนจะส่ายหน้า “ฉันเองก็เพิ่งมาถึงเหมือนกัน” เพชรา หญิงสาวผมยาวที่หน้าถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางจนเข้มพยักหน้าเล็กน้อย ริมฝีปากสีแดงสดคลี่ยิ้มให้ “ถ้างั้นเรารีบเข้าโรงเรียนกันเถอะ ฉันขออนุญาตครูใหญ่ไว้แล้ว” แป๊ด! จู่ๆ เพชราก็บีบแตรดังลั่นจนเอมมาลินสะดุ้ง เช่นเดียวกับคนในป้อมยามที่ตกใจแทบล้มลงจากเก้าอี้ “ยาม! มาเปิดประตูเร็วเข้าสิ!” คราวนี้เป็นเสียงทุ้มหงุดหงิดที่ดังมาจากฝั่งคนขับ เอมมาลินได้ฟังดังนั้นก็กลืนน้ำลาย ได้แต่ภาวนาในใจว่าขอให้งานในวันนี้ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี รถเก๋งสีเงินแล่นเข้าไปจอดในโรงจอดรถของโรงเรียนขนาดกลาง ตึกเรียนของที่นี่มีทั้งหมดสามตึก หอประชุมเล็กๆ อีกหนึ่งแห่ง มีสนามหญ้าสองสนาม สนามบาสเกตบอล โซนนั่งเล่นที่มีโต๊ะปิงปอง สวนหย่อมและบ่อน้ำพุขนาดใหญ่ เพชราเรียนอยู่มหาวิทยาลัยเดียวกับเธอแต่เรียนคนละคณะ ที่รู้จักกันได้ก็เพราะว่าเข้าชมรม Photo เหมือนกัน ส่วนแฟนของเพชราชื่อว่าเจษ เพชราเล่าว่ารู้จักกันมาตั้งแต่สมัยเรียนมัธยม ทั้งสองคนกำลังจะแต่งงานกันในอีกสองเดือนข้างหน้า วันนี้ก็เลยขอให้เธอมาช่วยถ่ายรูปพรีเวดดิงให้ “เอม นี่เจษนะ แฟนที่ฉันเล่าให้เธอฟัง” เพชราในชุดกระโปรงรัดรูปสีพีชผายมือแนะนำคนข้างตัว เอมมาลินมองชายหนุ่มขาวตี๋ที่ดูแล้วอายุพอๆ กับเธอแค่ผ่านๆ แล้วก้มหน้าลง “สวัสดีค่ะ” ส่วนเจษกลับขมวดคิ้วประเมินมองเธอตั้งแต่หัวจดเท้าอย่างเปิดเผย “เพชรคาดหวังกับคุณไว้มาก” คาดเดาจากสีหน้าและน้ำเสียงของเขาแล้ว ดูท่าเจษคงไม่ยินดีที่จะรู้จักเธอสักเท่าไหร่...ก็แน่ละ วันนี้เธอสวมเสื้อเชิ้ตลายสกอตสีแดงตัวโคร่งกับกางเกงขาสั้นสีขาว ตบท้ายด้วยรองเท้าแตะ ผมที่ไม่ได้หวีใช้แค่หนังยางมัดเอาไว้หลวมๆ แค่ไม่ให้ปรกหน้าเวลาทำงานก็พอ การแต่งตัวของเธอมันดูเด็ก...ไม่ใช่แบบเด็กน่ารักใสๆ นะ แต่เป็นแนวเด็กกะโปโลที่ดูไม่เป็นมืออาชีพและไม่ถูกกาลเทศะ ทั้งๆ ที่อายุเธอก็ปาไปตั้งยี่สิบเจ็ดแล้ว ตอนที่เธอไปเดินห้างกับอริสราทีไร พนักงานร้านค้ามักจะมองว่าเธอเป็นเด็กถือของหรือไม่ก็คนใช้เสมอ แต่เธอกลับรู้สึกเฉยๆ ผิดกับอริสราที่เดือดแทนจนห้างแทบแตก “เราเริ่มถ่ายจากตรงไหนก่อนดี” เอมมาลินเหลียวซ้ายแลขวาก่อนจะชี้นิ้วไปยังด้านหลังพวกเขา “สแตนด์ตรงนั้น” จุดที่เธอชี้คือสแตนด์บนสนามหญ้าที่หันหน้ามาทางทิศตะวันตก ตอนนี้แสงอาทิตย์ข้างหลังยังไม่สว่างมาก ยังเป็นสีแสดขับกับท้องฟ้าสีน้ำเงินเข้ม ถ่ายตอนนี้จะได้รูปที่ดูมีเสน่ห์ไปอีกแบบ “เรามีเวลาประมาณยี่สิบนาทีก่อนที่พระอาทิตย์จะขึ้นเต็มดวง ฉันจะไปรอที่สแตนด์ เพชรกับคุณเจษรีบไปเปลี่ยนชุดนักเรียนเถอะ” สีหน้าหงิกงอของเจษค่อยดูดีขึ้นมาหน่อย เขาตรงเข้าไปหยิบชุดนักเรียนของตนเองกับของเพชราก่อนจะเดินจูงมือกันไปที่ห้องน้ำซึ่งอยู่ใกล้สุด ส่วนเธอก็ไปยืนเพื่อดูองค์ประกอบต่างๆ และปรับค่าในกล้อง ถึงแม้จะไม่ใช่งานใหญ่ที่สำคัญแต่เธอก็อยากจะให้ภาพมันออกมาดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ ว่าแล้วก็หยิบกล้อง Canon EOS 70D Kit III ออกมาจากกระเป๋า พอใส่เลนส์ก็ลองถ่ายภาพสแตนด์เปล่าๆ เพื่อปรับค่า F ISO และค่าเบื้องต้นอื่นๆ พอเสร็จเรียบร้อยก็เป็นตอนเดียวกับที่เพชรากับเจษมาถึงพอดี ชายหนุ่มหน้าตี๋เห็นกล้องเธอก็ย่นคิ้ว “ผมได้ข่าวมาว่าคุณเรียนโททางด้านการถ่ายภาพ?” “ใช่ค่ะ” เธอตอบเขาเสียงแผ่วขณะที่ซ่อนสีหน้าของตนเองไว้ข้างหลังกล้อง “เรามาเริ่มกันเถอะค่ะ เดี๋ยวแสงจะเปลี่ยนซะก่อน” ทำไมเธอจะไม่รู้ว่าเขาคิดอะไร ในเมื่อเธอเรียนโททางด้านการถ่ายภาพ แต่กลับเป็นคนเดียวในรุ่นที่มีกล้องระดับกึ่งโปรซึ่งสู้กับกล้องคนอื่นที่ราคาเป็นแสนไม่ได้ ที่สำคัญยังเป็นมือสองที่ซื้อผ่านอินเทอร์เน็ตตามประสาคนงบน้อย และแน่นอนว่าเพชรากับเจษต้องการถ่ายภาพพรีเวดดิงด้วยงบที่ประหยัด ทีพวกเขาประหยัดได้ แล้วเธอจะประหยัดบ้างไม่ได้เลยเหรอ เอมมาลินสูดหายใจเข้าลึกๆ...ไม่ว่ายังไงการถ่ายรูปก็เป็นสิ่งที่เธอรัก แม้จะต้องทนกับสายตาเขม่นของเจษอยู่บ้าง แต่ในที่สุดการถ่ายรูปตลอดทั้งวันก็เสร็จสิ้นไปอย่างราบรื่น ชุดแต่งงานของคู่บ่าวสาวที่ถ่ายตรงบ่อน้ำพุยามดวงตะวันใกล้ลับขอบฟ้าถือเป็นภาพสุดท้าย “ไว้ฉันแต่งรูปเสร็จเมื่อไหร่จะรีบส่งไฟล์ให้นะ” เอมมาลินมีสีหน้าผ่อนคลายลงกว่าเมื่อเช้า มือเรียวหยิบผ้าผืนเล็กขึ้นมาเช็ดเลนส์กล้องแล้วจัดเก็บอุปกรณ์ทุกอย่างเข้ากระเป๋าอย่างทะนุถนอม เมื่อรูดซิปเสร็จแล้วก็เป็นตอนที่เพชราเดินควงแขนกับว่าที่เจ้าบ่าวมาถึงโต๊ะม้านั่งหินอ่อนที่เธอนั่งอยู่พอดี “ขอบใจมากนะเอม ฉันโอนเงินให้เธอแล้วนะ เช็กดูได้เลย” ช่างกล้องสาวพยักหน้า ใช้ชายแขนเสื้อปาดเหงื่อที่ไหลออกมาจากหน้าผากก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา ตัวเลขที่ปรากฏขึ้นในบัญชีทำให้ดวงตาของหญิงสาววูบไหวเล็กน้อย ก่อนที่เธอจะปรับสีหน้าให้ดูเป็นปกติมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ราคามิตรภาพ...ตามประสาคนรู้จัก
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD