สามเดือนต่อมา...
เสียงเพลงจากวงดนตรีภายในคลับไม่ได้ทำให้เจ้าของเรือนผมบอนด์ทองนี้รู้สึกครื้นเครง ดวงตาคู่สวยสีฟ้าเป็นประกายมองไปยังแก้วน้ำสีอำพันตรงหน้า ใบหน้าที่ถูกแต่งเติมด้วยเครื่องประทินโฉมทำให้ใครหลายคนหันมามอง
การรออย่างมีความหวังมันทำให้เจ็บปวดในยามสิ่งที่เราคิดมันไม่เป็นดั่งหวัง ด้วยอายุที่มากถึงยี่สิบเก้าปีทำให้มิล่าหางานยากเพราะไม่มีประสบการณ์การทำงาน แต่วันนี้...
เธอได้งานแล้ว
หญิงสาวรู้สึกดีใจ แต่ภายในใจลึก ๆ นั้น
“เฮ้อ...” เพราะมีบางอย่างที่อยู่ในใจในตอนนี้ทำให้เธอไม่ได้รู้สึกดีใจเท่าที่ควร ภายในใจมันเหมือนกับมีบางอย่างปิดกั้นไว้ ช่องโหว่ที่อยู่ภายในนั้น เธอรู้ว่ามันคืออะไร
เธอคิดถึงเขา
“เฮ้อ...” มิล่าถอนหายใจครั้งแล้วครั้งเล่าแม้ว่าวันนี้จะได้รับข่าวดี ทว่าวันพรุ่งนี้เธอต้องเปลี่ยนตัวเองใหม่และจะได้เริ่มทำงาน หญิงสาวให้คำมั่นกับตัวเองว่าถ้าได้งานแล้วเธอจะเลิกคิดถึงเขาคนนั้น
ความรักที่พังลงในหลาย ๆ ครั้งกับการตัดสินใจในวินาทีสุดท้าย สุดท้ายแล้วเขาคนนั้นก็ทำให้เธอผิดหวัง
เขาไม่ติดต่อเธอเลยตั้งแต่วันนั้น
“พอ!...” มิล่าโพล่งเสียงออกมาจนทำให้คนทั้งคลับหันมามอง ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับเสียงเพลงในคลับที่สงบลง หญิงสาวรู้สึกผิดในใจ ทำได้เพียงหันไปค้อมศีรษะให้กับคนที่มองมา แต่แล้ว
“ยัยบ้า...” กลับมีเสียงหนึ่งดังออกมาจากโต๊ะทางด้านหลังทำให้มิล่าหันไปมองในทันที หญิงสาวค้อมศีรษะให้เป็นการขอโทษที่ตัวเองเสียงดัง
ทว่า
“พวกเรียกร้องความสนใจอ่ะนะ ชอบทำเสียงดังให้ผู้ชายหันมามอง”
“โรส...ไม่เอาน่า หล่อนรู้ตัวหมด”
“ทำไม แย่งซีนชะมัด” โรสรินกระทืบเท้า วันนี้ทั้งวันกับงานที่กองท่วมหัว กะจะแต่งตัวสวย ๆ ยั่ว ๆ มาเที่ยวคลับในยามกลางคืนเสียหน่อย ทว่าผู้ชายเกินครึ่งในคลับกลับสนใจผู้หญิงคนนั้น
แถมเมื่อครู่ยังร้องออกมาเสียงดังอีก
หน้าไม่อาย
ขณะเดียวกันที่เสียงของเจ้าหล่อนทำให้มิล่าถอนหายใจ กรุงเทพฯเมืองศิวิไลนี้ไม่น่าพิสมัยเลยสักนิด สังคมเมืองที่เต็มไปด้วยผู้คน โดยเฉพาะคนประเภทเธอคนนั้น
แก้วน้ำสีอำพันถูกยกขึ้นมาดื่ม มิล่าเหยียดยิ้ม เธอไม่ใช่คนใจเสาะ และด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ในตอนนี้อีก....บอกเลยว่าเธอพร้อมบวก
พรึ่บ!
“แก เหมือนนางจะเดินมาทางนี้” เพื่อนสาวของโรสรินเกาะแขนของเธอพร้อมกับเขย่าเบา ๆ ขณะที่โรสรินกำลังจ้องมองอีกฝ่ายเช่นกัน นัยน์ตาของมิล่ามีสีฟ้าเป็นประกาย สะกดให้ใครหลายคนหันมามอง
“เธอด่าใคร” มิล่าเลิกคิ้วพร้อมกับเอ่ยถาม หญิงสาวลูกครึ่งอิตาลีในชุดสายเดี่ยวเหยียดยิ้มให้กับโรสรินเมื่อเห็นว่าเธอเริ่มกลัวหัวหด
“ฉันไม่ได้เอ่ยชื่อ ร้อนตัวเหรอจ๊ะ” โรสรินลุกขึ้นยืนเช่นกัน เธอเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าของสาวสวยตรงหน้า ด้วยส่วนสูงที่ต่างกันทำให้มิล่าได้เปรียบ
“หึ...ก็นึกว่าพวกขี้แพ้ชอบเห่า”
“นี่!! แกว่าฉันขี้แพ้เหรอ”
“ไม่นะ พอดีว่าคนแถวนี้น่ะ” มิล่าเหยียดยิ้มที่ทำให้อีกฝ่ายลมออกหูได้ แต่ก่อนที่เธอจะหมุนตัวจากไป ผมบลอนด์ทองเป็นลอนก็ถูกกระชากจากทางด้านหลังเสียก่อน
“อ๊ะ!!” ใบหน้าเล็กแหงนขึ้นฟ้า มิล่ายกมือขึ้นกุมฝ่ามือของโรสริน ก่อนที่เธอจะเอี้ยวตัวหันไปมอง แค่นี้ไม่ได้ทำให้ลูกสาวนักฆ่า แถมยังเคยมีอดีตคนรักเป็นมาเฟียอย่างเธอระคายเคือง มิล่ายกยิ้มก่อนที่เธอจะยกฝ่าเท้าในส้นสูงถีบเข้ากลางเป้าของโรสริน
ปึก!
“กรี๊ดดด!!” โรสรินล้มก้นกระแทกพื้นอย่างแรงจนเพื่อนสาวอีกสองคนร้องตกใจ ก่อนจะรีบกรูเข้าไปพยุง
“อย่ามาลองดีกับฉัน...ยัยบ้า!” มิล่ากระแทกเสียงคำว่ายัยบ้าคืนอีกฝ่าย เธอเดินไปคว้ากระเป๋าถือใบเล็กก่อนจะเดินออกจากคลับไป
ท้องฟ้าที่มืดมิดและความหนาวเย็นของอากาศทำให้หญิงสาวยกมือขึ้นลูบต้นแขน ต้นเดือนธันวาคมนี้...มันหนาวกว่าครั้งไหน ๆ
มิล่าไม่ได้เรียกรถแท็กซี่อย่างที่ควรจะเป็น เธออยากเดินเตร่ไปเรื่อย ๆ ตามฟุตบาตเพื่อทบทวนอะไรบางอย่างในใจ
วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่จะให้โอกาสตัวเองได้ร้องไห้ อยู่ ๆ ก็รู้สึกเจ็บแปล๊บกลางอก ความรู้สึกที่มีในอดีตไม่เคยจางหาย มันยังอยู่ในใจทุกครั้ง และยิ่งไปกว่านั้นเวลานึกถึงเขาที่ทิ้งเธอไป...มันก็ยิ่งเจ็บปวด
“ต่อไปนี้ ฉันจะไม่ร้องไห้ให้นายอีกแล้ว เคเรนด์” มิล่าพึมพำออกมา เธอเดินมาหยุดยืนอยู่หน้ากระจกร้านเสริมสวยร้านหนึ่ง ภาพตัวเองที่สะท้อนอยู่บนกระจกทำให้เธอนึกสมเพช ขณะเดียวกันที่เจ๊เจ้าของร้านกำลังปิดร้าน
“ร้านปิดแล้วนะจ๊ะ”
“ขออีกคิวได้ไหมคะ...” มิล่าเอ่ยปากพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน “คิวละหมื่นน่ะค่ะ ฉันพร้อมจ่ายนะคะ”
“โอ๊ะ! งั้นเจ๊จะเปิดให้กับคุณน้องเลยนะคะ” มิล่ายิ้มบาง ๆ ก่อนที่เธอจะเดินเข้าไปในร้านที่เจ๊เจ้าของร้านเปิดประตูต้อนรับ
“คุณน้องอยากทำอะไรคะ”
“ตัดผมค่ะ ย้อมผมด้วยนะคะ...สีดำ” เจ๊ช่างเสริมสวยชะงักเล็กน้อย เสียดายผมบอนด์ทองนี้เหลือเกิน ทว่าหากตัดผมสั้นและย้อมสีดำ ก็คงทำให้หญิงสาวคนนี้สวยออร่าเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวเลยก็ว่าได้...
@Nakhon ratchasima, Thailand
กลิ่นหอมของดอกไม้ในฤดูหนาวหอมตลบอบอวลพื้นที่ในบริเวณหมู่บ้านเนินสูง ต้นเดือนธันวาคมฤดูหนาวในจังหวัดนครราชสีมา ทำให้บรรยากาศตอนกลางคืนหนาวเย็น ขณะเดียวกันที่มีความรู้สึกบางอย่างเกิดขึ้นกับมินตรา ดอกไม้ที่หอมบริสุทธิ์นี้ มันบริสุทธิ์แต่กลับทำให้มินตรารู้สึกพะอืดพะอม
“...แหวะ”
“เห้ย!!...พี่จะอ้วกทำไมไม่บอกวะครับ” บอลลูกพี่ลูกน้องของเธอสะดุ้งโหยงที่อยู่ ๆ พี่สาวก็อาเจียนออกมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย
“ทิชชู ไอ้บอลเอาทิชชูมาให้พี่” มินตรากวักมือขอทิชชู ก่อนที่บอลจะยกมือขึ้นบีบจมูกพร้อมกับยื่นทิชชูให้กับคนเป็นพี่
“พี่มีลูกป่ะวะ อ้วกทั้งวัน”
“มีลูกกับผีสิ ผัวก็ไม่มี” หญิงสาวรีบเช็ดคราบน้ำลายที่มุมปาก เธอรู้สึกวินเวียนศีรษะ และยิ่งได้ยินน้องชายพูดอย่างนี้แล้วก็อยากจะเป็นลม มินตราพูดออกมาโดยไม่ได้คิดอะไร
“ฮ่า ๆ ไม่รู้สิ ไม่มีผัวก็มีลูกได้ไง แต่เดี๋ยวนะ...”
“อะไรของแก...”
“หรือว่าพี่เสียตัวให้กับ...ปลัดอำเภอแล้ว!!”
“ไอ้เด็กบ้า...”