คุณหมอใจดี

2301 Words
พะยอมอุ้มจุกที่ขาเจ็บกลับไปที่บ้าน แต่ไม่ลืมที่จะแวะไปเอาถุงรี่ใส่ปลากลับไปด้วย เพราะเธอต้องเอาปลาทั้งหมดไปให้กับหมอ เพื่อเป็นค่ารักษาจุกในวันนี้ “พี่ไม่น่าแบกฉันเลย เดี๋ยวจะต้องเดินย้อนกลับไปหาหมออีก เหนื่อยแย่” จุกที่ขี่หลังของพะยอมอยู่เอ่ยขึ้น “ก็ตีนเจ็บแบบนี้ จะปล่อยให้เดินได้ยังไง แล้วเรื่องปลา เราต้องให้หมอหมดเลยเหรอ” พะยอมเห็นว่าปลาที่จับมาได้นั้น มีขนาดตัวที่ดูใหญ่ ทั้งปลาช่อนเป็นปลาที่ดูน่าจะมีราคาแพง เพราะเธอจำได้ว่าเคยไปซื้อมาทำปลาแดดเดียว กว่าจะหาตัวเป็น ๆ ได้นั้นยากแสนยาก ยิ่งเป็นปลาที่มาจากธรรมชาติแบบนี้แล้วด้วยนั้นคงจะเป็นแรร์ไอเท็ม แถมราคาก็ยังแพงอีก “อ้าวไปทำอะไรกันมา ทำไมเอ็งต้องไปขี่หลังพี่เขาแบบนั้นล่ะจุก” ยายลำยงที่กำลังนอนเล่นอยู่นอกชานบ้านค่อย ๆ หยัดตัวลุกขึ้นนั่ง หญิงชรามองเห็นภาพไม่ชัดนัก แต่ก็พอจะดูรู้ว่าเป็นจุกที่กำลังขี่อยู่บนหลังของพะยอม “อย่าบอกยายนะพี่” จุกรีบกระซิบบอกกับพี่สาว เพราะกลัวจะถูกยายต่อว่า ทั้งเรื่องที่พากันไปจับปลาจนเจ็บตัว ต้องไปรักษาที่โรงพยาบาล แถมยังเสียค่ารักษาตั้งมากมาย “ว่าไงล่ะพะยอม ไอ้จุกมันเป็นอะไร” ยายลำยงถามซ้ำ พะยอมที่แบกน้องเอาไว้บนหลังเงียบไปครู่หนึ่งเพื่อตั้งสติ พร้อมกับหาข้อแก้ตัว “จุกเป็นลมจ้ะยาย เราวิ่ง... ไล่จับผีเสื้อกัน ตากแดดไปด้วย แล้วก็... เอ่อ... เหนื่อย จุกก็เลยเป็นลม” พะยอมอึกอักก่อนจะโกหกออกไป แต่เพราะว่ายายลำยงหูตาไม่ค่อยจะดีแล้ว แกจึงไม่ได้ติดใจอะไรกับคำโกหกของพะยอม หญิงชราทิ้งตัวลงนอนตามเดิม เมื่อได้คำตอบจากเด็ก ๆ ทั้งสองคนแล้ว พะยอมเดินออกไปส่งจุกที่บันไดหลังบ้าน เพราะกลัวยายลำยงจะเห็นผ้าที่พันไว้ที่เท้าของจุก แล้วจะเกิดคำถามขึ้นมาอีก “เดี๋ยวพี่รีบเอาปลาไปให้หมอก่อนนะ” พะยอมบอกกับเด็กชายตรงหน้า เขาพยักหน้ารับก่อนจะส่งถุงปลาให้พี่สาว “เดี๋ยวพี่พะยอม...” “อะไรอีก” “อาบน้ำหน่อยไหม เดี๋ยวจะคันเอานะพี่” จุกเห็นว่าพะยอมต้องเดินย้อนกลับไปอีก แต่ว่าคราบโคลนบนตัวก็ยังล้างออกไม่หมด ตากแดดไปทั้งที่เปรอะเปื้อนแบบนั้นคงจะคันไม่น้อย “ไม่เอาล่ะ ไปแป๊บเดียว เดี๋ยวก็กลับ” “กว่าพี่จะเดินไปถึง ต้องตากแดด คันแย่เลยนะพี่ อีกอย่างหมอบอกว่าตอนเย็นค่อยเอาไปให้ นี่ยังไม่เย็นเลยนะ” พะยอมก้มมองดูเนื้อตัวของตัวเองอีกครั้ง ก่อนจะหันไปมองหน้าคนพูด เธอไม่อยากกลับไปเอาของที่บ้าน เพราะว่าไม่ได้เอาอะไรติดตัวมาเลย เธอไม่อยากไปเจอพี่เขยบ้ากาม กับสายหยุดพี่สาวของตัวเอง เพราะยังคงโกรธพี่สาวอยู่ “ไม่เป็นไรหรอก ไปแป๊บเดียวก็กลับแล้ว กว่าจะเดินไปถึงก็คงเย็นพอดีแหละมั้ง ถ้าไปถึงเร็วไปนั่งรอเวลาก็ได้” เธอยืนยันว่าจะไปอย่างนั้นก่อนจะเดินหนีออกมาดื้อ ๆ พะยอมเดินกลับไปที่โรงพยาบาลพร้อมกับถุงใส่ปลา ที่ด้านในเต็มไปด้วยปลาที่เธอกับจุกช่วยกันจับมา แต่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุอะไร หญิงสาวเดินมาได้เพียงครึ่งทางเธอก็เริ่มรู้สึกว่าร่างกายมันอ่อนล้าและมีอาการคล้ายจะเป็นลม แต่เธอนั้นก็ไม่ยอมหยุดพัก ยังคงตั้งหน้าตั้งตาเดินต่อไปโดยคิดว่าจะรีบเดินไปให้เร็วที่สุดเพื่อจะได้ไปถึงปลายทางโดยเร็ว ถึงตอนนั้นค่อยนั่งพักเสียให้เต็มที่ก็ได้ ภาพของท้องทุ่งนาเลือนรางลงไปทุกที พะยอมกัดฟันทนเดินมาจนถึงโรงพยาบาลในที่สุด ณ เวลานี้เป็นเวลาลงงานของหมอแล้ว เธอได้แต่ยืนเงอะงะทำอะไรไม่ถูก ชะเง้อมองหาเจ้าของปลาในถุงที่ถืออยู่ เพราะอยากจะเอาให้เขาไปเสีย “มาทำไม” เสียงห้วนเอ่ยถามหญิงสาวเนื้อตัวมอมแมม เธอหันไปที่เจ้าของเสียง ก่อนจะพบว่าเป็นพยาบาลคนสวย ที่ดูท่าจะไม่ชอบเธอสักเท่าไร “มาหาหมอค่ะ” คำตอบของหญิงสาวทำให้พยาบาลมุ่นคิ้วงามด้วยความงุนงง ก็นี่มันเวลาเลิกงานแล้วจะมาหาหมออะไรกัน แต่พอนึกได้ว่าพะยอมคนนี้สติไม่สมประกอบ สาวสวยในชุดสีขาวจึงได้แต่ส่ายศีรษะไปมา “หมอกลับไปแล้ว ค่อยมาพรุ่งนี้ก็แล้วกัน” แม้ว่าที่นี่จะไม่ได้มีหมอแค่คนเดียว แต่พยาบาลสาวก็รู้ว่า หมอคนที่พะยอมหมายถึงนั้นคือคนไหน เพราะมีหมอบุญฤทธิ์แค่คนเดียวเท่านั้น ที่มักจะต้อนรับคนสติไม่ดีอย่างพะยอม “คือฉันไม่ได้...” “ก็บอกว่าหมอกลับไปแล้ว!! อย่าให้ต้องไล่นะ” “พะยอม...” ขณะที่พยาบาลสาวกำลังจะตะคอกไล่พะยอม หมอบุญฤทธิ์ก็เดินออกมาจากม้านั่งพอดี เขามัวแต่นั่งอ่านหนังสือจนไม่ได้เงยหน้ามองว่าคนมที่เขานั่งรออยู่นั้นมาถึงแล้ว “หมอ...” “พอดีว่าผมซื้อปลาของพะยอมไว้ พะยอมเขาเอาปลามาให้ผมน่ะครับ” “อ๋อ ศรีไม่ทราบ คิดว่าพะยอมจะมาก่อเรื่อง ก็เลย...” “ช่างมันเถอะ มาก็ดีแล้ว เอ้า!! นี่ปลา ค่ารักษาของน้องฉัน” พะยอมยื่นถุงปลาส่งให้กับชายหนุ่มตรงหน้า คำพูดของเธอสร้างความสงสัยให้กับพยาบาลสาวไม่น้อย “ค่า... อะไรกันนะคะ” “ไม่มีอะไรหรอกครับ” หมอบุญฤทธิ์รับปลาไปจากมือของหญิงสาวที่เนื้อตัวมอมแมม เขามองดูเธอด้วยสายตาเวทนา เธอทำให้เขาสับสนเหลือเกิน แค่ชั่วเวลาเพียงไม่กี่วันนี้ เดี๋ยวเธอก็ดูพูดจารู้เรื่องราวกับหายเป็นปกติ แต่อยู่ ๆ ก็ทำเหมือนกับว่ากลับไปเป็นพะยอมคนเดิม และนี่ก็ยิ่งทำให้เขาอยากจะทำความรู้จักกับผู้ป่วยจิตเวชให้มากกว่าเดิม เพื่อเป็นคลังความรู้สำหรับนำไปศึกษาต่อในสายจิตแพทย์ที่เขาใฝ่ฝัน “พะยอม!!” เพียงแค่หญิงสาวหมุนตัวกลับหลังไป เธอก็เซถลาด้วยอาการหน้ามืด จนทั้งหมอและพยาบาลต่างก็ร้องกันเสียงหลง “ไม่เป็นไร ๆ ฉันคงจะเหนื่อยมากไปหน่อย เดินไปเดินมาตั้งหลายรอบ นั่งพักก็คงหาย” เจ้าตัวรีบบอกกับทั้งคู่ เพราะกลัวจะถูกจับเข้าห้องพยาบาล “แน่ใจเหรอ หน้าซีดขนาดนี้” พยาบาลสาวว่าขึ้น เธอไม่ได้สังเกตตั้งแต่แรกว่า พะยอมนั้นหน้าซีดเซียวตั้งแต่เดินมาถึงแล้ว “อือ...” เธอพยักหน้ารับ พร้อมกับยืนยันคำเดิม “ถ้าอย่างนั้นเอาแบบนี้ดีไหม ไปนั่งพักที่ส่วนบ้านพักก่อน เดี๋ยวแกงปลาเสร็จหมอจะแบ่งให้พะยอมเอาไปกินด้วย” หมอบุญฤทธิ์เสนอขึ้น ที่บ้านพักไม่ได้มีเพียงแค่หมอที่อาศัยอยู่ ยังมีทั้งพยาบาลและแม่บ้านบางส่วนที่มาจากต่างถิ่น ครัวและที่พักผ่อนรวมจึงไม่ได้อยู่อย่างเป็นส่วนตัว หมอบุญฤทธิ์จึงได้กล้าเอ่ยปากชวนพะยอมให้ไปนั่งพักที่นั่น “จะดีเหรอ คนอื่นจะว่ายังไง ผู้ชายกับผู้หญิงไปอยู่กันสองต่อสอง” พะยอมโวยขึ้นทันที “ไม่ต้องห่วงหรอก ที่นั่นน่ะคนเยอะแยะ พยาบาลเพิ่งจะลงเวรไปตั้งหลายคน ไหนจะแม่บ้านอีก ลูกท่านหลานเธออีกมากโข ไม่ได้ไปนั่งจับเข่ากันสองต่อสองแน่” พยาบาลสาวแทรกขึ้นทันที “อ้าวเหรอ... ถ้าอย่างนั้นก็... ได้สิ” เมื่อตกลงกันได้แล้ว พะยอมก็เดินตามหมอเข้าไปในส่วนบ้านพัก โดยปกติแล้วพื้นที่ตรงนี้จะจำกัดเฉพาะเจ้าหน้าที่ที่ทำงานอยู่ในโรงพยาบาลเท่านั้น แต่หากคนนอกได้รับอนุญาตแล้ว ก็สามารถเข้ามาในพื้นที่นี้ได้เช่นกัน “นั่งรอตรงนี้นะ เดี๋ยวหมอขอไปเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วก็เตรียมของมาทำปลาก่อน” หมอบุญฤทธิ์หันไปบอกกับเด็กสาวที่เดินตามหลังมา เธอทำท่างุนงงก่อนจะพยักหน้ารับ แล้วเดินไปนั่งลงที่ม้านั่งใต้ต้นไม้ หมอบุญฤทธิ์รีบไปจัดการธุระของตัวเองให้เรียบร้อย พร้อมทั้งไปเดินวนเก็บผักที่เขาปลูกเอาไว้หลังบ้านพัก เพื่อนำมาทำแกงปลา “พี่หวินครับ เห็นพะยอมหรือเปล่า” เมื่อกลับมาแล้วไม่พบหญิงสาวที่เขาสั่งให้นั่งรอ “พี่ให้ไปอาบน้ำน่ะ เนื้อตัวมอมแมม ไม่รู้ไปเล่นอะไรมา แต่วันนี้บอกง่ายหน่อย สักพักคงมา” สนมสาวใหญ่ใจดีตอบกลับ เธอเองก็เห็นพะยอมมานาน และรู้สึกเวทนาเด็กสาวคนนี้มาก เธอมักจะให้ขนม ให้เสื้อผ้ากับพะยอมอยู่เสมอ แต่ก็ไม่เคยได้เห็นเด็กสาวสวมชุดที่เธอให้เลยสักครั้ง “ไปเอาปลามาจากไหนล่ะเล็ก” สนมเป็นหมอรุ่นพี่ของบุญฤทธิ์ ทั้งยังคอยช่วยเหลือและให้คำแนะนำแก่เขาเสมอ สนมไม่ใช่คนที่นี่ แต่ได้มาบรรจุเป็นหมออยู่ที่ดงพะยอมนานหลายปีแล้ว “ซื้อมาจากพะยอมน่ะครับ” หมอบุญฤทธิ์ว่าพลางหยิบเอาปลาออกมาล้าง “พะยอมเนี่ยนะ” “ครับ ที่เห็นเลอะเทอะก็เพราะไปจับปลามาน่ะครับ” “ไอ้จับน่ะพี่ไม่ติดใจหรอก แต่เอามาขายเนี่ย... คนอย่างพะยอมเนี่ยเหรอรู้จักค้าขาย” เพราะเป็นที่รู้กันดีว่า พะยอมไม่ได้ปกติเหมือนคนทั่ว ๆ ไป อีกทั้งยังเคยขโมยขนมของสายหยุดเอามาแจกให้กับคนนั้นคนนี้อยู่บ่อย ๆ มาวันนี้หมอบุญฤทธิ์กลับเล่าว่าซื้อปลามาจากพะยอม มันจึงฟังดูเหลือเชื่อเกินไปหน่อย “จริง ๆ เธอก็ไม่ได้อยากขายหรอกครับ แต่พอดีว่าน้องชายที่ไปจับปลาด้วยกันถูกตะปูตำเท้า แล้วไม่มีเงินจ่ายค่ารักษา ผมก็เลยออกให้ แลกกับปลาที่สองคนไปจับมาได้น่ะครับ” “อ๋อ มิน่าล่ะ แล้วเป็นอะไรมากหรือเปล่า น้องของแม่พะยอมน่ะ” “ไม่มากหรอกครับ ผ่าเอาตะปูออกให้แล้ว แค่ต้องคอยมาล้างแผล” ระหว่างที่สองคนกำลังพูดคุยกันอยู่นั้น พะยอมก็เดินออกมาจากห้องน้ำ พร้อมกับถอดร่างสาวน้อยเลอะโคลนออกไปจนหมด “อาบน้ำแล้ว ดีขึ้นหรือยัง” หมอบุญฤทธิ์เอ่ยถามสาวน้อยที่เพิ่งจะเดินมาถึง เธอสวมชุดที่หมอสนมมอบให้ได้อย่างพอดีตัว “พะยอมเป็นอะไรเหรอ” “เวียนหัวนิดหน่อยค่ะ พอดีเดินไปกลับจากโพงพยาบาลหลายรอบ” เธอว่าพลางเหล่ตามองค้อนต้นเหตุที่ทำให้เธอต้องเดินย้อนไปย้อนมา แต่คนที่ดูจะประหลาดใจมากกว่าหมอบุญฤทธิ์ ดูจะเป็นหมอสนมเสียมากกว่า เธอรู้สึกว่าวันนี้พะยอมดูพูดจาแปลก ๆ ไปจากปกติ แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจมากนัก เพราะพะยอมก็เป็นแบบนี้ เธอมักจะหาคำพูดสารพัดมาพูดอยู่เสมอ พะยอมนั่งพักต่อเพราะยังคงรู้สึกเวียนหัวอยู่ ระหว่างที่นั่งพักก็คุยกับหมอทั้งสองไปพลาง หมอบุญฤทธิ์โชว์ฝีมือทำแกงส้มปลาช่อน โดยแบ่งให้ทั้งกับพะยอมและหมอสนมคนละถ้วย “เสียดายจริง ๆ หล่อก็หล่อ การงานก็ดี ทำกับข้าวก็เก่งดันยังไม่มีแฟนเสียได้” หมอสนมว่าก่อนจะเดินยกถ้วยแกงของตัวเองจากไป “ดีขึ้นหรือยัง” หมอบุญฤทธิ์เอ่ยถามหญิงสาวที่นั่งเท้าคางอยู่ที่โต๊ะ “ดีขึ้นบ้างแล้วค่ะ” “งั้นก็กลับกันเถอะ เดี๋ยวหมอไปส่ง” “จะดีเหรอหมอ ใกล้จะค่ำแล้ว คนจะมองไม่ดีเอานะ” พะยอมเอ่ยขึ้น “เพราะว่าใกล้ค่ำแล้วน่ะสิ ถึงได้จะไปส่ง” “ฉันมาเองได้ ก็กลับเองได้น่า ไหนล่ะแกงปลา” “ไม่ได้ ยิ่งไม่สบายอยู่ด้วยไม่ใช่หรือไง” หมอบุญฤทธิ์ก็ไม่มีทีท่าว่าจะยอมให้อีกฝ่ายกลับด้วยตัวเองเช่นกัน จนในที่สุดพะยอมก็ซ้อนจักรยานหมอบุญฤทธิ์กลับบ้านแต่โดยดี “บรรยากาศดีจัง” หญิงสาวที่ซ้อนอยู่ท้ายจักยานพูดขึ้น บรรยากาศท้องทุ่งยามเย็น แสงตะวันย่ำค่ำสีแสด ลมพัดเอื่อยปะทะใบหน้าให้ความรู้สึกเย็นสบาย “พูดอย่างกับไม่เคยเห็น” “ถ้าฉันบอกว่า ฉันไม่ใช่พะยอมหมอจะเชื่อหรือเปล่า” หมอบุญฤทธิ์นิ่งเงียบ ไม่ได้ให้คำตอบกับคนถาม แต่ในใจกลับรู้สึกว่าสิ่งที่เธอพูดนั้นจะเป็นเรื่องจริง เขาก็บอกไม่ถูกว่าทำไมถึงคิดเช่นนั้น แต่สายตา ท่าทาง และคำพูด รวมถึงพฤติกรรมของเด็กสาวคนนี้ในช่วงสามสี่วันที่ผ่านมา นั้นดูแปลกไป ราวกับว่าเธอนั้นเป็นคนละคนกับพะยอมที่เขาเคยรู้จักจริง ๆ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD