ข้อแลกเปลี่ยน

865 Words
สีหน้าของเสิ่นเยี่ยหงทมึงตึงขึ้น เขาลุกขึ้นสะบัดแขนเสื้ออย่างแรง ภายในใจเต็มไปด้วยความเดือดดาลแทบอยากจะเดินปราดออกไปจากห้อง “เรื่องนี้ ยังไม่ต้องตัดสินใจ...ข้าไม่มีทางจะปล่อยให้เจ้าออกไปอย่างไรเจ้าก็เป็นผู้มีบุญคุณช่วยชีวิตของข้า” กู้เฉียวจิงยิ้มเยาะในใจ ที่นางกล้าพูดขนาดนี้เพราะรู้ดีว่าอีกฝ่ายไม่มีทางหย่าต่างหาก จะทิ้งนางหาใช่เรื่องง่ายขนาดนั้น ทว่าหากจะต้องไป ก็คงต้องขอเยอะๆ สักหน่อย นางรีบกล่าวน้ำเสียงร้อนรนทว่าก็แฝงความเด็ดเดียว “ท่านพี่.. ถึงแม้ข้าจะเป็นหญิงสาวชาวบ้าน แต่ก็ไม่เคยคิดจะเป็นอนุของผู้ใด หากท่านจะเมตตาข้าจะขอทรัพย์สินสักก้อนออกไปตั้งตัว เท่านั้นก็นับว่าเพียงพอแล้วต่อคนฐานะเช่นข้า..และอีกอย่างข้าก็มีความรู้ติดตัวอยู่บ้าง” เสิ่นเยี่ยหง ตวัดสายตามองกลับมากล่าวขัดน้ำเสียงสูง “เจ้าไม่เป็นห่วงกู้ซวินหรือ” กู้เฉียวจิงจ้องมองกลับ สายตานางหาได้เกรงกลัวอีกฝ่าย “..เหตุใดท่านเอ่ยถามเช่นนี้...หากกู้ซวินสามารถไปกับข้าได้ ข้าย่อมยินดี แต่..ท่านพี่..ท่านทราบดี ไม่มีทางที่พวกท่านจะยินยอม นี่เป็นหนทางที่ดีที่สุดสำหรับทุกฝ่ายแล้ว อีกอย่างท่านย่อมกระจ่างใจกว่าข้า ข้าไม่อาจจะได้รับต่ำแหน่งฮูหยินเอกได้.....ครั้งนี้ ต้องแยกกับบุตรชายท่านคิดว่าข้าไม่เจ็บปวดหรือ” แม้น้ำเสียงจะเด็ดเดียวทว่าก็ยังแฝงความสะอื้นสะท้อนความเจ็บปวดภายในใจ ยิ่งเห็นรอยยิ้มบาง ๆ ที่พยายามสะกดกลั้นความขมขื่นไว้ยิ่งทำให้เสิ่นเยี่ยหงรู้สึกใจอ่อนลงหลายส่วน ทว่าคำกล่าวของกู้เฉียวจิงไม่ต่างจากคำด่าทอ หากเสิ่นเยี่ยหงหย่ากู้เฉียวจิง ในโรงน้ำชายอาจจะมีนิทานที่มีเขาเป็นตัวชั่วช้าไร้ซึ้งคุณธรรมทิ้งภรรยาที่เคยช่วยเหลือ อีกทั้งยังแยกบุตรกับมารดา จากนั้นนางก็ออกไปแต่งงานมีสามีใหม่ จบอย่างมีความสุข ...ไม่ได้!! เรื่องราวจะเป็นอย่างนี้ไม่ได้ ออกรบทำศึกและต่อสู้กับกลการเมืองมาหลายปี นี่เป็นครั้งแรกที่เสิ่นเยี่ยหงรู้สึกอับจนหนทาง เสิ่นเยี่ยหงกู้ร้องในใจ กู้เฉียวจิงไม่ได้ถือว่าตนมีความได้เปรียบผู้อื่นตรงรู้เหตุการณ์ข้างหน้า คนที่มีประโยชน์ คนที่ไร้ประโยชน์ คนที่ชั่วช้าและคนดีมีศีลธรรมล้วนแจ่มชัด ทว่าหากนางปรับเปลี่ยนเนื้อหาในนิยายหลายเหตุการณ์ก็อาจจะเปลี่ยนคนดีให้ต่ำช้าได้ นางชำเลืองมองเสิ่นเยี่ยหง หลุบตาต่ำลงแล้วพูดขึ้น “หากท่านพี่ยังไม่อาจจะตัดสินใจเรื่องนี้ในตอนนี้ ข้าเองก็อยากจะอยู่กับซวินอีกสักระยะ เช่นนั้นท่านพี่ของอยากจะขอร้องท่านสักเรื่องได้หรือไม่” เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังถอยให้ เสิ่นเยี่ยหงก็ผ่อนคลายลง พยักหน้าให้นางพูดต่อ “ข้าทราบว่าตระกูลใหญ่ย่อมมีกฎระเบียบมากมาย เมื่อก่อนอยู่หมู่บ้านอี้หลาง ล้วนอิสระเสรีข้าเองก็ปรารถนาเช่นนั้น หากข้าอยากจะออกไปข้างนอกบ้างจะได้หรือไม่” ชายหนุ่มจ้องมองไปในดวงตาของหญิงสาว แววตาของนางนิ่งสงบแฝงความตื่นกลัว คงจะมีหลายอย่างทำให้นางรู้สึกไม่สบายใจ เอาเถอะนางอาจจะกังวลกับตระกูลเขามากไป หากได้ออกไปข้างนอก ได้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ของตระกูลอาจจะเปลี่ยนใจ “ได้..หากจะไปไหนก็บอกบ่าวไพร่หรือให้คนติดตามไปด้วย..เจ้ายังไม่ชินเมืองเฉิงให้คนไปด้วยจะดีกว่า” “ขอบคุณท่านพี่ ที่เมตตาข้า” เห็นกู้เฉียวจิงไม่เอ่ยพูดเรื่องหย่าอีก เสิ่นเยี่ยหงก็ลอบถอนหายใจ พูดต่อ “ข้าพึ่งกลับมา มีหลายอย่างจะต้องสะสาง ดึกแล้วเจ้าพักผ่อนเถอะ” “เจ้าค่ะ ท่านพี่ดูแลสุขภาพด้วย” ชายหนุ่มพยักหน้าเล็กน้อยแววตายังแฝงความอ่อนโยนก่อนจะหันกายออกไป กู้เฉียวจิงลอบยืนมองตามหลังอีกฝ่าย นับว่าวันนี้ผลการเจรจาเป็นไปตามเป้าหมาย ณ จวนตระกูลเกา ยามอรุ่นเช้าแสงแดดประกายระยิบระยับ อากาศเย็นผสมกับกลิ่นหอมของดอกไม้โชยเข้ามาแตะปลายจมูก เกาเหยาชุน ไม่ได้ซึมซับความสดชื่นของบรรยากาศเหล่านั้นแม้แต่น้อย ตั้งแต่ได้ยินข่าวจากตระกูลเสิ่นนางก็ร้อนรนกระวนกระวายจิตใจหาความสงบไม่ได้ ยิ่งได้รู้ว่าเสิ่นเยี่ยหงหาได้กลับมาเพียงลำพังยังมีภรรยาพร้อมบุตรชายกลับมาด้วย นางเหมือนถูกสายฟ้าฟาดในหัวขาวโพลนไร้สติไปเนินนาน ครั้งเมื่อคืนได้ทบทวนเรื่องราว นางจึงตัดสินใจมาคุยกับมารดา “คุณหนูรอง ฮูหยินรอท่านอยู่แล้วเจ้าค่ะ” เสียงของบ่าวหน้าห้องมารดาทำให้นางได้สติ นางพยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะเดินเข้าไปข้างใน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD