บทที่ 1 บทนำ
หลังจากที่กลับมาถึงคอนโดเขาก็จมอยู่กับความคิดตัวเองที่พยายามจะหาทางออก จู่ๆประโยคหนึ่งในอดีตที่เขาไม่คิดว่าในอนาคตเธอจะตอบแทนอะไรเขาได้กับเป็นหนทางเดียวที่เขาจะรอด
"ขอบคุณที่ช่วยเหลือกระท้อนนะภาม ในอนาคตถ้าภามอยากให้กระท้อนช่วยอะไรภามบอกกระท้อนได้เลยนะ"
ประโยคที่หญิงสาวบอกกับเขาในวันนั้นมันดังก้องในหูเขาในตอนนี้ มารดายื่นคำขาดว่าหากเขาไม่สามารถมีหลานให้เขาได้ภายในหนึ่งปีจะถูกตัดออกจากกองมรดก ซึ่งเขาเองก็เป็นประเภทที่รักความเป็นส่วนตัวไม่อยากให้ใครหน้าไหนมายุ่งเกี่ยวแต่กับกระท้อนเขาไม่คิดแบบนั้น เขามองเธอเป็นเพื่อนคนหนึ่งที่สามารถปรึกษาเรื่องต่างๆได้และเขาคิดว่าหากกระท้อนรักษาสัญญาที่เคยให้ไว้ได้ก็วินๆทั้งคู่นี่หน่าไม่เห็นมีอะไรเสียหาย ภรัณยู หรือ ภาม รีบต่อสายหาเพื่อนสมัยเด็กของเขาทันทีที่คิดว่านี่จะเป็นทางออกที่ดีที่สุดให้เขา
"ฮัลโหล"
"สวัสดีครับใช่กระท้อนไหมครับ"
"ใช่ค่ะใครกำลังพูดสายคะ"
"ภาม จำภามได้ไหม"
"ภาม? นายปลาหมึกหรอ"
"อย่าเรียกแบบนั้นสิ"
หลายปีก่อน
เขายังจำเหตุการณ์ในวันนั้นได้ดี เขามีโอกาสได้ไปค้างต่างจังหวัดกับคุณย่าคุณปู่หลายวันนั่นทำให้เขาได้รู้จักกับกระท้อนสาวน้อยมากความสามารถ ที่นั่นบรรยากาศดีมากยามเช้าก็จะมีหมอกปกคลุมอากาศเย็นสบายไม่ร้อนและให้ความรู้สึกแออัดเหมือนอยู่ในเมืองหลวงของไทย กระท้อนอาศัยในระแวกเดียวกันกับชายหนุ่มทำให้มีโอกาสได้มาเล่นด้วยกันและมีอยู่ครั้งหนึ่งเขาฝึกกินปลาหมึกสดครั้งแรกและมันก็เกาะหนึบที่ใบหน้าของเขา เขาร้องโวยวายเพราะความตกใจจนกระท้อนที่เดินผ่านมาต้องรีบเข้ามาช่วย
"แค่นี้เองไม่เห็นต้องโวยวายเลยนะภาม"
"ขอบใจนะ"
"ขอตัวก่อน"
"เดี๋ยวสิจะรีบไปไหนน่ะ"
"ไปหาคุณยายที่โรงพยาบาล"
"คุณยายเป็นอะไรหรอ"
"ไม่รู้สิรู้แต่ว่าท่านต้องผ่าตัด แม่บอกมาแค่นั้น"
"เป็นหนักเลยหรอ"
"ใช่ ฉันอยากช่วยแม่หาเงิน แม่บอกว่ามันแพงมาก"
"จริงหรอให้ภามช่วยดีไหม"
"นายมีเงินหรอยังเด็กเหมือนกระท้อนไม่มีผิด"
"ไม่มี"
"อ้าว" คำตอบของภามทำให้ความหวังที่มีอยู่น้อยนิดดับสูญ
"แต่พ่อภามมีนะ พ่อภามช่วยได้"
"เกรงใจ"
"ไม่ต้องเกรงใจหรอก เดี๋ยวคุณยายก็ไม่ได้ผ่าตัดหรอกถ้ามัวแต่เกรงใจ" ภรัณยูหนุ่มน้อยวัยสิบสี่ปีโทรหาคนเป็นพ่อทันที เขามั่นใจว่าบิดาของเขาจะต้องช่วยคุณยายของกระท้อนได้แน่ๆ บิดาของเขามักจะช่วยเหลือคนอื่นเสมอ ค่าใช้จ่ายที่แม่ของกระท้อนต้องจ่ายส่วนต่างประมาณสองหมื่นกว่าบาทแม้จะไม่ใช่จำนวนที่น้อยแต่เขามั่นใจแน่นอนว่าพ่อของเขาจ่ายไหว การผ่าตัดผ่านไปได้ด้วยดีแต่ที่บ้านยังหาเงินได้ไม่พอมารดาของกระท้อนจึงอยากจะมาขอผ่อนผัน
“ยาย! ยายฟื้นแล้ว เย้ๆ ยายของกระท้อนฟื้นแล้ว” กระท้อนกระโดดโลดเต้นดีใจยกใจเมื่อคุณยายฟื้นคืนสติ
“เสียงดังจริงๆหลานสาวคนนี้” ยายกระจ่างบอกออกไปน้ำเสียงแหบพร่า
“ฮ่าๆก็กระท้อนดีใจนี่หน่า รักยายนะคะ”
“ดื่มน้ำก่อนจ้ะแม่”
“ขอบใจนะแม่กระถิน ยายก็รักกระท้อนนะ รักมาก กระท้อนกับแม่ของกระท้อนเป็นดวงใจของยายนะรู้ไหม”
“รู้สิคะเพราะยายกับแม่ก็เป็นดวงใจของกระท้อนเหมือนกัน” กระถินยิ้มทั้งน้ำตาดีใจที่ผู้เป็นแม่ปลอดภัยดีแล้ว แต่ในใจก็นึกเป็นกังวลเรื่องค่ารักษา เธอไม่แน่ใจว่าทำไมได้ผ่าตัดทันทีทั้งๆที่ยังไม่ได้ชำระค่าผ่าตัดบางส่วนตามข้อตกลง
"คะ คือค่ารักษา..."
"ค่ารักษาของคุณยายกระจ่างถูกชำระแล้วนะคะ ไม่มียอดค้างค่ะ"
"อะไรนะคะ" กระถินถามออกไปเสียงดัง หล่อนฟังอะไรผิดไปหรือเปล่านะ กระถินเดินใจลอยกลับมาหาลูกสาวที่นั่งรออยู่ที่ม้านั่ง
"แม่เป็นอะไรไปจ๊ะ"
"มีคนใจดีมาจ่ายค่ารักษาของยายให้เราแล้วลูก แม่ดีใจจริงๆ แม่ไม่รู้ว่าเขาเป็นใครแต่ถ้าสักวันแม่รู้แม่จะต้องขอบคุณเขาช่วยเหลืออะไรก็ได้ที่เราพอจะช่วยเหลือได้เป็นการตอบแทนบุญคุณ กระท้อนยิ้มออกมาเต็มใบหน้าดีใจที่สิ่งที่ภามพูดมันเกิดขึ้นจริง พ่อของภามช่วยให้คุณยายได้ผ่าตัดสำเร็จ
"ขอบคุณที่ช่วยเหลือกระท้อนนะภาม ในอนาคตถ้าภามอยากให้กระท้อนช่วยอะไรภามบอกฉันได้เลยนะ"
"ไม่เป็นไรเรื่องเล็กน้อยหน่า ช่วยเหลือกันมันเป็นสิ่งที่ควรทำไม่ใช่หรอ" เขาถามออกไปยิ้มๆ แค่คนข้างกายรู้สึกไม่เป็นทุกข์เขาก็พอใจแล้ว ในใจเขาคิดว่าเงินแค่นี้พ่อเขาไม่สะท้านหรอกชิลๆ
ปัจจุบัน
"จำได้หรือยังกระท้อน"
"อืม จำได้แล้ว"
"กระท้อนจำที่เคยสัญญากับเราได้ไหมกระท้อน"
"จำได้สิ ภามอยากให้กระท้อนช่วยอะไรล่ะ"
"อยู่กรุงเทพใช่ไหม"
"ใช่ตั้งแต่เรียนจบกระท้อนก็ย้ายมาอยู่กรุงเทพ"
"คุณยายเป็นไงบ้าง"
"ท่านเสียไปห้าปีเห็นจะได้"
"เสียใจด้วยนะ"
"กระท้อนทำใจได้แล้วล่ะ ว่าแต่จะให้ทำอะไรก็บอกมาเถอะ"
"มาหาภามที่คอนโดสิแล้วจะรู้"
"ทำไมต้องไปที่คอนโดล่ะไปที่อื่นแทนได้ไหม เราเป็นผู้หญิงมันเสียหายนะ" ภรัณยูหนุ่มโสดที่ควงสาวไม่ซ้ำหน้าขึ้นคอนโดลืมนึกถึงเรื่องนี้ไปซะเสียสนิท ผู้หญิงที่เข้าหาเขามีแต่คนอยากจะพลีกายให้เขาทั้งนั้น
"ก็ได้ๆขอโทษที งั้นมาตามที่อยู่ที่จะส่งให้แล้วกันนะ"
"ก็ได้แล้วเจอกัน" กระท้อสตัดสินใจได้อย่างง่ายดายเพราะไม่ว่าเขาจะให้ทำอะไรเธอก็พร้อมจะตอบแทนบุญคุณของเขาอยู่แล้ว
เธอมาถึงที่นัดฟมายก่อนเวลาห้านาที รอไปอีกสักพักก็มีชายหนุ่มรูปงามรูปร่างสูงโปร่งปรากฎตัวขึ้น เขาสวมแว่นตาดำ ผิวขาวจัดของเขาตัดกับสูทสีดำดูภูมิฐานมากๆ
"อะ เอ่อภามใช่ไหม" เธอถามออกไปอย่างไม่แน่ใจแต่ก็คิดว่าใช่เขาเพราะเธอรู้จักคนไม่เยอะ
"ใช่เราภาม กระท้อนเปลี่ยนไปเยอะเหมือนกันนะ" เขาเองก็แอบพิจารณาผู้หญิงตรงหน้าเช่นกัน หญิงสาวเปลี่ยนจากเด็กกะโปโลมาเป็นนางฟ้าเลยก็ว่าได้ เธอมีผิวสีน้ำผึ้งเป็นเอกลักษณ์ ใบหน้ารูปไข่ถูกแต่งแต้มให้สวยงามเหมือนนางเอกละครยังไงยังงั้น
"เราโตแล้วเราก็ต้องดูแลตัวเองสิ"
"มีหนุ่มมาจีบหรือยัง ไม่ใช่สิมีแฟนหรือยัง" เขาถามหญิงสาวออกไปตรงๆอย่างไม่อยากอ้อมค้อม
"ยังไม่มีแฟน"
"เยี่ยม"
"หืม ทำไมต้องดีใจขนาดนั้นล่ะ"
"เพราะถ้ากระท้อนมีแฟนกระท้อนคงช่วยเราไม่ได้"
"มะ หมายความว่ายังไงนะกระท้อนไม่เข้าใจ"
"เราต้องการให้กระท้อนอุ้มท้องลูกของเรา"
"อะไรนะ" เธอถามกลับอย่างไม่เชื่อหู เขาต้องสื่อสารอะไรบางอย่างผิดไปแน่ๆ
"ไปเรียนเมืองนอกมาหลายปีกระท้อนว่าภามน่าจะใช้คำผิดนะ"
"ไม่ผิดแน่นอน ภามอยากให้กระท้อนเป็นแม่ของลูกภาม"
"..."
"คุณย่าต้องตัดภามออกจากกองมรดกแน่ๆถ้าภามไม่มีหลานไปให้ท่านเชยชมอุ้มชู"
"มันจะบ้าไปใหญ่แล้ว นี่มันเรื่องใหญ่มากเลยนะภาม"
"เพราะมันเป็นเรื่องใหญ่น่ะสิภามถึงได้ขุดสัญญาที่กระท้านเคยให้ขึ้นมา"
"ผู้หญิงในโลกนี้มีตั้งเยอะแยะทำไมถึงเลือกกระท้อนล่ะ" เธอไม่เข้าใจความคิดของชายหนุ่มจริงๆ
"เพราะว่าผู้หญิงคนอื่นจ้องจะจับภามเพราะเงินของภาม"
"แล้วไม่คิดว่ากระท้อนก็จะจับบ้างหรอ" ชายหนุ่มถึงกับส่ายหัวไปมาเบาๆแล้วก็ยิ้มออกมา
"เพราะภามรู้ไงว่ากระท้อนไม่ใช่คนแบบนั้น"
"เอาอะไรมามั่นใจอ่ะถามจริงๆนะ"
"ไม่รู้สิแต่มันมั่นใจไปแล้ว แล้วสรุปจะช่วยไหม"
"แล้วคิดว่ากระท้อนปฎิเสธได้หรอ แต่ขอบอกไว้ก่อนนะว่าต้องพึ่งวิทยาศาสตร์นะ"
"ได้สิวิธีไหนก็ได้ขอให้มีลูกได้ก็พอ วิธีธรรมชาติภามก็ไม่ขัดนะ" เขาส่งสายตาเป็นประกายไปให้หญิงสาว
"ไม่ต้องมาทำสายตาแบบนั้นเลยนะเพราะว่ากระท้อนไม่หลงกล" เธอเชิดหน้าขึ้นนิดๆอย่างเป็นต่อ
"กระท้อนก็ยังเป็นกระท้อนอยู่วันยังค่ำ"
"ละแล้วจะเริ่มเมื่อไรล่ะ"
"วันจันทร์ดีไหม"
"บะ บ้าหรอพรุ่งนี้วันจันทร์แล้วนะ"
"ใช่ไงยิ่งเร็วยิ่งดี"
"ละ แล้วงานของกระท้อนล่ะกระท้อนจะทำยังไง"
"ไปลาออกเถอะเราเลี้ยงกระท้อนได้"
"แล้วหลังจากนั้นล่ะ กระท้อนไม่กลายเป็นคนตกงานหรอ"
"เรื่องนั้นไม่ต้องเป็นห่วงนะยังมีบริษัทของภามรองรับอยู่แน่นอน"
"เอาอย่างนั้นก็ได้" ในใจของหญิงสาวคิดว่าแค่ไม่กี่เดือนเธอก็คลอดลูก หลังจากนั้นต่างฝ่ายต่างก็คงแยกย้ายกันไปจึงไม่จำเป็นที่ต้องปรึกษาคนเป็นแม่อย่างกระถิน
ภามพากระท้อนมาที่โรงพยาบาลเพื่อตรวจสุขภาพ ผลออกมาดีทั้งคู่เลย การอุ้มบุญคือการนำตัวอ่อนฝังเข้าไปในมดลูกของหญิงที่อุ้มบุญ ซึ่งตัวอ่อนที่ว่าคือสเปิร์มของเขากับไข่ของหญิงสาวนั่นเอง คุณหมอยังแอบสงสัยและบอกว่าทั้งสองคนร่างกายแข็งแรงแบบนี้ทำไมไม่ลองวิธีธรรมชาติก่อนจะมาเสียตังค์แพงๆทำไมกัน
"หมอคิดว่าวิธีธรรมชาติก็น่าสนใจนะคะ" คุณหมอเสนอความเห็น
"วิธีไหนที่มันได้ผลลัพธ์แน่นอนก็เอาวิธีนั้นแหละหน่า"
"พูดกับคุณหมอดีๆสิภาม" หญิงสาวเอ่ยเตือนชายหนุ่มอย่างสุภาพ
"ฮ่าๆฉันเห็นแววในอนาคตของแกแล้วนะภาม" ลินดาแอบขำที่เห็นเพื่อนหน้าสลดเมื่อถูกหญิงสาวที่พ่วงตำแหน่งแม่อุ้มบุญของเพื่อนดุเอา
"อะ อ้าว" นี่เขาสองคนรู้จักกันหรอกหรอเธอได้แต่คิดในใจ
"พวกเราเป็นเพื่อนกัน" คิ้วที่ผูกกันเป็นปมของหญิงสาวทำให้ชายหนุ่มต้องรีบเฉลย
"ลินดาค่ะ ยินดีให้คำปรึกษาคุณกระท้อนทุกเรื่องเลยนะคะโดยเฉพาะเรื่องบนเตียง"
"ทะลึ่งไอ้ลิน"
"ฮ่าๆ" คุณหมอสาวหัวเราะออกมาคิกคัก เธอเสนอให้เพื่อนใช้วิธีทำกิฟต์ถ้าไม่อยากใช้วิธีธรรมชาติ การทำกิฟต์เป็นการดูดเอาไข่ที่ถูกกระตุ้นออกมาจากรังไข่แล้วนำมาผสมกับอสุจิที่ได้คัดเลือกแล้วว่าสมบูรณ์ จากนั้นจะฉีดเข้าไปในท่อนำไข่เพื่อให้เกิดการปฏิสนธิตามธรรมชาติ เมื่อเมื่อมีการปฏิสนธิกันแล้วตัวอ่อนจะเคลื่อนไปตามท่อนำไข่แล้วฝังอยุ่ในโพรงมดลูกหลังจากนั้นก็จะเกิดการตั้งครรภ์ตามปกติ
"ขอบใจมากนะที่วันนี้มีคิวให้"
"สำหรับเพื่อนรักว่างเสมอค่า จะเข้ามาทำตอนไหนก็บอกนะ"
"โอเค ไม่น่าเชื่อว่าคนอย่างแกจะเป็นหมอได้นะ"
"อ้าวเห้ยแกนี่มัน คุณกระท้อนก็ถือซะว่าทำบุญใหญ่ปลดปล่อยความทุกข์ให้เสือนะคะ" หญิงสาวทำหน้างง
"เสืออะไรของแก" ภรัณยูเองก็ไม่เข้าใจที่เพื่อนต้องการจะสื่อ
"ก็เสือผู้หญิงอย่างแกไงล่ะ กว่าจะตั้งท้องกว่าจะคลอดลินคิดว่าคุณกระท้อนจะต้องเตรียมตัวเตรียมใจเลยนะคะเพราะจะมีผู้หญิงสาวคนมาฉีกอกคุณกระท้อนได้"
"อย่ามาพูดให้กระท้อนกลัวเล่นๆสิ"
"กระท้อนไม่กลัวหรอกค่ะ ให้เป็นไม้กันหมาด้วยใช่ไหมละคะ" เธอถามกลับชายหนุ่มยิ้มๆ
"ใช่เลย"
"เห็นม่ะไม่เป็นอย่างที่ฉันพูดตรงไหนไม่ทราบ"
"เงียบไปเลยขอยาบำรุงให้กระท้อนด้วย"
"ได้เลยค่ะคุณเพื่อน" หลังจากปรึกษาเพื่อนสาวที่เป็นหมอเรียบร้อยเขาก็พาเธอมาส่งที่ห้องพักของเธอ
"พักอยู่ที่นี่หรอ"
"อืม ค่าเช่ามันถูกน่ะ"
"มันดูไม่ปลอดภัยเลยนะกระท้อน"
"กระท้อนอยู่มาได้ตั้งนานไม่เป็นอะไรหรอก รีบกลับเถอะเดี๋ยวรถจะติดนะ"
"อืม อยู่ห้องที่เท่าไร"
"205 ชั้นสองห้องห้า"
"ล็อคห้องดีๆล่ะ"
"ค่าคุณพ่อ" คุณพ่อหรอ เขาอยากเป็นคุณพ่อเหมือนกันแฮะ ชายหนุ่มขับรถออกไปทันที หญิงสาวเดินไปยังห้องพักของตน ควานหากุญแจห้องในกระเป๋าอย่างยากลำบากเพราะไฟเน้ากรรมหน้าห้องดันมาเสียซะได้
"กลับมาดึกจังเลยนะน้องสาว"
"อะ เอ่อค่ะพอดีไปธุระกับแฟน"
"ฮ่าๆ อย่ามาโกหกกันเลยพี่รู้ว่าน้องไม่มีแฟน" ชายคนดังกล่าวขยับเข้ามาใกล้จนหญิงสาวได้กลิ่นแอลกอฮอล์
"พี่พักอยู่ที่นี่เหมือนกันหรอคะไม่เคยเห็นหน้า"
"พี่มาหาเพื่อนแล้วก็เจอน้องพอดี" ชายตรงหน้าจ้องมองเธอแทบจะกลืนกิน สติที่มีของเขาคงเหลืออยู่น้อยนิด
"พี่ถอยไปเถอะค่ะหนูจะเข้าห้องแล้ว"
"พี่ขอเข้าไปด้วยสิ" เขายกมือขึ้นมากุมที่ลูกบิดประตูทำให้เธอไขกุญแจเข้าห้องไม่ได้ ที่นี่ไม่ปลอดภัยอย่างที่ภรัณยูว่าแต่เธอก็ไม่คิดว่าโชคร้ายจะมาตกอยู่ที่เธอ
"ถะ ถอยไปสิคะ เราอย่ามายุ่งเกี่ยวกันดีกว่าค่ะ ต่างคนต่างไปเถอะนะคะ พี่มาหาเพื่อนเสร็จพี่ก็ควรกลับได้แล้ว"
"ปากดีนักนะ อย่าจะรู้นักว่าถ้ามานอนใต้ร่างฉันยังจะปากดีอยู่ไหม"
"กรี๊ดด ออกไปนะ โอ๊ย!" เธอพยายามปัดป้องแต่ไม่สำเร็จ หญิงสาวจุกจนตัวงอเพราะคนร้ายชกเข้าที่หน้าท้องอย่างจัง มันกะว่าไม่ให้เธอต่อกรอะไรได้อีก เอาจริงๆที่ห้องเช่าแห่งนี้ก็มีผัวเมียทะเลาะกันบ่อยๆนั่นจึงเป็นเหตุผลให้คนอื่นๆไม่กล้ายื่นมือเข้ามาช่วยเพราะที่ผ่านมาก็กลับไปดีกันเหมือนเดิม แต่สำหรับเธอมันต่างออกไปมันกำลังจะกลายเป็นจุดจบของเธอ เธอขัดขืนมากๆมันก็อาจจะฆ่าเธอปิดปากเลยก็ได้
"สิ้นฤทธิ์แล้วน่ะสิ มานี่คืนนี้เรามาสนุกกัน" มันบอกออกมาน้ำเสียงดี้ด้าสุดๆ ต่างจากเธอที่กลัวจนเหงื่อชื่นทั้งใบหน้าและมือทั้งสองข้าง
"มะ ไม่นะ" เธอบอกออกไปน้ำเสียงแผ่วเบา มันเบาจนอีกฝ่ายไม่ได้ยิน ชีวิตของเธอคงจบแล้วสิคะ ถ้าตัวเธอสกปรกเธอก็คงนะช่วยภรัณยูไม่ได้แน่ๆ
ด้านภรัณยูเขาขับรถออกไปแล้วก็จริงแต่พอมองเบาะข้างๆก็เห็นว่าเธอลืมกระเป๋าใบน้อยเอาไว้ เขาคิดว่ามันต้องสำคัญกับเธอแน่ๆจึงได้วนรถเอากลับมาคืนให้ แต่ก็เป็นจังหวะที่เขาเห็นว่าเธอกำลังจะถูกทำร้ายพอดี
"คิดจะทำอะไรห่ะ" ภามตะโกนถามออกไปเสียงดัง ความหวังของเธอยังไม่ดับสูญสินะเขามาช่วยเธอแล้ว
"เรื่องของผัวเมียอย่ามายุ่ง"
"เมียบ้านแกน่ะสินั่นน่ะเมียฉัน ภรัณยูตะโกนออกไปเสียงดังจนชาวบ้านเริ่มแตกตื่นเปิดประตูออกมาดู คนร้ายมันกลัวว่าจะกลายเป็นเรื่องใหญ่จึงรีบหาจังหวะหลบหนีตอนที่ชายหนุ่มก้มลงไปดูอาการของหญิงสาว เขาไม่รู้ว่าเธอได้รับบาดเจ็บอะไรหรือไม่
"เดี๋ยวสิว่ะ" เขาหันไปหยุดคนร้ายเอาไว้
"อยู่ก็โง่แล้ว" มันตะโกนกลับมาเสียงดังจากนั้นก็หลบหนีไปทันที
"จับตัวมันให้ทีครับ เป็นอะไรไหม" ประโยคหลังเขาหันมาถามหญิงสาวด้วยความเป็นห่วง
"ปวดท้อง"
"มันต่อยกระท้อนหรอ" สาวสวยพยักหน้าหงึกๆ เขารู้สึกเจ็บใจมากๆที่มันหนีไปได้ ที่นี่ไม่ใช่ที่หญิงสาวควรจะอาสัยอยู่อีกต่อไป
"ที่นี่อันตรายเกินไปกระท้อนต้องย้ายไปอยู่กับภาม" ชายหนุ่มบอกออกไปน้ำเสียงจริงจัง
"ว่าไงนะ"
"เก็บของเท่าที่จำเป็นแล้วกระท้อนต้องย้ายออกทันที ที่นี่ไม่สมควรอยู่แม้แต่นาทีเดียว"
"ตะ แต่กระท้อนเพิ่งจ่ายค่าเช่าล่วงหน้าไปนะเสียดายเงิน"
"เรื่องเงินชั่งมันเถอะไม่ตายก็หาใหม่ได้จริงไหม เห็นไหมว่าเป็นอย่างที่ภามเตือนก็ไม่เชื่อเกือบไปแล้วไหมล่ะ อันตรายจริงๆ มันมาในรูปสัตว์นรกชัดๆ" เขาบอกเธอเสียงเข้ม และมันก็จริงอย่างที่เขาบอกทุกอย่างนั่นแหละ ไอ้เลวนั่นมันคือสัตว์นรกชัดๆ
"ขอบคุณนะที่มาช่วยได้ทัน กระท้อนเป็นหนี้บุญคุณภามอีกแล้ว" เธอรู้สึกเหมือนสวรรค์มาโปรดบุญของเธอยังพอมีบ้างแน่ๆถึงได้มีพระเอกขี่ม้าขาวมาช่วย
"อย่าคิดแบบนั้นสิรีบไปเก็บของเร็วเถอะ เอาแต่จำเป็นนะแล้วนี่ต้องไปโรงพยาบาลไหม ไหวหรือเปล่า"
"ไม่เอากระท้อนอยากนอนพักไม่อยากไปโรงพยาบาล"
"เป็นเด็กกลัวโรงพยาบาลหรอเนี่ย"
"อืม กระท้อนไม่ชอบเลี่ยงได้ก็อยากจะเลี่ยง"
"ถ้าไม่ไหวต้องไปนะห้ามฝืนเข้าใจไหม" เขากำชับอีกครั้งหนึ่ง
"อืม" ข้าวของของหญิงสาวมีไม่มากใช้เวลาแปบเดียวก็เก็บของสำคัญมาได้หมด
"ไปกันเถอะ รับรองว่าคอนโดของภามปลอดภัยแน่นอน"
"อืม"
หญิงสาวรู้สึกเสียขวัญเป็นอย่างมาแต่ก็มีภรัณยูคอยปลอบขวัญอยู่ข้างกาย อย่างน้อยเวลานี้เธอก็ยังมีเขาเป็นที่พึ่ง เขาบอกว่าจะพาเธอไปพักด้วยกัน ครั้งนี้เธอปฏิเสธเขาไม่ได้แล้วเพราะที่พักที่เคยเป็นที่พักตอนนี้มันเป็นที่ที่ทำให้เอรู้สึกหวาดกลัว เขาพาเธอมาที่คอนโดสุดหรูของตน ชั้นบนสามารถมองเห็นวิวรอบกรุงเทพมหานครบอกเลยว่าน่าประทับใจมาก ที่นี่มีระบบรักษาความปลอดภัยดีเยี่ยมแถมชั้นที่เขาอยู่ก็ไม่มีคนอื่นมาอยู่ปะปนด้วยนั่นทำให้ปลอดภัย 100%
"ต้องหรูขนาดนี้เลยหรอ" หญิงสาวตื่นตาตื่นใจที่ได้เข้ามาในห้องพักสุดหรูของชายหนุ่ม มองออกไปที่ระเบียงเห็นสระว่ายน้ำขนาดใหญ่
"อยู่สูงขนาดนี้ยังมีสระว่ายน้ำด้วยหรอ" เธอถามออกไปด้วยความแปลกใจ เงินนี่มันเนรมิตทุกอย่างได้จริงๆสินะ การที่จะสร้างสระว่ายน้ำบนนี้ต้องใช้เงินมากขนาดไหนกันนะ เธอเคยคำถามต่างๆมากมายในหัว
"ก็ภามชอบว่ายน้ำนี่จะไม่มีสระส่วนตัวได้ยังไง"
"วันหลังสอนบ้างสิอยากว่ายท่าต่างๆได้บ้าง ตอนเด็กๆว่ายแต่น้ำคลอง คิกๆ" เธอหัวเราะออกมาเบาๆ ตอนเป็นเด็กไม่เคยต้องเครียดหรือแบกรับภาระอะไรเลยต่างจากตอนโตเป็นผู้ใหญ่
"ได้เลย ตอนนี้ก็ไปพักก่อนเถอะ คืนนี้นอนที่ห้องนอนแขกก่อนแล้วกันนะ ป้าแม่บ้านมาทำความสะอาดห้องให้ภามประจำอยู่แล้ว"
"ขอบคุณมากนะ ดีจัง"
"อย่าขอบคุณกันบ่อยๆเลยนะ เราสองคนยังต้องพึ่งพากันอีกนานแน่ๆเชื่อภามสิ"
"อืม ก็จริงงั้นขอไปนอนก่อน เอาจริงๆมันเริ่มระบมแล้วล่ะ"
"อย่าลืมที่บอกนะไม่ไหวอย่าฝืน"
"โอเค" กว่าเธอจะข่มตานอนหลับก็เป็นเวลาตีสองแล้ว พอหลับก็ดันนึกถึงเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นทำให้เธอต้องกรี๊ดออกมาเสียงดัง ภรัณยูได้ยินเสียงร้องของหญิงสาวจึงรีบวิ่งมาดู
“เป็นอะไรไปกระท้อน”
“กระท้อนฝัน” เธอตอบกลับเสียงเบา ในฝันมันน่ากลัวมากๆ
“ฝันร้ายหรอ”
“อืม เหตุการณ์มันเหมือนตอนนั้นเลย” เขาเข้าใจได้ทันทีว่าเธอกำลังหมายถึงตอนไหน
“ไม่ต้องกลัวนะกระท้อนอยู่ที่นี่ปลอดภัยแน่นอน”
“เฮ้อ มันคงฝังใจกระท้อนไปแล้ว”
“ภามเชื่อว่าเวลาจะเยียวยาทุกอย่างได้ กระท้อนอดทนนะ”
“อืม ขอบใจภามมากนะ กระท้อนไม่รู้จะต้องทำยังไงถึงจะตอบแทนบุญคุญของภามได้หมด”
“เลิกคิดเรื่องบุญคุณเถอะเป็นคนอื่นภามก็ต้องช่วย” เป็นธรรมดาที่เมื่อเห็นคนเดือดร้อนอยู่ข้างหน้าก็ต้องให้การช่วยเหลือ
“ก็ได้ขอบใจนะ”
“อืม นอนหลับซะนะมันไม่มีอะไรหรอก พรุ่งนี้จะได้ตื่นมาเจอแต่สิ่งดีๆเชื่อภามนะ”
“โอเค” หลังจากที่ได้คุยกับชายหนุ่มเธอก็ไม่ฝันร้ายอีกเลยตลอดทั้งคืน
เช้าวันต่อมาหญิงสาวถูกปลุกจากการหลับใหลด้วยกลิ่นหอมๆของอาหารเช้า วันนี้ชายหนุ่มเข้าครัวด้วยตนเองเพราะเขากะจะทำเมนูง่ายๆอย่างไส้กรอกกับไข่ดาวให้หญิงสาวทานแทนการรอข้าวเช้ามาเสริฟ์
"ทำอะไรน่ะ"
"อาหารเช้าไง"
"ภามทำเป็นด้วยหรอ" เธอถามออกไปตาโตเพราะคิดว่าชายหนุ่มไม่น่าจะลงมือทำอาหารเช้าด้วยตัวเอง
"อย่าดูถูกกันสิเมนูง่ายๆก็พอทำได้"
"ดีเลยภามสอนกระท้อนว่ายน้ำ กระท้อนจะสอนภามทำกับข้าว"
"จริงนะ"
"จริงสิ กระท้อนนี่เซียนการทำกับข้าวเลยนะจะบอกให้"
"งั้นก็ดีเลยปกติทานแต่อะไรง่ายๆเพราะกลัวไปทำงานสาย"
"ก้ยังดีกว่าไม่มีอะไรรองท้องนะ กระท้อนน่ะบางวันก็ไม่ได้ทาน"
"ไม่ทานอาหารเช้าไม่ดีต่อสุขภาพนะ"
"กระท้อนรู้แต่สถานการณ์มันเร่งรีบไง ถ้ามัวมานั่งทานมีหวังไปทำงานสายโดนถูกหักเงินเดือนแน่ๆ"
"ต่อไปนี้ต้องทานทุกเช้าเลยนะ"
"ค่ะคุณพ่อ บ่นเป็นพ่อเลยนะ"
"ก็อีกเดี๋ยวก็จะกลายเป็นพ่อแล้วป่ะ"
"ก็จริงอีกนั่นแหละ กระท้อนขอไปอาบน้ำก่อนนะ"
“ไปสิอีกเดี๋ยวก็คงเสร็จแล้ว” หลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จแล้วเธอก็มานั่งประจำที่รอชายหนุ่มยกอาหารเช้าแสนอร่อยออกมารับประทานพร้อมกัน
“หน้าตาน่าทานมากเลย”
“แต่ไม่รู้รสชาติจะเป็นยังไงนะ”
“ต้องลอง มาๆหิวแล้ว”
“เดี๋ยวกระท้อน”
“ว่าไง”
"ถามจริงๆกระท้อนโอเคใช่ไหมที่มารับหน้าที่นี้ ภามไม่อยากกดดันกระท้อนเพราะเรื่องบุญคุณนะ"
"ทำไมจะไม่โอเคล่ะในเมื่อหน้าที่นี้คงเป็นของกระท้อนตั้งแต่แรกแล้วล่ะมั้ง ภามถึงยังได้ไม่หาใครมาทำแทน" เธอตอบกลับท่าทีสบายๆ เห็นแบบนั้นเขาก็รู้สึกโล่งใจ
"จะว่าอย่างนั้นก็ได้นะเพราะไม่มีผู้หญิงคนไหนเหมาะสมเท่ากระท้อนแล้วในสายตาของภาม"
"จะสำเร็จหรือเปล่าก็ไม่รู้แต่กระท้อนก็เอาใจช่วยนะ"
"กระท้อน"
"ว่าไง"
"วันนี้ไปลาออกจากงานเลยนะต่อจากนี้ภามให้กระท้อนใช้ชีวิตอย่างคุณนายได้เลย"
"จริงหรอ"
"จริงสิ"
"เห้อ ชีวิตบทจะสุขสบายก็สุขสบายง่ายๆอย่างนี้เลยเนาะ ภามรู้ไหมว่าตั้งแต่ที่คุณยายกระจ่างเสียชีวิตไป กระท้อนก็ลุกขึ้นมาทำหน้าที่หัวหน้าครอบครัวแทนแม่ แม่ก็แก่ลงทุกวันกระท้อนส่งเงินให้แกใช้ทุกเดือนถ้าลาออกแล้วกระท้อนจะเอาเงินที่ไหนส่งกลับล่ะ" เธอถามกลับอย่างปลงๆ เงินมันเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับเธอและครอบครัว ยังดีที่บ้านที่ต่างจังหวัดเป็นของมารดาไม่งั้นคงต้องมีค่าเช่าตามมาด้วย
"ภามให้เดือนละสองหมื่นห้าพอไหม ไม่รวมค่ากินค่าน้ำค่าไฟเพราะพวกนั้นภามออกเองอยู่แล้ว"
"เห้ย นั่นเยอะกว่าเงินเดือนทั้งเดือนของกระท้อนซะอีก"
"จริงหรอทำไมน้อยจัง" เขาถามกลับด้วยความสงสัย
"ตำแหน่งเล็กๆก็แบบนี้ล่ะจะร้องเรียกอะไรไม่ได้มากหรอกนะ"
"เอาเป็นว่าภามให้สองหมื่นห้าแล้วกระท้อนบริหารเองแล้วกันนะ เงินส่วนนี้ภามจะไม่ยุ่งภามบอกว่าภามเลี้ยงกระท้อนได้ก็คือเลี้ยงได้สบายมาก"
"ได้เลย ขอบคุณภามมากเลยนะ กระท้อนไม่รู้จะต้องขอบคุณยังไงแล้ว" เธอรู้สึกซาบซึ้งใจที่เขาดีกับเธอยิ่งกว่าญาติเสียอีก
"ภามอยากให้กระท้อนสบายใจที่สุด การอุ้มบุญจะได้ผ่านไปด้วยดีไง"
"จริงด้วยงั้นภามต้องตามใจกระท้อนนะ" เธอบอกออกไปขำๆไม่คิดจริงจังแบบที่พูดหรอก
"ได้เลยจะเอาอะไรว่ามา" สายเปย์เขาถนัดอยู่แล้ว
"ฮ่าๆ กระท้อนล้อเล่น กระท้อนไม่กล้าขออะไรแล้วล่ะแค่นี้ก็มากพอแล้ว"
"ขอได้ขอได้เท่าที่กระท้อนต้องการเลยนะ"
"ไม่เอาหรอกกระท้อนเกรงใจ"
"เกรงใจอีกแล้วเราเป็นเพื่อนกันอย่าเกรงใจนักเลย"
"มันอดไม่ได้นี่ อิ่มจัง"
"อร่อยไหม"
"พอไปได้"
"ฮ่าๆ ไม่อร่อยก็บอกมาเถอะ" เขาหัวเราะออกมาเบาๆ
"อร่อยๆ มันอร่อยแล้ว"
"เอาไว้วันหลังก็ทำให้ภามทานบ้างสิจะได้รู้ว่าที่อร่อยมันเป็นยังไง"
"งั้นเอาเป็นต้มยำกุ้งสูตรยายกระจ่างก่อนไหม"
"เอาสิ แถวนี้มีห้างสามารถเดินไปได้นะเพราะไม่มีวัตถุดิบอะไรให้กระท้อนเลย"
"ได้เลยเดี๋ยวกระท้อนไปเอง มื้อนี้กระท้อนเลี้ยง"
"รอทานนะ"
"อืม เอาไว้เลิกงานก่อนนะ"
"โอเค"
กระท้อนออกไปทำงานหลังจากรับประทานมื้อเช้าที่ชายหนุ่มตั้งใจทำให้ หน้าคอนโดของเขาติดกับสถานีรถไฟฟ้าทำให้เดินทางไปทำงานสะดวกมากขึ้น เธอไม่ต้องนั่งวินหรือรถเมล์โดยสารที่แออัดไม่มีที่นั่งว่างเผื่อเธอสักครั้ง เมื่อมาถึงเธอก็เจอกับพี่ปุ๊กพี่ที่ทำงานมาด้วยกันตั้งแต่แรกเริ่ม
"อ้าวยัยกระท้อนวันนี้ทำไมมาเร็ว" ปุ๊กอดแปลกใจไม่ได้ที่เห็นรุ่นน้องสาวมาทำงานเช้ากว่าทุกวันแถมวันนี้ยังดูไม่วุ่นวายเหมือนทุกวันที่ผ่านมา
"วันนี้รถไม่ติดค่ะเพราะมาบนฟ้า" เธอตอบกลับรุ่นพี่สาวกวนๆ
"ห่ะ"
"คิกๆ กระท้อนนั่งรถไฟฟ้ามาค่า"
"มาแปลกนะวันนี้ปกติผมยุ่งมาเลย"
“นั่งวินก็จะเป็นแบบนั้นค่ะ” คำว่าวินคือซิ่งสุดใจ ผมที่เธอตั้งใจจัดมาอย่างดีก็พังไม่เป็นท่าเสมอ
“ที่พักกระท้อนไม่ได้ติดกับรถไฟฟ้านี่แล้วทำไมขึ้นรถไฟฟ้าได้ล่ะ”
“พอดีเมื่อคืนเกิดเรื่องกระท้อนเลยย้ายที่พักชั่วคราวก่อนค่ะ”
“เกิดเรื่องอะไรขึ้น”
“คนเมาจะข่มขืนกระท้อนค่ะแต่เพื่อนของกระท้อนช่วยเอาไว้ได้ทันเวลาพอดี”
“ตายจริง คุณพระคุณเจ้ากระท้อนแจ้งตำรวจหรือยัง”
“คนร้ายมันหนีไปแล้วค่ะ ตอนนั้นมันมืดด้วยจำหน้าคนร้ายไม่ได้”
“บ้าจริงๆเกิดเรื่องแบบนี้กับกระท้อนได้ยังไงนะ บุญแค่ไหนแล้วที่รอดมาได้ โชคดีจริงๆที่เพื่อนช่วยเอาไว้ได้ทันถ้าไม่อย่างนั้นพี่ไม่อยากจะคิดเลย” ปุ๊กรู้สึกโล่งอกเป็นอย่างมาก กระท้อนเป็นคนดีไม่น่าต้องมาเจอเหตุการณ์ร้ายๆแบบนี้
“นั่นสิคะ ว่าแต่พี่ปุ๊กคะ"
"ว่าไง"
"กระท้อนจะมาขอลาออกค่ะ"
"ลาออก! อะไรกันลาออกแล้วแกจะเอาอะไรกิน หรือว่ามีที่ทำงานใหม่แล้ว" ปุ๊กถามกลับด้วยความไม่เข้าใจ สมัยนี้งานมันหายากจะตายไป
"ไม่ใช่หรอกค่ะ"
"พี่ขอให้หัวหน้าเพิ่มเงินเดือนให้ดีไหม กระท้อนไม่พอใช้ใช่หรือเปล่าพี่ได้ข่าวว่าส่งให้ทางบ้านด้วย"
"ไม่เป็นไรเลยค่ะ กระท้อนจำเป็นต้องลาออกจริงๆแต่ยังบอกเหตุผลกับใครไม่ได้เท่านั้นเองค่ะ"
"เฮ้อ เรานี่น้าทำให้พี่ใจหาย พี่จะไปหาใครมาแทนกระท้อนได้ล่ะเนี่ย"
"เอาไว้วันไหนว่างๆก็นัดกันออกมาทานข้าวได้ค่ะ กระท้อนยังอยู่ในกรุงเทพนี่แหละค่ะยังไม่ได้กลับต่างจังหวัด"
"อืมๆเอาอย่างนั้นก็ได้ แต่พี่ก็ขอให้กระท้อนโชคดีนะ ยังไงก็ช่วยทำต่อถึงสิ้นเดือนได้ไหมอีกอาทิตย์เดียวเอง ขอเวลาให้พี่หาคนใหม่มาช่วยงานก่อนไม่งั้นพี่ทำงานคนเดียวหัวหมุนแน่ กระท้อนก็รู้ขนาดมีกระท้อนพี่ยังจะแย่ให้พี่ทำคนเดียวพี่ตายดีกว่า" นางอดจะบ่นไม่ได้ที่นางต้องทำงานถวายชีวิตเพื่อเงินเดือนอันน้อยนิด แม้หล่อนจะไม่มีภาระแต่ก็ไม่ได้ใช้ชีวิตสะดวกสบายเท่าที่ควร
"ได้เลยค่ะ"
"ขอบใจนะ" เธอทำงานเป็นคนออกแบบการ์ตูนให้หนังสือการ์ตูนฉบับหนึ่ง ความจริงเงินเดือนเธอจะเยอะกว่านี้ถ้าย้ายไปทำงานกับบริษัทใหญ่ๆ แต่เธอก็มักจะนึกถึงวันแรกที่เข้ามาทำงานเสมอเลยตัดสินใจเปลี่ยนที่ทำงานไม่ได้สักที
"วันนี้เป็นไงบ้างล่ะกระท้อน ไปลาออกแล้วหรือยัง" ชายหนุ่มถามออกไปน้ำเสียงราบเรียบ
"อืม กระท้อนไปลาออกมาแล้วแต่พี่เขาให้ช่วยงานต่อถึงสิ้นเดือนภามโอเคไหม" เธอถามกลับเสียงเบาไม่รู้เขาโอเคไหม
"โอเคๆ กระท้อนออกปุ๊บบั๊บเขาคงยังคงหาคนมาแทนไม่ได้ใช่ไหมล่ะ ภามเข้าใจ"