EPISODE 01(4)

3641 Words
หลายเดือนก่อน เวลาห้าทุ่มกว่าด้านหลังสถานที่ถ่ายทำละคร หญิงสาวแต่งตัวปกปิดมิดชิดเดินมาที่รถตู้สีดำจอดอยู่ในมุมมืดของตึกสูง “เสี่ยมาด้วยไหม” เธอคืออลินดาราระดับแนวหน้า บุคคลที่เธอพูดด้วยคือผู้ชายสองคนที่หน้าตาคล้ายกัน เขาทั้งคู่เป็นคนสนิทของเสี่ยปอร์ “มาครับ” ธเนตรเปิดประตูรถให้ดาราสาว เขารู้ดีว่าเธอเป็นเด็กคนโปรดของเสี่ยปอร์ แทบจะเป็นผู้หญิงคนเดียวที่เสี่ยโปรดปราน อลินเดินเข้ามานั่งในรถ เธอถอดเสื้อคลุมออก ถอดแว่นกันแดด ถอดหมวกแล้วหันมาส่งรอยยิ้มหวานให้คนที่นั่งข้าง ๆ “เหนื่อยไหมคะ” ปกรณ์หรือเสี่ยปอร์ เขาถามหญิงสาวที่เพิ่งจะเลิกกองถ่าย เขารู้ว่าเธอเป็นคนตั้งใจทำงาน ทุ่มแรงกายทำงานที่ถูกว่าจ้างอย่างเต็มที่ “มากค่ะ ดูสิลินร้องไห้จนตาบวม” อลินเอ่ยอ้อน ใช่เธอมันเด็กขี้อ้อน อ้อนเขามาหลายปีแล้ว อ้อนให้เขาเอ็นดูเขาก็ขยันให้เธอดูเอ็นอยู่บ่อย ๆ “ไหนคะ มองไม่เห็นเลย น้องลินขยับมาใกล้ ๆ ผมอีกนิดสิ” ไม่ใช่ว่ามองไม่เห็น แต่อยากแกล้งเพราะอลินของเขาน่าแกล้ง ขยับใกล้ ๆ หมายถึงนั่งบนตักของเสี่ยไง ลินอยู่กับเสี่ยมานานจนรู้ใจ อลินไม่รอช้ารีบลุกมานั่งบนตักของเสี่ย นั่งเอียงข้าง แขนคล้องคอ ริมฝีปากกรีดยิ้มหวานให้เสี่ย “น้องลินหอมที่สุด” เสี่ยปอร์ประทับริมฝีปากที่ไหล่มน มือใหญ่ยกขึ้นจับปลายคางเงยขึ้นสบตา “บวมจริงด้วย เดี๋ยวถึงบ้านผมหาของมาประคบให้นะคะ” แต่ว่าตอนนี้เสี่ยขอรักษาเปลือกตาของลินด้วยจูบของเสี่ยก่อน “ขอบคุณค่ะ” หลังจากที่เสี่ยจูบเปลือกตาอย่างแผ่วเบา อลินยิ้มหวานให้เสี่ยและเอนซบซอกคอ “ลินง่วงจังเลยค่ะ เมื่อเช้าลินตื่นตีสี่ กว่าจะเลิกกองก็ห้าทุ่มแล้ว” “นอนนะคะน้องลิน เดี๋ยวผมส่งน้องลินถึงเตียงนอนเลย” มือข้างหนึ่งของเสี่ยปอร์เกาที่แผ่นหลังของลินอย่างคุ้นชิน เวลามีคนเกาให้แล้วหลับสบาย เสี่ยรู้ว่าอลินชอบก็จะทำแบบนี้ให้เสมอ เขาชอบมองเธอที่หลับพริ้ม เสี่ยปอร์เป็นผู้ชายคนแรกในชีวิตของอลินคนนี้ เมื่อหลายปีก่อนอลินขายความบริสุทธิ์ให้เสี่ยเพราะลูกชายของผู้มีพระคุณต้องการใช้เงินด่วน ทำให้อลินต้องหาทางช่วย ทางออกของดาราหน้าใหม่ที่ยังไม่ค่อยมีงานป้อนให้จะมีวิธีอะไรได้นอกจากขายร่างกาย ซึ่งโชคดีที่มันบริสุทธิ์จึงขายได้เงินหลายล้าน เพียงพอต่อการช่วยชีวิตใครคนหนึ่ง เช้าวันต่อมา อลินลุกจากที่นอนเพราะกลิ่นอาหารหอม ๆ ที่ปลุกเธอตื่นจากนิทรา “หิวใช่ไหมคะ” “เพราะกลิ่นมื้อเช้าของเสี่ยไงคะ” “ก็วิธีนี้เป็นวิธีเดียวที่ปลุกน้องลินจากการนอนได้ไงคะ” ไม่ใช่แค่ลินที่รู้ใจเสี่ย เสี่ยเองก็ใส่ใจเรื่องของลินทุกเรื่อง คิวงานของอลินเสี่ยรับรู้ทุกคิวไม่ว่าอลินจะรับงานอะไร “ลินล้างหน้าแปรงฟันก่อนนะคะเสี่ย” ส่งยิ้มให้เสี่ยปอร์แล้วลุกเดินเข้ามาในห้องน้ำ รอยยิ้มบนใบหน้าเหือดหายเมื่ออยู่ในห้องน้ำเพียงลำพัง หวนนึกถึงเรื่องที่ผู้จัดการบอกไว้ ‘พี่ได้ยินมาว่าเสี่ยจะแต่งงานนะลิน’ ‘กับใครคะพี่มด’ ‘เห็นว่าเป็นลูกคุณหนูตระกูลผู้ดี ทำหน้าแบบนี้ลินยังไม่รู้ใช่ไหม’ ‘ไม่รู้ค่ะ เสี่ยไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้เลย แหวนที่ว่าคงไม่ได้จะให้ลิน’ ‘ถ้าไม่รู้ก็รู้ไว้ซะ เพราะเขากำลังจะไม่โสดและพี่ขอแนะนำว่าควรจบความสัมพันธ์ ถ้าหากเรื่องหลุดออกไปลินจะเสียหาย มีข่าวคาวมันไม่สนุกนะลิน ชื่อเสียงมีได้ก็ดับได้ ตัวอย่างมีให้เห็นมากมายเห็นไหม’ ‘…’ ‘พี่เตือนเพราะพี่รักลินนะ’ ‘ลินรู้ค่ะพี่มด’ ถึงเวลาที่เราต้องจบกันจริง ๆ สักทีใช่ไหมคะเสี่ย ลินรักเสี่ยนะ เสี่ยดีกับลินมาก คอยช่วยเหลือลินตลอด เราถึงอยู่กันแบบนี้มานาน นานซะจนลินเข้าใจว่าเสี่ยมีแค่ลินที่สำคัญ ทว่าความจริงแล้วลินกลับไม่ใช่คนที่เสี่ยเลือกให้ยืนเคียงข้างไปตลอดชีวิต ความสัมพันธ์ที่ค่อนข้างอธิบายยากมันควรจะจบแล้วสินะ ครืด ครืด “ครับ” เสี่ยปอร์รับสายคนที่โทรเข้ามาขัดเวลาความสุข เพราะเป็นเบอร์ที่ต้องรับ นั่นคือเหตุผลที่เสี่ยหัวเสีย (ว่างไหมคะ อยากทานข้าวด้วย) “ช่วงนี้ผมเคลียร์งานครับ” (บริษัทไหนคะ อัญจะได้ไปทานข้าวด้วย ไปดูแลคุณด้วย) “ผมอยู่ต่างจังหวัดครับ” (ที่ไหนคะ อัญไปพบคุณได้ไหม) “ผมไม่สะดวกครับ เอาไว้ผมว่างจะไปพบคุณนะ” (ก็ได้ค่ะ) “แค่นี้ก่อนนะครับ แล้วผมจะโทรหา” เสี่ยปอร์กดวางสายอัญชันว่าที่เจ้าสาวในเร็ววันของเขา เสี่ยปอร์อายุ 36 ปีเพราะอายุที่เริ่มมากขึ้น ทำให้ตายายอยากจะอุ้มเหลน แต่งกับใครก็ได้ ขอแค่ให้หลานชายเลือกมาสักคน ไม่ใช่ทำตัวเป็นหนุ่มใหญ่โปรยเสน่ห์ไปทั่วแบบนี้ เมื่อตายายที่เคารพรักขอร้องมาหลายรอบบวกกับอายุที่ค่อนข้างมากขึ้นทุกวันเสี่ยจึงเลือกผู้หญิงที่เพียบพร้อมทั้งกายใจมาเป็นเจ้าสาว ซึ่งคนที่เหมาะสมสำหรับเสี่ยไม่ใช่อลินผู้หญิงที่ซื้อได้ด้วยเศษเงิน “อร่อยมากค่ะเสี่ย” อลินส่งยิ้มให้เสี่ย เสี่ยเดินกลับมาจากระเบียงห้อง เสี่ยออกไปรับโทรศัพท์ คงเป็นสายสำคัญไม่อย่างนั้นเสี่ยจะไม่รับเพราะตั้งแต่อยู่ด้วยกันมา เสี่ยจะตัดเรื่องงานทุกอย่างเวลาที่อยู่กับอลิน “อร่อยก็ทานเยอะ ๆ นะคะ” เสี่ยเดินมานั่งข้าง ๆ ยกมือขึ้นลูบหัวอย่างเอ็นดู เสี่ยรักลินนะ คำนี้ไม่เคยพูดออกไปสักครั้ง เพราะว่าเราไม่ได้เป็นอะไรกัน อลินเป็นแค่คู่นอนคนหนึ่งเท่านั้น “ลินอยากอยู่กับเสี่ยนาน ๆ จังเลยค่ะ” “ก็อยู่สิคะ ผมซื้อเวลาของน้องลินเพิ่มได้” ลินหมายถึงจากนี้และตลอดไปต่างหาก แหวนที่เสี่ยไปเลือกวันนั้นที่ลินบังเอิญเห็น เสี่ยเลือกให้เจ้าสาวตัวจริง ส่วนลินทึกทักไปเองว่าเสี่ยจะให้ แอบดีใจอยู่ตั้งนาน แต่ความจริงแล้วเป็นการดีใจเก้อ น่าขายหน้า กล้าแอบคาดหวังความชัดเจนจากเสี่ยทั้งที่ตัวลินก็ไม่เคยชัดเจนกับเสี่ย “ซื้อไม่ได้ค่ะเสี่ย พี่มดเพิ่งแจ้งมาว่าลินมีงานสำคัญในวันพรุ่งนี้ พี่มดเห็นว่างานสำคัญจึงแทรกคิววันว่าง คือว่าลินจะพลาดงานนี้ไม่ได้ มันเป็นงาน…” “โอเค ผมเข้าใจแล้ว งั้นวันนี้เราทำอะไรกันดี” “ตามใจเสี่ยเลยค่ะ” เพราะหลังจากที่ลินเดินออกไปในวันพรุ่งนี้ ลินกับเสี่ยจะจบกัน ลินจะไม่เป็นบ้านเล็กบ้านน้อย “อืม งั้นเรานอนกอดกันทั้งวันดีไหม ผมคิดถึงน้องลิน” “ได้สิคะ ลินก็คิดถึงเสี่ย อยากกอดมากค่ะ” เวลาอยู่ด้วยกันก็จะอยู่ที่บ้านตลอด ชอปปิงก็ออนไลน์ อยากได้อะไรเสี่ยจ่ายให้เสมอ ให้เดินควงเสี่ยปอร์ออกไปข้างนอกเท่ากับลินทิ้งอนาคตตัวเอง และยังผิดกฎกับเสี่ย ข้อที่ห้ามคนอื่นรู้ความสัมพันธ์ของเรา ก็เลยอยู่ด้วยกันในห้อง ดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกม กินข้าว มีเซ็กซ์ ตลอดหลายปีที่ผ่านมาเป็นแบบนี้เสมอลินเรียกมันว่าความสุข หลอกตัวเองมาตลอดว่าเป็นความสุขที่แท้จริง ทว่าเพิ่งตาสว่างได้รู้ว่ามันเป็นความสุขจอมปลอม เวลา 21:45 น. หลังจากที่อลินทิ้งตัวนอนทับเสี่ยปอร์ด้วยสภาพเปลือยเปล่า เสี่ยนอนกอดร่างแบบบางไว้แนบแน่น หญิงสาวแสนสวยคนนี้ทำเสี่ยคลั่งได้ตลอด ยิ่งอยู่ด้วยยิ่งรักแสนรัก แต่แค่ความรักมันไม่พอ คนบางประเภทไม่จำเป็นต้องมีรัก เพราะรักแท้ไม่มีอยู่จริง “ฝันดีค่ะเสี่ย” เอ่ยเสียงแผ่วเบา ต้องรีบนอนพรุ่งนี้ตื่นแต่เช้า วันนี้ทั้งวันลินคิดว่าเสี่ยจะพูดเรื่องงานแต่ง แต่เสี่ยกลับเงียบ ลินต้องเป็นฝ่ายเริ่มใช่ไหม ลินคงต้องเป็นฝ่ายจบความสัมพันธ์ของเรา “น้องลินคะ” มือลูบเกาแผ่นหลังขาวเนียนอย่างเบามือ ไม่กล้าเกาแรงเดี๋ยวหลังเนียน ๆ จะแดง “คะ” บอกเสี่ยว่าฝันดี ทว่าใช่จะหลับง่าย ๆ อยู่ท่านี้เพราะอยากได้ยินเสียงหัวใจของเสี่ย “วันเกิดผมปีนี้เราไปเที่ยวต่างประเทศกันอีกนะ น้องลินอยากไปประเทศอะไรบอกมาได้เลย ผมตามใจน้องลิน” “…” เพราะวันเกิดเสี่ยทุกปีที่ผ่านมาอลินจะเคลียร์คิวให้ว่างยาว ๆ เพื่อไปฉลองด้วยตลอด ทว่าปีนี้ไม่ใช่แบบนั้น เพราะกว่าจะถึงวันเกิดเสี่ย เสี่ยคงเป็นสามีของผู้หญิงสักคนไปแล้ว เวลานี้แกล้งหลับจึงเป็นทางออกที่ดี “น้องลิน” “…” อย่าเรียกสิ ลินกำลังพยายามอยู่ “ลินคะ” “…” อย่าใช้น้ำเสียงแบบนั้นกับลิน “อลินหลับจริงเหรอเนี่ย” “…” “เฮ้อ หลับง่ายจังนะ แค่เกาหลังก็หลับแล้ว ต่อไปผมไม่ได้มาหาบ่อย ๆ น้องลินของผมจะนอนหลับไหมนะ” เสี่ยหอมหัว มือยังคงเกาหลังให้ “…” ดีหน่อยที่เป็นนักแสดงทำให้กลั้นอารมณ์ความรู้สึกค่อนข้างเก่ง ทว่าถ้ามากกว่านี้คงจะเก็บอารมณ์ไม่ไหว แล้วก็หลับไปทั้งอย่างนั้น เสี่ยปอร์ยังคงลูบหลังไปเรื่อย ๆ กระทั่งเขาเองก็หลับไปเช่นกัน เวลา 05:00 น. เสี่ยปอร์ตื่นเพราะเสียงกุกกัก คลำหาร่างเล็กมากอดก็ไม่มีแล้ว จึงเดินออกจากห้องนอน ผ่านห้องแต่งตัวเห็นอลินกำลังเก็บเสื้อผ้า “น้องลิน ทำไมตื่นเช้าขนาดนี้คะ” แม้จะแปลกใจที่ทำไมอลินต้องเก็บเสื้อผ้า “ลินให้พี่มดมารับแล้วค่ะเสี่ย อีกสักพักก็ถึงแล้ว” ก็นั่งเก็บมันทุกอย่าง ข้าวของที่เป็นของเธอในบ้านหลังนี้ เผื่อว่าเสี่ยพาภรรยามาจะได้ไม่เห็น อ่อ คิดเข้าข้างตัวเองอีกแล้ว ถึงตอนนั้นเสี่ยก็คงเก็บทิ้ง หรือไม่ก็ขายที่นี่ทิ้งไป “ให้คุณมดมารับทำไม ผมไปส่งน้องลินได้” “ลินพอแล้วค่ะ” พอแล้วสำหรับเรื่องเสี่ย ให้เป็นเมียเก็บลินไม่เป็น “ทำไมคะ” “เสี่ยรู้คำตอบอยู่แล้วค่ะ” อลินส่งยิ้มให้เสี่ยปอร์ เขาจะตีเนียนไปถึงเมื่อไหร่กัน “…” “พอแล้วค่ะ ลินจะไม่อยู่ตรงนี้อีกแล้ว” ที่ผ่านมายอมอยู่ตรงนี้มาหลายปีเพราะเสี่ยปอร์ไม่มีใครเป็นตัวเป็นตน อลินคนนี้ถึงได้ยอมเป็นคนในความลับ แต่เมื่อเสี่ยจะไม่โสด ลินควรรีบเดินออกมาก่อนที่จะหมดอนาคต “ทำไมล่ะ ก็อยู่ด้วยกันมาตลอด ทำไมไม่อยู่ต่อ หรือที่ผมให้ลินไม่มากพอ ลินอยากได้เพิ่มอีกเท่าไหร่ บ้านอีกหลังไหม รถสปอร์ต เงิน ทอง เพชร อยากได้อะไรหรือลินจะเอาทุกอย่างผมก็ยินดีจ่าย” “…” ไม่แปลกใจที่ได้ฟังคำนี้จากปากเสี่ย เพราะว่าเสี่ยจ่ายเงินเดือนให้ลินตลอด เหมือนกับไม่ได้ให้ลินมาอยู่ด้วยฟรี ๆ “อย่าเงียบสิลิน ลินต้องการเพิ่มเท่าไหร่พูดมา แต่อย่ามาเก็บเสื้อผ้าหนีผมแบบนี้ หรือไอ้หน้าไหนมันจ่ายหนักกว่าผม ลินถึงได้จะไปจากผม” “ครั้งนี้ลินพอจริง ๆ ค่ะ เสี่ยกำลังจะแต่งงาน ลินไม่อยากเป็นเมียเก็บใคร” ไม่มีหรอกน้ำตา ช่วงเวลาแบบนี้ห้ามร้องไห้ อลินพยายามสั่งร่างกายตัวเอง แต่จะสั่งได้นานแค่ไหนกัน “ที่ผ่านมาลินก็เป็นมาตลอด” เออ เจ็บดี เสี่ยก็พูดถูก พูดชัดเจนทุกอย่าง “แต่ที่ผ่านมาเสี่ยไม่มีใครไงคะ ตอนนี้เสี่ยกำลังจะแต่งงานไม่ใช่เหรอ ลินไม่อยากให้งานมีปัญหา เราควรจบตรงนี้ค่ะ” “มันตั้งกี่ปีที่เราอยู่ด้วยกันมา ต่อให้ผมมีเมียมีลูกผมก็ไม่ทิ้งคุณ คุณอยู่ตรงนี้ได้ลิน อยู่ในที่ที่คุณควรอยู่ อยู่เหมือน…” “เดี๋ยวนะคะเสี่ย ฉันอลิน อลินนางเอกแถวหน้า ที่ตรงนี้คือที่ที่ฉันควรอยู่เหรอคะ ฉันไม่มีความจำเป็นต้องเป็นเมียเก็บใคร” “แล้วคุณมีทุกวันนี้ได้เพราะผมหรือเปล่าอลิน อย่าลืมสิคุณมีทุกอย่างเพราะผมช่วยทั้งนั้น ผมก็แค่แต่งงานคุณจะใส่ใจทำไม เขาอยู่ของเขา คุณอยู่ของคุณ ตราบใดที่เป็นคนของผมเขาไม่มีทางมายุ่งกับคุณ” เสี่ยปอร์กดเสียงต่ำเพื่อข่มให้อลินกลับเข้าไปอยู่ในกรงทองของเขา “…” เมื่อถึงเวลาคับขันก็ทวงบุญคุณที่เคยช่วยเหลือ บุณคุณที่ไม่จบไม่สิ้น “คิดให้ดีนะอลิน คุณมั่นใจเหรอว่าคนอย่างคุณจะยืนได้โดยไม่มีผม มั่นใจเหรอว่าคุณจะไม่คิดถึงผม มั่นใจได้ยังไงว่าคุณจะไปรอดกับแฟนคุณ ไม่มีใครเป็นดาวค้างฟ้าหรอกนะอลิน แล้ววันนั้นชื่อเสียงที่คุณภูมิใจก็จะหายไป คุณอยู่ได้เหรอ ไม่มีผมคุณก็ไม่มีใครคุ้มกะลาหัว” “ที่เสี่ยพูดมาทั้งหมดเพราะอะไรคะ ยื้อให้ลินอยู่ รักลินเหรอคะ รักลินทำไมไม่แต่งกับลิน เสี่ยแต่งกับคนอื่นทำไม ทำไมไม่เลือกลิน” “เหอะ อลิน” เสี่ยปอร์แสยะยิ้ม มองเหยียดตั้งแต่ปลายเท้าจรดหัว “คุณคิดว่าคุณเหมาะสมที่จะใช้นามสกุลผมหรือไง คุณคิดว่าคนอย่างคุณทำให้ผมรักได้อย่างนั้นหรือ คุณไม่มีคุณสมบัติอะไรเลยอลินอย่าลืมสิว่าคุณมาจากตรงไหนหรือว่าลืมกำพืดตัวเอง ให้ผมช่วยเตือนความจำเอาไหม” เสี่ยไม่ต้องทำร้ายร่างกาย ตอนนี้ลินก็เหมือนโดนมีดกรีดจนบาดลึกทั่วทั้งตัวด้วยคำพูดของเสี่ย มือเรียวยกขึ้นปาดน้ำตาที่เกินกลั้น “ลินไม่ลืมค่ะ ลินไม่เคยลืมว่าตัวลินมาจากบ้านเด็กกำพร้า พ่อแม่ไม่มีใครต้องการลินสักคน ลินไม่เคยลืมว่ามีวันนี้ได้เพราะขายตัวให้เสี่ย ลินไม่เคยลืมเรื่องที่เสี่ยเคยช่วย แต่ลินไม่อยากเป็นเมียน้อยเมียเก็บใครทั้งนั้น เสี่ยก็เห็นว่าลินพยายามตะเกียกตะกายตั้งเท่าไหร่กว่าจะมาถึงจุดนี้ เสี่ยจะให้ลินเป็นเมียเก็บไปเรื่อย ๆ ลินไม่เป็นค่ะ” “เออ อยากไปก็ไปสิ จบก็จบ อยู่ด้วยตัวเองให้ได้ตลอดรอดฝั่งแล้วกัน และจำไว้อลินเมื่อคุณเดินออกไปจากผม อย่าคิดกลับมากราบเท้าอ้อนวอน เพราะผมจะไม่เอาคุณอีกแล้วอลิน คิดดูให้ดีก่อนจะตัดสินใจ จะอยู่แบบนี้มีผมหนุนหลังหรือจะปีกกล้าขาแข็งบินด้วยตัวเอง” “ให้ลินอยู่เป็นเมียเก็บ ลินไม่เป็นค่ะ ลินจะอยู่ถ้าเสี่ยแต่งกับลิน ให้ลินเป็นผู้หญิงคนเดียวของเสี่ย” “งั้นก็เชิญ เพราะผมไม่มีวันแต่งงานกับคุณ” “ค่ะ งั้นเราก็ไม่จำเป็นต้องคุยกันอีก” ก็ไม่มีอะไรต้องพูดต่อ จบคือจบ เราโตกันขนาดนี้แล้ว ไม่จำเป็นต้องพูดซ้ำซาก เลิกมองหน้ากันแล้วหันมาเก็บของต่อจะได้ไปจากเขา “บินด้วยตัวเองให้ไกลล่ะอลิน” เสี่ยปอร์ปิดประตูเสียงดัง แสดงพฤติกรรมให้รู้ว่าไม่พอใจกับสิ่งที่อลินเลือก ก็แค่ผู้หญิงอวดเก่งคนเดียวจะไปได้สักกี่น้ำ “สวัสดีค่ะเสี่ย” ผู้จัดการมดกล่าวทักทายเมื่อเห็นเสี่ยเดินหน้ายุ่งลงมาจากชั้นบน นี่ยัยอลินตัวน้อยคงตัดสินใจเลิกรากับเสี่ยปอร์แล้ว “ต่อไปจะเป็นตายร้ายดีฉันจะไม่เห็นหัวใครอีก อย่าคิดซมซานมาขอความเห็นใจจากฉัน” แลตามองผู้จัดการของอลินแล้วเดินออกมาจากบ้าน ลูกน้องของเสี่ยเดินตามอย่างรู้งานรีบเปิดประตูรถให้เสี่ยเข้านั่ง แล้วขับรถออกจากรั้วบ้านทิ้งไว้เพียงดาราและผู้จัดการของเธอ “ลิน” พี่มดเดินเข้ามาในห้องเห็นเด็กในสังกัดกำลังร้องไห้ ดวงตาฉ่ำไปด้วยน้ำสีใสกวาดมองรอบห้องซึ่งเป็นห้องที่เคยใช้ชีวิตร่วมกับเสี่ยปอร์มานาน “ข้าวของพวกนี้ลินกับเสี่ยช่วยกันเลือกมาตกแต่ง วันนั้นเรายิ้มให้กัน หัวเราะด้วยกัน ถกเถียงกันว่าชิ้นนี้ควรวางตรงนี้ ชิ้นนั้นควรวางตรงไหน มันเป็นอะไรที่มีความสุขมากค่ะพี่มด ไม่คิดเลยว่ามันจะเป็นเพียงแค่ความสุขปลอม ๆ” มองรอบด้านแล้วนึกถึงความหลังครั้งก่อน ๆ ในอดีต ของที่เคยมาส่งจากคนที่ห่วงใยคงไม่มีอีกแล้ว ไหนจะข้อความน่ารักที่เสี่ยพยายามส่งมา คำพูดให้กำลังใจที่เคยมีมาบ่อย ๆ ต่อไปนี้คงจะไม่มีอีก “ไม่มีใครอยู่กับความสุขได้นานหรอกลิน ถึงเวลายอมรับความจริงแล้วสร้างอนาคตให้ดี อย่าให้ใครมาว่าได้” “ลินทราบค่ะพี่มด นี่ก็เป็นแค่เพียงละครหนึ่งบทที่ลินรับเล่น ลินอาจจะอินไปสักพัก แต่เดี๋ยวก็หายค่ะ” “ใช่จ้ะ เดี๋ยวลินก็ดีขึ้น” โถ แม่สาวน้อย หลงรักเสี่ยปอร์จะได้อะไร ใช่ว่าจะไม่เคยมีใครหลงรักเสี่ยที่เลี้ยงดูแบบนี้ แต่ก็ถือว่าดีที่อลินไม่เลือกเป็นเมียน้อย ไม่อย่างนั้นคงได้ป้อนน้ำใบบัวบกอยู่บ่อย ๆ “…” นั่นสิ เดี๋ยวก็ดีขึ้น เหมือนเมื่อก่อนที่เคยเจ็บเพราะแอบหวังว่าจะได้เป็นมากกว่าคู่นอน ‘เสี่ยคะ’ ในวันที่ความรู้สึกมันบีบรัด หัวใจก็ร่ำร้องให้พูดบางอย่างออกมา บางคำที่คิดว่าอีกฝ่ายจะต้องตอบรับ เขาคงรู้สึกเหมือนที่เธอรู้สึก แล้วถ้ารู้สึกเหมือนกันทำไมเราทั้งคู่ไม่สานสัมพันธ์ที่ดีกว่านี้ล่ะ ‘คะ’ เสี่ยปอร์ขานรับขณะที่หลังพิงหัวเตียงมือข้างซ้ายถือไอแพดดูงานที่ถูกส่งเข้ามา นิ้วชี้ข้างขวาเกี่ยวม้วนเส้นผมสลวยของอลินที่กำลังกอดเขาอยู่ ‘ลินชอบแบบนี้จังเลยค่ะ’ ‘ผมก็ชอบ’ ‘เราอยู่ด้วยกันตลอดไปได้ไหมคะ’ ลินรู้สึกดีกับเสี่ยที่สุดเลย ลินรักเสี่ยเข้าแล้วทั้งที่ไม่ควรรัก ‘ได้สิคะ ผมซื้อเวลาน้องลินได้ตลอด’ ‘ไม่ใช่แบบนั้นค่ะ ลินหมายถึง…ลินรักเสี่ยนะคะ เราจะเป็นมากกว่าที่เป็นตอนนี้ได้ไหม’ ‘อืม ผมก็ชอบนะ แต่ผมไม่ได้รักน้องลิน ผมยังไม่คิดจะรักใคร’ ‘…’ ชัดเจนจัง เสี่ยชัดเจนอีกแล้ว ‘แต่ผมจะมีแค่น้องลินดีไหม’ ‘จริงเหรอคะ’ ‘จริงสิคะ ผมสัญญาเลยว่าถ้าผมซื้อเวลาของน้องลินเมื่อไหร่ ผมจะมีแค่น้องลินคนเดียว’ รอยยิ้มที่กำลังจะเผยให้เห็นว่าดีใจมากแค่ไหนหายไปทันทีที่เสี่ยปอร์พูดจบประโยค เสี่ยพูดแบบนี้ความหมายก็คงไม่ต่างไปจากเดิม ‘อย่าทำหน้าแบบนั้นสิคะน้องลิน’ หน้าเหรอ หน้าแบบไหน พลันสายตามองไปที่กระจกสะท้อนจึงได้เห็นว่าสีหน้าของเธอมันแสดงออกชัดเจนว่าผิดหวังมาก ๆ เสี่ยปอร์พูดขึ้นอีกครั้งเมื่อเห็นว่าอลินยังคงช็อก ‘ตอนนี้ผมไม่คิดจะรักใคร ไม่คิดมีครอบครัว เราอยู่กันแบบนี้นะคะ’ “ก็ยังเป็นลินที่โดนปฏิเสธสินะ” สองมือยกขึ้นปิดใบหน้า ร้องไห้หนักกว่าเดิมเพราะนึกถึงเรื่องราวเมื่อหลายปีก่อนแล้วคิดขึ้นมาได้ว่าในวันนี้เธอก็ยังถูกเขาปฏิเสธ เป็นเหตุผลที่ง่ายดายมาก ก็เพราะเขาไม่รักไงล่ะ แม้เขาจะทำดีด้วยก็ใช่ว่าเขาจะรัก การที่ใครสักคนทำดีกับเรามันไม่ได้แปลว่าเขารักเราเสมอไป “ลิน ใจเย็น ๆ” ผู้จัดการมดเห็นอลินร้องไห้หนักจึงยกมือขึ้นลูบแผ่นหลังให้อลิน เรื่องงานอลินเก่งที่ปีนป่ายมาถึงจุดนี้ได้ แต่เรื่องหัวใจอลินอ่อนหัดที่สุดเพราะชีวิตของอลินมีแค่เสี่ยปอร์ที่เธอหลงรัก ถ้าอลินเป็นผู้หญิงที่ชอบคนอื่นไปเรื่อยเธอคงร่ำรวยมากกว่านี้ คงได้เป็นคุณผู้หญิงของเศรษฐีสักคน ได้แต่งงานออกหน้าออกตาไม่ต้องคอยหลบซ่อน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD