เปปเปอร์ 50%

812 Words
“หนึ่งจะกลับแล้วเหรอคะ ยังเช้าอยู่เลยนะ ไม่อยู่กับนิตาอีกหน่อยหรอกเหรอ” แขนเรียวโผล่พ้นผ้าห่มผืนหนาที่ใช้ปกคลุมร่างกายเป็นการชั่วคราวมากอดเอวสอบของร่างสูงที่กำลังติดกระดุมเสื้อของตัวเองจากด้านหลัง นิตาภายื่นหน้าไปคลอเคลียบนไหล่กว้างราวกับลูกแมวขี้อ้อน ทั้งที่รู้ดีอยู่แล้วว่าอะไรเป็นอะไร แต่เธอก็อดไม่ได้ที่จะย่นจมูกทำท่าทางแง่งอนพอมีจริตใส่อีกคน เมื่อได้รับคำตอบเพียงการเหลือบมองมากับเสียงเรียบที่ตอบกลับด้วยท่าทีเป็นปกติของชายหนุ่ม “ผมมีงานต้องทำน่ะ” อย่างน้อยเขาก็ไม่ควรใจร้ายถึงขั้นไม่สนใจใยดีกับสิ่งที่ทำลงไปกับเธอ แม้รู้ว่ามันคงช่วยอะไรได้ไม่มากนัก ภาคินัยนึกพึงพอใจกับความเข้าใจง่ายของคนที่เดินไปหาเสื้อคลุมมาจัดการกับเรือนร่างของตัวเอง แล้วมาหยุดยืนตรงหน้าเขา “ต่อให้ไม่ใช่งาน คุณก็ไม่คิดจะอยู่กับนิตาอยู่แล้วนี่ค่ะหนึ่ง” เสียงหวานย้อนพองามอย่างมีจริตจกร้านระหว่างช่วยชายหนุ่มจัดเสื้อผ้าให้เข้าที่ เขาก็ไม่ได้ว่าอะไร เธอได้ยินเขาหัวเราะเบาๆ แล้วตอบตัดบทออกมาอีกอย่าง “เราคุยกันรู้เรื่องแล้วนี่นิตา” “แล้วอย่างนี้นิตาจะได้เจอคุณอีกไหม” แม้จะเข้าใจตรงกันว่าเป็นความสัมพันธ์โดยไม่ผูกมัด แต่หญิงสาวก็ยังอดไม่ได้ที่จะถามออกไป ทั้งที่ก็รู้ดีอยู่แก่ใจ ภาคินัยดีพร้อมไปเสียทุกอย่างทั้งรูปร่างหน้าตา หน้าที่การงาน รวมทั้งฐานะ ไม่ต้องรอให้ใครมาบอก เธอก็รู้ดีอยู่หรอกว่าโอกาสสำหรับตัวเองนั้นช่างริบหรี่ แล้วก็เป็นจริงตามที่คิดไว้ ท่าทางนิ่งแต่มั่นคงของเจ้าของแผ่นหลังกว้างที่หันกลับไปเพื่อทำอะไรบางอย่างน่าจะยืนยันคำตอบด้วยตัวของมันได้เป็นอย่างดี “ผมต้องไปแล้ว” หลังจากนั้นมีเพียงแค่คำร่ำลาจากเขาอีกไม่กี่คำ นิตาภามองตามเจ้าของร่างสูงที่เปิดประตูเดินออกไปอย่างไม่คิดจะหันกลับมาสนใจอะไรอีก เขาเคยเป็นอย่างนี้และยังคงเป็นอย่างนี้ ภาคินัยไม่เอาชีวิตของตัวเองไปผูกติดอยู่ที่ใคร เท่ากับที่ไม่คิดจะเลือกเอาชีวิตใครมาผูกติด แม้จะมีหญิงสาวมากหน้าหลายตาจนนับไม่ถ้วนรอให้ผู้ชายดีพร้อมอย่างเขาเข้ามาพันธนาการ บานประตูถูกปิดลงแล้ว พร้อมกับหญิงสาวที่ผ่อนลมหายใจ เธอบอกกับตัวเองง่ายๆ ว่าเรื่องราวเมื่อคืนอย่างน้อยก็คงเป็นฝันที่ดีไม่น้อยสำหรับตัวเอง ชีวิตตามแบบฉบับสาวหัวนอกทำให้เธอไม่จำเป็นต้องใส่ใจกับเรื่องแบบนี้ให้วุ่นวายและที่สำคัญ… ความสงสัยฉายอยู่ในแววตาหญิงสาวเพียงชั่วครู่ก่อนเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มเมื่อเห็นเช็คเงินสดตัวเลขจำนวนไม่น้อยที่วางอยู่บนโต๊ะข้างหัวเตียง เธอไม่รู้ว่านี่เป็นวิธีการที่เขาใช้ไล่เธอทางอ้อมหรือเปล่า แต่มันก็สาสมกับการเป็นคู่นอนของคนอย่างนายแพทย์ภาคินัย ************************************ ตั๊ก ตั๊ก ตั๊ก ตั๊ก “อาฟ้าใสตามมาให้ทันสิคับ เร็วๆ ตามมา” เสียงของเด็กชายวัยไม่เกินสี่ขวบเรียกขึ้นอย่างนึกสนุก พอเห็นใบหน้าคุ้นเคยทั้งระบายยิ้มและขมวดคิ้วมุ่นในคราวเดียวกันเด็กน้อยก็หัวเราะชอบใจ ก่อนเท้าของหญิงสาวร่างเล็กที่สาวเข้ามาใกล้ จะทำให้เจ้าตัวอ้วนรีบพาช่วงขาสั้นป้อมของตัวเองวิ่งหนีออกไปให้ไกลกว่านั้นอีก “เปปเปอร์ไม่เล่นซนนะครับ มาให้อาจับซะดีๆ “ณัฐรดาว่าพลางอมยิ้ม เธอก้มลงไปล้วงกระเป๋าหยิบเงินจ่ายค่าขนมเพื่อเลี้ยงดูปูเสื่อเด็กน้อยตัวกลมที่อาสาพามาในวันนี้ แต่พอหันกลับไปพร้อมถุงขนมอีกที คิ้วเรียวกลับขมวดยุ่ง ไหนใครบอกว่าเด็กมักกลัวหมอกลัวโรงพยาบาล อย่างน้อยก็ต้องยกเว้นหลานเธอไว้คนหนึ่งล่ะ เพราะถ้ากลัวจริง คงไม่รีบวิ่งไปซ่อนแอบราวกับโรงพยาบาลเป็นสนามเด็กเล่นขนาดนี้ “เปปเปอร์อย่าซนสิครับ มาหาอานี่มา มากินขนม” หญิงสาวยกถุงขนมหน้าตาน่ากินในมือขึ้นล่อ แต่เจ้าตัวอ้วนกลับส่ายหน้าพลางส่งเสียงหัวเราะเอิ๊กอ๊ากไม่ยอมรับข้อเสนอ “ไม่เอาคับ ยังไม่กิน อาฟ้าใสมาเล่นกับเปปเปอร์ก่อน” พูดจบเด็กชายก็รีบพาขาป้อมๆ ของตัวเองออกวิ่งไป โดยไม่รอคำตอบรับจากเพื่อนเล่นอีกคน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD