กัญญ์กุลณัชใช้เวลากว่าชั่วโมงขังตัวเองอยู่ในห้องน้ำในส่วนของห้องรับแขก เสียงปิดประตูลงเมื่อชั่วโมงก่อนหน้านี้ทำให้เธอรับรู้ได้ว่าหล่อนคงพาตัวเองออกไปจากห้องนี้ตั้งนานแล้ว
เหลือเพียงแต่ตัวของเธอเท่านั้นที่ยังสับสนและมึนงงในการกระทำของตัวเอง เธอปฏิเสธคนพวกนั้นมาโดยตลอดเกี่ยวกับเรื่องที่เธอเป็นคนตั้งกฏเอาไว้ แต่ทำไมกับหล่อน...เธอถึงเข้าหาหล่อนเองโดยที่ประกายดาวแทบไม่ต้องร้องขอ
ถกเถียงกับตัวเองอยู่อย่างนั้นจนเริ่มรู้สึกไม่ค่อยสบายตัว จึงลุกขึ้นจากอ่างอาบน้ำสุดหรูที่มีแม้กระทั่งในห้องน้ำทางฝั่งของห้องรับแขก กลับมาสวมชุดคลุมอาบน้ำตามเดิมและเดินฝ่าความมืดเข้ามาภายในห้องนอน
สภาพห้องตอนนี้ก็ดูไม่ต่างจากตัวเธอเท่าไหร่ ผ้าปูที่นอนยับยู่ยี่กับของเล่นชิ้นโปรดที่เธอจงใจใส่มันเพื่อต้องการจะกลั่นแกล้งคนเมื่อชั่วโมงก่อนยังคงถูกวางทิ้งไว้ตรงที่เก่า ในใจยอมรับเลยว่าเธอโกรธที่รับรู้ว่าหล่อนไม่ใช่สาวบริสุทธิ์แต่ก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมตัวเองจะต้องโกรธมากมายถึงเพียงนี้
เดินไปที่ตู้เสื้อผ้าและหยิบกางเกงขายาวกับเสื้อกล้ามขึ้นมาสวมใส่ มีเรื่องอะไรให้คิดมากมายจนตอนนี้ตัวเองเริ่มจะปวดหัว เธอจึงพาร่างสูงโปร่งของตัวเองไปเปิดผ้าปูที่นอนเพื่อที่จะพักผ่อน แต่เพียงแค่เปิดผ้าขึ้นเท่านั้น...ร่องรอยของคนที่เธอกระทำก็ปรากฏเด่นชัดจนเธอต้องขมวดคิ้วฉงน
คราบเลือดเป็นวงที่ยังไม่แห้งดีประจักรแก่สายตาให้เธอได้แต่นึกสงสัย ผ้าปูที่นอนสีขาวสะอาดถูกแต่งแต้มเป็นจุดทางยาวเพราะหล่อนคงจะขยับเขยื้อนตัวยิ่งทำให้เธอรู้สึกใจหายและเริ่มเป็นกังวล
หรือว่าตัวของหล่อนจะยังบริสุทธิ์...
กัญญ์กุลณัชรีบวิ่งไปต่อสายหาเลขาหนุ่มทันใดเพราะเธอคงทนไม่ไหวหากไม่ได้รับรู้ความจริง จิตใจมันกระวนกระวายเพราะรู้สึกผิดถ้าหากว่านี่เป็นครั้งแรกของหล่อนจริงๆ
“ครับคุณหนู...”
“ไปสืบมาให้ละเอียดว่าประกายดาวเคยถูกข่มขืนจริงหรือ”
“แต่เพื่อนของลุงหล่อนเป็นคนบอกผมมาเอง”
“ฉันให้เวลาแค่ 1 ชั่วโมงฉันต้องรู้ความจริง...ขอเบอร์ติดต่อหล่อนให้ฉันด้วย เดี๋ยวนี้!”
“ครับคุณหนู”
เพียงวางสายไปไม่ถึง 10 วีนาที เลขาผู้ภักดีก็ส่งเบอร์ติดต่อของหล่อนกลับมาให้ทันควัน แม้ตัวเองจะยังไม่เข้าใจว่าจะไปแคร์หล่อนทำไม แต่ความคิดนั้นก็หยุดลงเพียงเพราะตัวเองแค่รู้สึกผิดต่อหล่อนก็เพียงเท่านั้น
และมันจะต้องไม่มีอะไรมากเกินไปกว่านี้...
“รับสายสิ” ใจมันร้อนรุ่มเพราะปลายสายนั้นไม่มีการตอบรับ
กัญญ์กุลณัชเดินวนไปวนมาทั่วห้องด้วยหัวใจที่เต้นระรัว ถ้าหากว่านี่เป็นครั้งแรกของหล่อน สิ่งที่เธอทำลงไปเมื่อครู่มันก็รุนแรงมากเกินไปที่ครั้งแรกจะรับได้ไหว
และถ้าหากเธอรู้ว่าสรุปแล้วลุงของหล่อนนั้นพูดความเท็จ...เธอจะไม่มีวันปล่อยมันเอาไว้แน่!
ร่างสวยยังนั่งร้องไห้อยู่ในห้องน้ำไม่ยอมลุกไปไหน ในคราแรกเธอตั้งใจจะโดยสารรถประจำทางเพื่ออยากจะประหยัดค่าใช้จ่าย แต่ร่างกายของเธอมันเจ็บปวดเกินไปจึงจำใจต้องเรียกรถมารับถึงที่คอนโด
เสื้อของเธอถูกฉีดขาดจนไม่สามารถจะติดกระดุมได้ เธอจึงเน้นย้ำไปตรงนั้นว่าขอคนขับรถเป็นผู้หญิงเท่านั้น และในที่สุดฟ้าก็ยังเห็นใจเธอและส่งผู้หญิงมาให้จริงๆอย่างที่เธอนั้นต้องการ
แม้เขาจะพยายามถามไถ่ว่าต้องการความช่วยเหลือหรือไม่ แต่เมื่อเธอคิดไปถึงเรื่องน่าสมเพชเรื่องนั้นเธอก็เลือกที่จะปิดปากเงียบไม่แม้แต่จะสะอื้นออกมาให้เขานั้นได้ยิน
งานสบายที่ได้เงินดี...แลกมาด้วยความเจ็บปวดและชอกช้ำทั้งร่างกายและจิตใจ
สมเพชตัวเองเกินทนที่ตัดสินใจผิดพลาด ความสวยงามของเขาเมื่อแรกพบนั้นคือสิ่งที่เลวร้ายที่สุดและหลอกลวงที่สุด
เธอเกลียดเขาเหลือทน...ไม่อยากจะได้ยินแม้แต่ชื่อเสียงเรียงนาม
ประกายดาวลุกขึ้นไปยืนส่องกระจกในห้องน้ำด้วยสภาพเปียกชุ่ม ข้อมือของเธอช้ำเขียวเพราะถูกแรงรัดจากผ้าที่เขาใช้ ไหล่ของเธอทั้งสองข้างก็ไม่ต่างกันเพราะเขาบีบเค้นมันตอนส่งเสียงน่ารังเกียจ แถมซอกคอของเธอทั้งสองข้างก็ปรากฏเป็นจุดจ้ำแดงเพราะเขาดูดดุนเธออย่างรุนแรง และริมฝีปากของเธอก็แตกซ่านเพราะเขากัดมันในตอนท้าย
แต่จะโทษใครได้เธอเป็นคนเลือกเส้นทางนี้เอง...
กางเกงในที่ถูกทิ้งไว้หน้าห้องน้ำยังมีคราบเลือดที่ยังไม่แห้งสนิท การกระทำที่รุนแรงและไร้ความปราณีนี้เธอขอจดจำมันเอาไว้จนวันตาย
แต่มีสิ่งหนึ่งที่เธอเผลอเคลิบเคลิ้มและชื่นชอบมัน จนไม่สามารถจะลืมเลือนมันไปได้เลย นั่นก็คือสัมผัสจากริมฝีปากนุ่มหยุ่นของเขาที่ส่งมอบมาทางเธอ เหมือนเธอสัมผัสได้ว่าสิ่งนั้นมันออกมาจากตัวของเขาจริงๆ และรสจูบนั้นเขาก็ทั้งอ่อนโยนและนุ่มนวลจนเธอเผลอหลงใหล
ทั้งๆ ที่คุณเกรียงไกรบอกว่าห้ามให้เธอทำ แต่เขากลับทำมันได้อย่างนั้นนะหรือ...ไม่เห็นเข้าใจเลยจริงๆ
Rrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrr
เสียงโทรศัพท์กรีดร้องให้เธอนั้นตื่นขึ้นมาจากภวังค์ความคิด เธอพยุงร่างที่ทรุดโทรมของตัวเองเดินไปทิศทางที่มันวางอยู่ เบอร์แปลกโชว์หราทำให้เธอลังเลว่าควรจะรับมันดีไหม แต่สุดท้ายเธอก็กดรับสายแต่ก็ไร้ซึ่งเสียงกล่าวขานใดๆ ออกมาจากปลายทาง
“ฮัลโหล”
“...”
แม้เธอจะเป็นฝ่ายที่เริ่มพูดออกไปก่อนแต่คนปลายทางนั้นยังคงเงียบสนิท เธอดึงโทรศัพท์ออกมาดูก็พบว่าเขายังไม่ได้วางไปไหน จึงกรอกเสียงท้วงติงไปอีกครั้ง
“ถ้าหากไม่พูดจะวางแล้วนะคะ”
“เดี๋ยว...” เสียงที่เธอจงเกลียดจงชังดังขึ้นมาจนเธอต้องขมวดคิ้วแน่น “ประกายดาว...”
มือของเธอสั่นไหวเพราะความโกรธจัด เขาทำร้ายร่างกายและจิตใจเธอมากมายถึงเพียงนี้ ยังมีหน้ามาโทรหากันอีกอย่างนั้นหรือ...
“ดาว...”
“พูดตามตรงเลยนะคะ”
“...”
“ฉันขยะแขยงเสียงของคุณเต็มที!” กัญญ์กุลณัชเบิกตาโพรงทันใดที่ได้ยินประโยคนั้น
ในคราแรกเธอตั้งใจอยากจะมาพูดดีๆ กับหล่อนเพราะความรู้สึกผิด แต่หล่อนเป็นใครถึงกล้ามาพูดแบบนี้กับเธอกัน
ความโกรธเข้าครอบงำ...จนลืมสิ่งที่ตั้งใจจะพูดในคราแรกไปจนหมดสิ้น
“อย่าลืมว่าเธอเป็นคนเลือกเอง...มันไม่ใช่ความผิดของฉัน” เสียงเย็นยะเยือกที่ตอกกลับมาทำเอาเธอใจหล่นวูบ
ใช่สิ...เธอเป็นคนเลือกเอง ต้องโทษตัวเองสิถึงจะถูก
“ไม่มีอะไรฉันขอวางสายนะคะ”
“หึ! อย่าลองดีกับฉันนักเลย เธอมันก็แค่พวกผู้หญิงสวะที่ซื้อมาได้ด้วยเงินเท่านั้นแหละ...ประกายดาว”
ประกายดาวเจ็บจนจุกพูดอะไรแทบไม่ออก เพราะมันก็เป็นจริงอย่างที่เขาว่า เธอมันก็แค่ผู้หญิงสวะที่ต้องการเพียงแค่เงินของเขาเท่านั้น
“ฉันไม่มีวันปล่อยเธอไปไหนแน่ประกายดาว” เสียงปลายสายยังคงดังมาอย่างต่อเนื่อง มันเป็นคำพูดที่ไร้ซึ่งน้ำใจและเป็นเหมือนมีดที่ค่อยๆ กรีดเธอช้าๆ อย่างต้องการจะให้ตัวของเธอทรมาน
“คุณต้องการอะไรจากฉัน...”
“ผู้หญิงอย่างเธอมีค่าอะไรให้ฉันต้องการงั้นหรือ หืม?”
“...”
“จำใส่สมองของเธอเอาไว้นะประกายดาว...”
“...”
“เธอ เป็นของฉัน...ของกัญญ์กุลณัชแต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น ชาตินี้อย่าได้คิดจะหนีไปไหนไกล เพราะไม่ว่ายังไง...ฉันก็จะตามหาเธอให้จนเจอ!”