ฟ้าใสเบเกอรี่

833 Words
“อย่างต่ำก็เดือนละแสน” เพราะคำพูดเสียงอ่อนหวานแต่ทว่าความหมายของมันกลับไม่ได้อ่อนช้อยเหมือนกับเสียงของเจ้าหน้าที่ ทำเอาคนฟังที่พาตัวเองหันหลังเดินกลับมาถึงกับถอนหายใจหนักเบาที่ถ้านับกันจริงๆ คงบอกไม่ได้ว่ารอบที่เท่าไร มารู้ตัวอีกทีณัฐรดาก็มาหยุดลงตรงหน้าร้านที่ติดป้ายกำลังจะปิดกิจการด้วยสายตาละห้อย ร้านอาหารกึ่งร้านไอศกรีมที่กำลังมีทีท่าไปต่อได้ดีกำลังจะปิดตัวลง เพราะเจ้าของร้านตัดสินใจจะย้ายไปตั้งถิ่นฐานสร้างครอบครัวเล็กๆ อยู่ต่างประเทศ ช่างต่างกับเธอที่ร้านเบเกอรี่ที่ตั้งใจปลุกปั้นมานานที่ยังไม่ทันจะได้เริ่มต้น พอมาเจอค่าที่สูงลิบเกินต้นทุนเข้าไป นกปีกอ่อนยังไม่ทันจะขึ้นบินอย่างเธอก็ต้องตกลงมาปีกหักซะแล้ว อีกครั้งที่คนมองแล้วมองอีกได้แต่ถอนหายใจ ณัฐรดารู้เรื่องที่กิจการร้านเดิมกำลังจะปิดลง เพราะรู้จักเป็นการส่วนตัวกับพี่เจ้าของร้าน นับเป็นโอกาสดีที่เธอได้รู้ก่อนคนอื่น เพราะนั่นหมายถึงการมีโอกาสได้เจรจาจับจองการเป็นผู้ขอเช่ารายต่อไปก่อนใครด้วย ทั้งที่เรียนจบทางด้านอักษรศาสตร์ แต่สิ่งที่หญิงสาวชอบมาแต่ไหนแต่ไรคือการทำขนม เมื่อเรียนจบออกมาเธอจึงไม่รอช้าที่จะค่อยๆ เริ่มทำความฝันของตัวเองให้เป็นจริง เริ่มจากทำเป็นกิจการเล็กๆ แบบไม่มีหน้าร้าน แต่พอคิดจะมาทำจริงจังกับเขาสักที… เฮ้อ ณัฐรดาก้มลงมองจำนวนเงินในบัญชีที่อุตส่าห์สะสมมา ก็ถ้ามันจะแพงขนาดนี้เธอคงต้องไปหาที่ใหม่ คนตัวเล็กตัดใจบอกกับตัวเองอย่างนั้น ก่อนยื่นขนมถุงใหญ่ให้พี่เจ้าของร้านเป็นการขอบคุณ ตากลมเหลือบมองไปยังทั้งคุกกี้และขนมเค้กหน้าตาหลากหลายที่เธอเคยเอามาฝากขายไว้จนมีลูกค้าเริ่มติดและขอออร์เดอร์เข้ามาตลอด แล้วก็ได้แต่ยืนไว้อาลัยให้กับความฝันของตัวเอง “ฟ้าใสเบเกอรี่” คงต้องเป็นอันพับเก็บไป เพราะสู้ค่าที่ไม่ไหวสินะ “ถ้าอย่างนั้นฟ้าไปก่อนนะคะพี่ ขอบคุณสำหรับทุกอย่างค่ะ” ณัฐรดาคิดอย่างตัดใจ แต่ใบหน้ากลับปรากฏรอยยิ้มพร้อมคำพูดที่เอ่ยออกไปตามบุคลิกที่ติดจะทำเป็นประจำ เจ้าของร้านสาววัยกลางคนเห็นอย่างนั้นก็อดไม่ได้ที่จะเห็นใจกับความตั้งใจดีของหญิงสาว เธอส่งยิ้มปลอบใจ ก่อนรั้งร่างบางเข้ามากอดอย่างสนิทสนมเป็นการให้กำลังใจคนที่มองว่าเป็นเด็กดีมาตลอด “หนูเป็นเด็กดี ขนมของหนูก็อร่อยมาก สู้ต่อไปนะจ๊ะฟ้าใส” เช่นเดียวกันกับคนถูกกอดที่ยิ้มรับและกระชับอ้อมกอดตอบกลับไปเป็นการร่ำลา “เช่นเดียวกันค่ะ ฟ้าขอให้มีความสุขกับชีวิตครอบครัวมากๆ นะคะ” ก่อนเสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้น จะทำให้ณัฐรดาขอตัวผละออกมา ชื่อเจ้าของเสียงเรียกเข้าที่ปรากฏหน้าจอทำเอาคนมองลอบถอนหายใจเฮือกใหญ่ ต้องจำใจกดรับแล้วกรอกเสียงกลับไปตามมารยาท “สวัสดีค่ะ” น้ำเสียงกระตือรือร้นของปลายสายตอบกลับมาว่าอย่างไรณัฐรดาไม่ได้สนใจมากนัก หูเธอฟังไปเรื่อยๆ ขาก็ก้าวยาวๆ เดินออกจากร้าน เงยหน้าขึ้นมองสีของท้องฟ้าในเวลาเย็นย่ำ เสียงคำรามครึ้มฟ้าครึ้มฝนบอกให้รู้ว่าอีกไม่กี่นาทีมันคงตกลงมาแน่ “ถ้าเป็นเรื่องนั้น ฟ้าบอกพี่วินแล้วว่าให้ไปติดต่อกับพี่ชายของฟ้า และตัวฟ้าเองก็คงช่วยอะไรพี่วินไม่ได้ทั้งนั้น แค่นี้นะคะ” คนรีบเร่งฝีเท้าพาตัวเองกึ่งเดินกึ่งวิ่งออกมาขณะบอกปลายสายออกไปอย่างไม่สบอารมณ์ ณัฐรดากดตัดสายไปดื้อๆ เลือกที่จะไม่ฟังคำอธิบายพร่ำเพรื่อของอีกฝ่าย ไม่ว่าจะในเรื่องธุรกิจ เรื่องส่วนตัว หรือเหตุผลอื่นใด ไม่มีอะไรที่เธอและธนาวินจำเป็นต้องมาเกี่ยวข้องกันอีก เพราะแค่ที่เขาทำกับเธอไว้มันก็มากเกินพอ เมื่อวางสายแล้วหญิงสาวก็สลัดความคิดเกี่ยวกับเรื่องคนปลายสายออกไปแทบจะทันที ตอนนี้เธอควรหันมาสนใจกับเรื่องของตัวเองมากกว่า เพราะเมื่อเช้าไม่สะดวกนักที่จะขับรถออกมาจากคอนโด วันนี้ณัฐรดาจึงต้องพึ่งพาบริการรถไฟฟ้า ที่แม้สถานีจะอยู่ใกล้ แต่ถ้าลองเดินจากตรงนี้ออกไปก็คงต้องใช้เวลาร่วมสิบนาที อย่าเพิ่งตกลงมาตอนนี้เลยนะ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD