@Little Bar
“ชนนนนนน”
เสียงแก้วหลายใบกระทบกันกลางวงเหล้า ก่อนที่แต่ละคนจะหันไปดื่มเหล้าในมือของตัวเองจนหมด
“ฮ๊า รอบนี้บาดคอชะมัด” ไผ่หลิวพูดขึ้นหลังจากที่กินเหล้าในแก้วของตัวเองหมดแล้ว
“สุขสันต์วันเกิดนะกั้ง ว่าแต่คืนนี้ใครจะเป็นคนถือเค้กมาให้นายนะ” ฉันหันไปบอกกั้งพร้อมกับยิ้มล้อเลียน
วันนี้เป็นวันเกิดของกั้ง พวกเราเลยมาฉลองกันที่ Little Bar (อีกแล้ว) แต่ดูเหมือนว่าวันนี้ในร้านคนจะเยอะเป็นพิเศษ เพราะเรานั่งกันค่อนข้างเบียดเลยทีเดียว
แต่ว่าวันนี้คนที่ไม่ได้มาด้วยก็คืออาร์ต เห็นเขาบอกว่ามีธุระกับที่บ้านจะต้องกลับไปจัดการด่วน ซึ่งพวกเราก็ไม่ได้ถามต่อเพราะรู้ว่าคงเป็นเรื่องส่วนตัว
“แฮปปี้เบิร์ดเดย์จ้ากั้ง” เมษาพูดต่อจากฉัน
“เออใช่! สุขสันต์วันเกิด แต่วันนี้นายเลี้ยงใช่ป่าว” ไผ่หลิวถามย้ำ
“ก็ต้องเลี้ยงน่ะสิ ขอบใจพวกแกทุกคน เต็มที่ไปเลย” กั้งพูดก่อนจะเริ่มชงเหล้าแก้วต่อไป
“แอร๊ยย รอคำนี้แหละ ฉันจะไม่ทำให้นายผิดหวัง” พูดจบไผ่หลิวก็กระดกเหล้าแก้วใหม่ที่เพิ่งชงเข้าปากทันที
“เมษา วันนี้แกก็ต้องเมาให้เต็มที่นะรู้มั้ย” ฉันหันไปบอกกับเมษาที่วันนี้ดูจะกินน้อยกว่าปกติ
จึก จึก
ฉันหันไปตามที่มีคนมาสะกิดหลัง แล้วก็เจอกับผู้ชายหน้าตาดีคนหนึ่งที่เดินเข้ามาพร้อมกับแก้วเหล้าในมือ
“เอ่อ.. จะเป็นไรมั้ยถ้าฉันจะขอชนแก้วด้วย” เขาพูดก่อนจะเอามือลูบที่หลังคอไปด้วยเหมือนลดอาการประหม่า
“ได้สิ ^^” ฉันบอกเขาก่อนจะยกแก้วของตัวเองขึ้นไปชนด้วย
“โมอาใช่มั้ย ฉันชื่อฟิกซ์นะ อยู่สถาปัตปีสอง” เขาบอกฉันหลังจากที่เราดื่มเหล้าในแก้วของตัวเองกันเสร็จแล้ว
ฉันที่กำลังจะตอบฟิกซ์ไป สายตาดันเหลือบไปเห็นรันเวย์ที่นั่งกับกลุ่มเพื่อนของเขาห่างออกไปไม่ไกลนัก และเขาก็มองมาที่ฉันซะด้วยสิ
“โมอา เธอได้ยินฉันมั้ย? หรือว่าเสียงเพลงมันดังไป” ฟิกซ์พูดขึ้นมาอีกครั้ง ว่าแต่.. ก่อนหน้านี้เขาพูดอะไรกับฉันกันนะ
“อ่อ ขอโทษทีนะ เหมือนเสียงเพลงมันดังฉันเลยไม่ค่อยได้ยินน่ะ นายพูดว่าอะไรเหรอ” ฉันโกหกออกไป
“ฉันถามว่าฉันขอไลน์เธอไว้ได้มั้ย” ฟิกซ์ถามย้ำฉันอีกครั้ง
“ขอโทษนะฟิกซ์ แต่ฉันยัง…”
“ให้ไปเถอะโมอา ก็แค่ไลน์เอง” ฉันที่ยังพูดไม่ทันจบ ไผ่หลิวก็ชิงพูดแทรกขึ้นมาก่อน ยัยนี่คงรู้ว่าฉันจะปฏิเสธอีกตามเคยนั่นแหละ
“นะครับ สัญญาจะไม่รบกวนมากเกินไป” ฟิกซ์พูดและยิ้มให้ฉัน ซึ่งพอเขายิ้มแล้วดูน่ารักดีนะ
“ก็ได้” ฉันตอบตกลงก่อนที่เราสองคนจะแลกไลน์กันเสร็จเรียบร้อยแล้วฟิกซ์ก็ขอตัวกลับไปที่โต๊ะของเขา
“ก็แค่เนี้ยยย แต่ฉันเห็นนะว่ามีอีกคนมองแกอยู่นะโมอา” ไผ่หลิวพูดขึ้นพร้อมกับมองไปยังตำแหน่งที่พวกของรันเวย์นั่งอยู่
“ไม่ใช่หรอก แกก็อย่าจับผิดนักเลย” ฉันพูดเบาๆ
“ก็ได้ๆ เลิกพูดเรื่องนี้ก็ได้ ตอนนี้แกมาดูเมษาสิ เหมือนยัยนั่นเมาแล้วเลย” ฉันหันไปดูเมษาตามที่ไผ่หลิวบอก และก็เป็นจริงตามนั้น เหมือนวันนี้เมษาดูเมามากกว่าปกติเลยแฮะ
“เมษาแกเมาเหรอ?” ฉันถามเพื่อนที่ตอนนี้เหมือนจะนั่งเอนไปเอนมา
“ไม่มากๆ ฉันไหว พวกแกนั่นแหละมั่วแต่คุยกันไม่ยอมกินเลย ไหนบอกว่าจะเมาสุดๆ กันไงคืนนี้” เมษาพูดพร้อมกับชี้มาที่แก้วเหล้าของฉันสองคน
เพื่อนพูดมาขนาดนี้จะทำไงได้ ก็ต้องยกสิคะ
พวกเราสี่คนนั่งกินกันไปอีกสักพักจนถึงเวลาร้านปิด แต่ฉันยังแอบรู้สึกติดลมอยู่เลยแฮะ แถมเหล้าก็ยังเหลืออีกตั้งเยอะ
“ยังไม่อยากกลับเลยอ่า” ฉันพูดออกมาอย่างงอแง
“ที่จริงพวกเราจะนั่งต่อก็ได้นะ ฉันคุยกับเฮียเวกัสไว้แล้ว เดี๋ยวเขาจะมานั่งกินกับพวกเราด้วย” กั้งบอกกับพวกเรา ฉันพยักหน้ารับรู้เพราะพี่เวกัสที่กั้งพูดถึงก็คือเจ้าของร้านนี้นั่นเอง
“มาๆ ไอ้กั้งมานั่งรวมโต๊ะเดียวกันเลย” เฮียเวกัสเดินมาเรียกกลุ่มพวกฉันและชี้ไปยังโต๊ะอีกฝั่งที่มีอีกกลุ่มนั่งอยู่
โต๊ะของรันเวย์ O.O
“อะนี่ ไอ้พวกนี้เป็นรุ่นน้องที่คณะพี่เอง” เฮียเวกัสแนะนำพวกกลุ่มของรันเวย์ให้พวกฉันรู้จัก
“ส่วนพวกนี้อยู่คณะบริหารนะ พอดีวันนี้วันเกิดไอ้กั้งเลยติดลมอยากฉลองต่อ งั้นก็นั่งรวมกันไปเลยจะได้รู้จักกันไว้ เดี๋ยวพี่ไปเอาเหล้ามาเพิ่มก่อน” เฮียเวกัสพูดจบก็เดินเข้าไปที่หลังร้านทันที
กลุ่มของรันเวย์มีด้วยกันทั้งหมดสี่คน คนแรกก็รันเวย์ที่ทุกคนคงรู้จักกันดีแล้ว และก็มีนักรบที่เขาหล่อมากแต่ก็แอบดูน่ากลัวมากเหมือนกัน อีกสองคนเป็นฝาแฝดชื่อเคนกับคุน แต่สองคนนี้หน้าตาไม่ได้เหมือนกันซะทีเดียวนะ ฉันรู้จักพวกเขาครั้งแรกก็แยกได้แล้วว่าคนไหนเป็นคนไหน
“หนีไม่พ้นกันจริงๆ เนอะ” ไผ่หลิวหันมากระซิบกับฉัน
“มาๆ มาจอยกันเลย ว่าแต่เพื่อนเธอคนนี้เมษาใช่มั้ย ดูท่าจะเมามากแล้วนะ” เคนพูดขึ้นก่อนที่จะชี้ไปที่เมษา
“ปกติยัยนี่คอแข็งที่สุดในกลุ่มเลยนะ” ฉันเอ่ยตอบเคนไป วันนี้ทำไมถึงได้เมาหนักแบบนี้นะ แต่ฉันก็ทำได้แค่สงสัยแหละ
“เมษาเมาก็ไม่เป็นไร ยังไงเดี๋ยวฉันก็ต้องไล่ส่งพวกแกทีละคนอยู่แล้ว เพราะงั้นเต็มที่ๆ” กั้งพูดก่อนจะยกแก้วเหล้าในมือตัวเองขึ้นดื่ม
“ว่าแต่เธอโมอา เธอสวยมากเลยทำไมรอดพ้นสายตาฉันไปได้น้า” คุนที่นั่งอยู่ตรงข้ามกับฉันพูดขึ้น
“แฮ่มมม!” และก็ตามมาด้วยเสียงกระแอมของรันเวย์ ฉันเห็นนะว่าเขาแอบตาขวางใส่เพื่อนเขาน่ะ
“อะไรติดคอมึงวะไอ้รัน” คุนหันไปถามเพื่อนเสียงกวนๆ
“ฉันก็สวยนะ ไม่ชมฉันมั่งเหรอ?” ไผ่หลิวที่เห็นเหมือนสถานการณ์ไม่ค่อยดีเท่าไร พูดขึ้นมา
“สวยสิไผ่หลิว แต่ฉันเห็นเธอบ่อยแล้วไงตามเพจมหาลัยน่ะ ^^” คุนหันมาตอบพร้อมกับแจกยิ้มหวานไปหนึ่งที
จริงอย่างที่คุนบอกนั่นแหละ ไผ่หลิวสวยและโดดเด่นจนรูปของเธอมักถูกลงในเพจของมหาลัยบ่อยๆ เอาจริงๆ ฉันว่าไผ่วหลิวดังกว่าดาวที่คณะฉันซะอีกนะ
เมื่อได้คำตอบที่พอใจไผ่หลิวก็ไม่ได้ตอบอะไรนอกจากยิ้มแบบธุรกิจส่งไปให้และก็ยกแก้วในมือขึ้นดื่มต่อ
ทุกคนเข้าใจคำว่ารอยยิ้มธุรกิจกันมั้ยคะ? มันเป็นรอยยิ้มที่สวย ยิ้มแบบตกคน แต่ว่าไม่ได้เป็นยิ้มธรรมชาติที่ออกมาจากความรู้สึกจริงๆ ไผ่หลิวจะติดยิ้มแบบธุรกิจจนเป็นนิสัยไปแล้ว ไม่ค่อยมีใครได้เห็นรอยยิ้มที่จริงใจจากเธอมากนักนอกจากคนที่สนิทกับเธอจริงๆ
เพราะงั้นคนอื่นก็จะไม่ได้รู้ว่าเวลาไผ่หลิวยิ้มแบบธรรมชาติของเธอน่ะ สวยกว่านี้อีกเป็นร้อยเท่า!! เธอก็แค่ติดวางมาดไปหน่อย
ตึกๆๆๆ
“เห้ย!! ไอ้กั้ง! เมษาเพื่อนมึงลื่นล้มหัวแตกอยู่ในห้องน้ำ!” เสียงเฮียเวกัสวิ่งออกมาจากหลังร้านและพูดด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนก
พวกฉันที่ตกใจรีบวิ่งตามไปดู และก็พบเมษาที่นั่งกุมหัวตัวเองไว้อยู่ อะไรกัน! เมษาไม่เคยเมาจนหลุดขนาดนี้ซักหน่อย
“เมษา แกเป็นยังไงบ้าง กั้ง! รีบพาเมษาไปโรงพยาบาลกันเถอะ” ฉันรีบไปนั่งเพื่อดูเมษา แต่พอเห็นเลือดก็แอบรู้สึกตาลายขึ้นมาเหมือนกัน
“เดี๋ยวฉันกับกั้งพาเมษาไปเอง ฉันรู้แกกลัวเลือด” ไผ่หลิวพูด
“แล้วแกจะกลับหอยังไง เพราะถ้าไอ้กั้งต้องวนไปส่งมีหวังพาเมษาไปโรงพยาบาลไม่ทันแน่” ไผ่หลิวถามต่อด้วยน้ำเสียงที่ดูกังวล
“เดี๋ยวกลับกับฉันก็ได้ ยังไงเราก็พักอยู่ด้วยกันนี่” รันเวย์พูดขึ้นมา
“พักอยู่ด้วยกันนี่คือยังไงวะไอ้รัน” เคนถามด้วยความสงสัย
“หมายถึงพักอยู่หอเดียวกันน่ะ :) ” เขาตอบเคนแต่ว่าหันมายิ้มให้ฉัน
“เอางั้นก็ได้ ฝากด้วยนะ” ไผ่หลิวดูเหมือนจะลังเลเล็กน้อยแต่ตอนนี้เธอก็ไม่มีทางเลือกอื่นเหมือนกัน เพราะมีเมษาที่เธอต้องรีบพาไปโรงพยาบาล
“เธอ...เรากลับกันเลยมั้ย?” รันเวย์ถามฉัน หลังจากที่กั้งกับไผ่หลิวพาเมษาออกไปแล้ว
“แล้วนายกับเพื่อนจะนั่งกินกันต่อหรือเปล่าล่ะ?”
ฉันถามออกไป เพราะว่าพวกเรายังนั่งกินกันไม่เท่าไรก็มาเกิดเรื่องซะก่อน
“ถ้าเธออยากกลับ ฉันก็จะพากลับเลย ส่วนไอ้พวกนั้น ถ้ามันอยากนั่งก็ปล่อยพวกมันนั่งไปนั่นล่ะ”
“แหมมมม! ไอ้รัน...เทเพื่อนขึ้นมาทันทีเลยนะ” เคนพูดสวนขึ้นทันทีที่รันเวย์พูดจบ
“แน่นอน...ไปกลับกันเถอะ” เขาหันไปตอบเพื่อนก่อนที่จะจูงมือฉันเดินออกมาจากตรงนั้น
“ไอ้รัน มืออะมือๆๆๆๆ” และได้ยินเสียงคุนตะโกนไล่หลังมาไกลๆ
.
.
เอี๊ยด!
ใช้เวลาไม่นานพวกเราสองคนก็มาถึง ที่จริงร้านของเฮียเวกัสอยู่ไม่ไกลจากหอพักของเราสองคนมากนัก
ระหว่างทางที่นั่งมาฉันกับเขาไม่ได้พูดอะไรกันเลย ทำให้ทั้งรถมีแต่ความเงียบตลอดการเดินทางกลับ
“เอ่อ.. ขอบใจนายมากนะ และก็ขอโทษด้วยที่เกิดเรื่องวุ่นวายขึ้น นายเลยไม่ได้อยู่กินต่อกับเพื่อนๆ เลย” ฉันพูดหลังจากที่พวกเราลงจากรถมาแล้ว
“แล้วเธออยากกินต่อมั้ยล่ะ?” เขาถามฉันกลับ
“ก็นิดหน่อย แต่เดี๋ยวว่าเข้าห้องแล้วจะต้องโทรไปถามอาการเมษาน่ะ” ฉันตอบเขาไปตามตรง ใจก็อดนึกห่วงเพื่อนของตัวเองไม่ได้
“ที่จริง.. ห้องฉันมีเหล้าอยู่นะ...ถ้าเธอสนใจ”
ฉันที่ในใจกำลังลังเลอยู่ว่าควรจะเอายังไงกับสถานการณ์นี้ดี
“เผื่อเราจะได้รู้จักกันมากขึ้น” รันเวย์ยังคงพูดต่อไป
“งั้นเหรอ?” ฉันถามเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง ไม่ใช่แค่ถามหาความแน่ใจจากคนตรงหน้า แต่ฉันกำลังถามตัวเองด้วยเหมือนกัน
นี่ฉันกำลังจะพาตัวเองไปเล่นกับไฟหรือเปล่านะ รู้ทั้งรู้ว่ารันเวย์น่ะเป็นไฟที่พร้อมจะแผดเผาฉันได้ง่ายๆ
และฉันที่เป็นเหมือนกวางน้อยที่อ่อนประสบการณ์ ถ้าลองเข้าไปฉันจะออกมาจากกองไฟนั้นได้ใช่มั้ย ใช่มั้ยโมอา
“ฉันอยากรู้จักเธอจริงๆ นะโมอา :) ”
“อื้มมม ><”