10
ศีรษะทุยสะบัดแหงนหงายไปด้านหลัง มือเล็กจับเอาเชือกที่ผูกรัดมัดเส้นผมที่ความจริงแล้วเธอไม่ได้อยากไว้หรอก แต่อ่านนิยายทีไรนางเอกต้องไว้ผมยาว แล้วพระเอกก็ชอบเวลาได้สัมผัสกับความนุ่มและกลิ่นหอม เลยเผลอไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ ที่คราวนี้เห็นประโยชน์จริงๆ เพราะเมื่อสะบัดศีรษะก็ได้ยินเสียงครางดังจากลำคอแกร่งทันที
“ใช่ไหมคะคุณคีธ” เอ่ยถามพลางลากฝ่ามือเล็กมาตามสันแก้ม ลูบไล้ลำคอระหงจนถึงเนินอกอิ่ม
“ให้ฉันเร่งความเย็นให้ไหมล่ะ” ถามทั้งๆ ที่รู้หญิงสาวต้องการสิ่งใด
“ไม่ดีกว่าค่ะ...ฉันมีวิธีคลายร้อนได้ชะงัดกว่านั้น ถ้าคุณจะไม่ถือสาและว่าความหากฉัน...”
“ไม่เลย ฉันกำลังลุ้นให้เธอทำอย่างที่คิดอยู่” ทั้งๆ ที่รู้ดีสิ่งที่อีกฝ่ายกระทำ จะทำให้ตัวเขาเองเจ็บปวด แต่ความรู้สึกอยากประชดประชันทำให้ชายหนุ่มรับมุกโดยไม่รั้งรอ
ปกติเธอเป็นคนขี้อายนะ แต่ตอนนี้ไม่รู้ความกล้ามาจากไหน ถึงได้สั่งให้ดึงเอาเสื้อออกจากกายอย่างไม่มีท่าทีเขินอายเลยสักนิด ก่อนงงงันตื่นตะลึงเมื่อเสื้อที่ใส่หลุดออกจากกายพร้อมการรับรู้...ทรวงอกอิ่มไม่ได้ตกอยู่ในกรวยปกป้องนานแล้ว ที่ไม่ได้สำคัญเท่ากับเสียงคำรามดังกระหึ่มลำคอแกร่ง พานให้ขวยเขินจนแก้มร้อนผ่าว
“อย่างนี้คลายร้อนได้ดีกว่ากันเยอะเลย คุณคีธว่าไหมคะ” ตอนนี้ไม่ใช่แค่ร้อน แต่เธอหนาวจนขนทุกเส้นในเรือนกายแข่งกันลุกแล้วละ
“ฉันว่ายังไม่เท่าไหร่ ถ้าให้หายร้อน...คงต้องใช้วิธีการอื่นเพิ่ม”
“ยังไงล่ะคะ”
คีธอมยิ้ม ลากไล้ปลายนิ้วไปบนท่อนแขนกลมกลึงพลางนวดคลึงแผ่วเบาจนถึงลาดไหล่กว้าง “เธอว่าเจ้านี่เกะกะไหมไผ่หลิว”
“ถ้าเกะกะ แล้วคุณคีธจะทำยังไงล่ะคะ”
“ก็ต้อง...เอามันออก”
“อย่างนี้ฉันก็ แหม...ไม่เอาดีกว่า น่าอายจะตายไป ถ้าให้คุณคีธเห็น...” ปฏิเสธกึ่งยั่วยุ สองมือเล็กรีบยกขึ้นโอบดันสองเต้ากลมกลึงให้เบ่งบานตรงสายตาเข้มวามวาว โดยฝ่ามือเล็กทาบทับบดบังปลายยอดเอาไว้
“ว้า...น่าเสียดายจริงๆ เพราะฉันกำลังจะบอกอยู่แล้วเชียว จะใช้วิธีไหนปิดปากนุ่มๆ นี่” กดนิ้วบนกลีบปากอิ่มแผ่วเบาอ่อนโยน
ทั้งที่รู้ว่าเขาไม่ได้คิดทำอย่างที่พูด ทว่าชมบุหลันก็เลือกกระโดดลงไปในหลุมอย่างไม่คิดสิ่งใด “ถ้าฉันยอม...” เคลื่อนมือออกทีละน้อย “คุณคีธก็จะยอมบอกใช่ไหมคะ”
“ไม่!” ศีรษะทุยส่ายไปมา “เอาไว้ฉันทดสอบดูก่อนดีกว่า...เพียงพอที่จะยอมเปิดปากบอกหรือเปล่า”
“ทำยังไงล่ะคะ”
คีธจับปัดสองมือเล็กออกจากบัวอิ่ม ดึงเอาเจ้าเสื้อชั้นในเกะกะออกจากกายกลมกลึงก่อนร้องครางในลำคอ เมื่อได้พานพบกับความงดงาม...มากกว่าที่เขาคิดไว้
ชมบุหลันสะดุ้ง ขบกัดปากสั่นระริกแทบไม่ทัน เมื่อชายหนุ่มตวัดปลายนิ้วไปบนผิวเนื้อที่เต้นระริกแผ่วเบาและอ่อนโยน ให้นึกถึงขนนกที่ปลิดปลิวร่วงหล่นหยอกล้อกับสายลมแผ่วพลิ้วละลิ่วลอยไปกระทบกับปลายยอดใบไม้
กับผู้หญิงอื่นต้องบอกว่า...เรามีข้อตกลงแลกเปลี่ยนกัน ฉันให้ความสุขและเงินทองมากมายมหาศาลที่กินใช้จนตายก็ไม่มีวันหมด แลกกับเลือด! ทว่ากับชมบุหลันเขากลับเลือกไม่พูด
“จูบ! เธอไปทั่วทั้งตัว”
“แหม...ฉันเห็นคุณคีธพูดแต่อย่างนี้แหละ ไม่เห็นทำจริงสักที” สองแขนกลมกลึงยกขึ้นสอดไขว้ไปด้านหลังศีรษะ จนเต้ากลมกลึงผลิบานราวดอกไม้รับแสงตะวัน จะงอยถันชูชันแทบทิ่มตำหน้ายั่วยุให้คีธรีบทำอย่างที่พูดไว้เร็วๆ ไม่รู้เป็นไงอยู่ใกล้ชายหนุ่มแล้วเธอร้อนด้วยความกระหายอยากที่แล่นพล่านไปทั่วกาย
“ได้สิไผ่หลิว”
ไม่รอให้ชมบุหลันยั่วซ้ำอีก คีธจรดแนบปากอุ่นระอุไปบนลาดไหล่กว้าง ขบเม้มผิวเนื้อนวลเนียน จูบซับพร้อมใช้เขี้ยวคมๆ ลากไปบนซอกคอขาวตรงแอ่งเส้นชีพจรของเธอราวกับอดทนไม่ไหวที่จะฝังเขี้ยวลงไปลิ้มเลือดรสหวานคาวอีกหลายๆ ครั้งไม่รู้จักจบสิ้น แต่บางสิ่งบางอย่างทำอย่างใจไม่ได้ จำต้อง...รอ!
ปากหนาขบไล่ไต่ไปทีละน้อยให้จมูกได้สูดดมกลิ่นสาบเนื้อสาวราวกับต้องการฝังลึกลงไปในความรู้สึก ปลายนิ้วยาวที่ละเลงไล้นวดคลึงแผ่นหลังอยู่ก็วกกลับมาด้านหน้า หยอกเย้ากับหน้าท้องขมวดไหวเป็นเกลียวคลื่น ก่อนทาบบนบัวตูมอวบอัดเต็มไม้เต็มมือ พร้อมกับแนบจูบลงบนกลีบปากอิ่มช่างจำนรรจา
ชมบุหลันร้องครางในลำคอ ท้องไส้ปั่นป่วนด้วยความเสียวซ่าน จากฤทธิ์นิ้วยาวที่ลากไล้ไปบนความนุ่มหยุ่นซึ่งแข็งตัวขึ้นรับ ไม่แพ้เรียวลิ้นอุ่นระอุที่ซอกซอนเข้าไปกวาดไล้ดื่มด่ำความหวานกับโพรงปากนุ่ม
“จูบของฉันทำให้เธอพอใจหรือเปล่าไผ่หลิว”
“อืม...ยังไม่แน่ใจเลยค่ะ ถ้าให้ดีขออีกสักครั้งได้หรือเปล่าล่ะ” แต่ในใจกลับต่อไปว่าหลายๆ ครั้งก็ได้
“ได้ แต่ถ้าจะให้รู้ชัดๆ ฉันว่าควรเปลี่ยนที่จูบด้วยนะ”
“หือ...อื้อ...” ไม่ทันได้ถามต่อชมบุหลันก็หลุดเสียงครางออกมาแทน เมื่อสองฝ่ามือหนากอบกุมทรวงอกนุ่มหยุ่นแล้วนวดเฟ้นหนักเบาสลับไปมา พลางปากหนาทาบจูบร้อนผ่าวไต่ลงไปตามลำคอระหงที่แหงนเงยเปิดให้เขาเชยชมอย่างถนัดถนี่
“ฉันว่าจูบตรงนี้ดีกว่านะ...ไผ่หลิว” เอ่ยเสียงนุ่มแหบพร่า พลางสองมือหนากอบดันทรวงอกคู่อวบ นวดเฟ้นอย่างเมามันสลับตวัดไล้ปลายยอดสร้างความเสียวซ่านจนชมบุหลันถึงกับขบกัดฟันขาวบนกลีบปากอิ่ม รีบแอ่นลำตัวให้แนบชิดสัมผัสเร่าร้อนดุดัน
“คุณคีธ!” แทบรับมือกับความเสียวซ่านรัญจวนใจที่ตามติดมาเป็นระลอกไม่ไหว เมื่อชายหนุ่มส่งปากหนาขบเม้มหยอกเย้าสลับลิ้นอุ่นชื้นปาดเลียปลายยอดทับทิมนุ่มที่แข็งตึงรับสัมผัสอย่างเมามัน
“ยังไม่ดีใช่ไหมไผ่หลิว”
“อื้อ...ดี...แล้ว” ชมบุหลันตอบกลับเสียงพร่า สองแขนกลมกลึงโอบรัดรอบกายใหญ่ ฝ่ามือนุ่มนิ่มลูบไล้ไปบนแผ่นหลังกว้าง กดปลายเล็บบนต้นคอแกร่งสลับส่งนิ้วยาวซอกซอนไปในเส้นผมหนานุ่ม กดรั้งศีรษะทุยให้แนบชิดกับสองเต้าอวบ
“จริงหรือ...แต่ฉันคิดว่ายังไม่ดีเท่าไหร่เลยนะ”
อะไรทำให้เขาคิดว่ายังไม่ดี? แค่นี้เธอก็เคลิ้มไหวจนอยากเปลื้องผ้า พร้อมเอนกายให้เขากระหน่ำซ้ำฝากรักจะแย่แล้ว
“ฉันยังไม่ได้ยินเสียงร้องครางหวานๆ ยังไม่ได้ยินเธอเรียกชื่อไผ่หลิวแทนตัวเองเลยนะ เรียกแต่ฉันฟังดูห่างเหินยังไงก็ไม่รู้”
“ถ้าอยากได้ยิน คุณคีธคงต้องพยายามมากกว่าเดิม”
คีธไม่รอให้ชมบุหลันท้าทายซ้ำ สองมือจับเอวเล็กดันขึ้นสูงให้ใบหน้าเขาอยู่ตรงกับสองปทุมถันนุ่มหยุ่น เริ่มจัดการเรียกเสียงครางหวานๆ จากคนตัวเล็กด้วยการจรดริมฝีปากบนปลายยอดเชอร์รี่ข้างหนึ่งและส่งมือหนาตะปบคลึงอีกข้างที่ไหวสะท้านอย่างเมามัน
“อือ...” ชมบุหลันขบกัดกลีบปากอย่างไม่ยอมให้เสียงครางหลุดออกไป ทว่าปากหนาหยักขบกัดเชยชิมยอดบัวนุ่ม ลิ้นอุ่นวนเวียนเกลี่ยรอบยอดถันจนแข็งชันทำให้เธอแทบทนไม่ไหว ร่างแน่งน้อยบิดส่ายด้วยความกระสัน ดวงตากลมโตเริ่มปรือ
“ไม่ยอมจริงๆ หรือไผ่หลิว” คีธเอ่ยถามทั้งที่ปากยังดูดดุนยอดทรวงนุ่มเข้าปากสลับลากไล้ปัดป่ายด้วยลิ้นร้อนนุ่มด้วยความหลงใหล ฝ่ามือหนาลูบไล้ไปทั่วกายกลมกลึง ก่อนหยุดที่ขอบกางเกงเร่งรุดปลดเข็มขัดและตะขอพร้อมรูดซิปลงอย่างเชื่องช้า ที่ประวิงเวลาไม่ใช่เพื่อชมบุหลันแต่เพื่อตัวเอง!