ลู่ทางทำมาหากิน

1869 Words
หมู่มวลวิหคผกผินบินถลามาจากรัง มุ่งหน้าหากินตามท้องนาท้องไร่ แสงทองส่องกล้าท้องฟ้ามืดสลัวพลันสว่างไสว สาดแสงแดงเรืองให้เห็นท้องไร่ทองนา เสียงนกเสียงกาเซ็งแซ่ประชันเสียงขันกับไก่บนหลังคาที่ตะเบงขันจนคอโก่ง ลมอ่อนพัดโชยหอบเอากลิ่นข้าวสุกหอมกรุ่นมาจากครัวเคล้ากับกลิ่นปลาย่าง ยิ่งยั่วน้ำลายจนคนที่กำลังสะลึมสะลืออยู่ในที่นอนต้องยอมลุกขึ้นออกไปตามหากลิ่นหอมที่ว่า “ตื่นเช้าจังเลยนะ” พะยอมร้องทักเด็กหนุ่มที่กำลังวุ่นอยู่ในครัว เขาละสายตาจากปลาย่างบนเตา ก่อนจะหันไปยิ้มให้กับพี่สาวที่เอ่ยทัก ด้วยว่าทุกคนต่างเข้าใจกันว่าพะยอมสติไม่ดี จึงไม่ได้มีใครถือสาเรื่องที่เธอนอนตื่นสาย แต่เจ้าตัวเองนั้นก็พยายามจะทำประโยชน์ให้มากที่สุด โดยเฉพาะกับบ้านของยายลำยง เพราะเธอขอมาอยู่ที่นี่เอง แถมยังไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับยายลำยงเสียด้วยซ้ำ เขาอุตส่าห์ต้อนรับเธอให้มาอยู่ก็ควรจะทำประโยชน์ให้แก่เขาบ้าง “เสียงนกเสียงกา ไหนจะเสียงไก่ นอนต่อไม่ไหวจริง ๆ พี่” จุกบอกกับพี่สาว เธอนั่งลงตรงข้างเตา และพยายามมองดูว่าตัวเองจะทำประโยชน์อะไรได้บ้าง “มีอะไรให้ช่วยไหม?” เธอตัดสินใจเอ่ยถาม เพราะดูท่าแล้วจะไม่มีอะไรที่เธอทำได้เลย “ไม่ต้องหรอกพี่ ฉันทำเสร็จหมดแล้ว พี่ไปล้างหน้าล้างตาเถอะ” เด็กชายบอกกับหญิงสาวข้างตัว เธอรู้สึกผิดเล็กน้อยที่วันนี้ไม่ได้ช่วยอะไรจุกอีกตามเคย พะยอมลุกขึ้นไปหยิบถังไม้เพื่อที่จะตักน้ำจากบ่อมาใส่โอ่ง หลังจากที่ตัวเองอาบน้ำเสร็จแล้ว แต่ไม่ทันที่เธอจะได้เดินไปที่บ่อ หลังออกมาจากห้องน้ำ เสียงของพี่สาวที่กำลังพูดคุยกับจุกอยู่บนเรือน ทำให้พะยอมทิ้งถังแล้วลัดป่าหนีออกจากบ้านไป เธอยังคงโกรธฝังใจไม่หาย เรื่องที่สายหยุดพี่สาวของเธอเชื่อผัวของตัวเองมากกว่าน้อง ทั้งที่ผัวคิดจะข่มเหงน้องแท้ ๆ “ข้าฝากไว้ให้พะยอมมันทีนะจุก ถึงเวลามันเป็นรอบเดือนขึ้นมาเดี๋ยวจะเลอะเทอะหมด ถ้าเห็นมันเปื้อนเลือด เอ็งก็บังคับให้มันใส่ผ้าขี่ม้า จะได้ไม่อุจาดอุจานลูกตา” สายหยุดทำผ้าขี่ม้ามาฝากไว้ให้น้องสาว เพราะเธอเพิ่งจะเป็นรอบเดือนเมื่อวาน แล้วนึกเรื่องนี้ขึ้นมาได้ ตอนอยู่ด้วยกันก็พอจะคอยดูคอยสอดส่องได้ แต่ตอนนี้น้องหนีมาอยู่กับยายลำยง นอกจากเธอจะคอยสอดส่องอะไรไม่ได้แล้ว ถ้าไม่ตัดไฟเสียตั้งแต่ต้นลม เดี๋ยวมันจะกลายเป็นปัญหาให้คนอื่นอีก “ฉันไม่ค่อยเข้าใจหรอก เดี๋ยวจะให้ยายช่วยบอกนะ” “เออ ๆ แล้วนี่มันยังไม่ตื่นเหรอ อีพะยอมน่ะ” “ตื่นแล้ว ไปอาบน้ำสักพักแล้วล่ะ แต่ไม่เห็นมาสักที สงสัยจะไปตักน้ำใส่ตุ่มมั้ง ฉันเห็นถือครุไปด้วย” “เออ เดี๋ยวพี่จะไปดูมันหน่อย หนีหน้าพี่มาหลายวันแล้ว จะสั่งจะสอนอะไรมั่งไม่ได้สอนเลย ไม่รู้มาอยู่บ้านคนอื่นเค้าแล้วจะสร้างปัญหาอะไรบ้าง” “ไม่เลยพี่... ฉันรู้สึกว่า พี่พะยอมแกดูรู้เรื่องขึ้น เหมือนคนปกติเลย” คำพูดของจุกทำให้สายหยุดฉุกคิดตาม เธอเองก็รู้สึกแบบนั้นเหมือนกัน แต่จะเป็นไปได้อย่างไร ในเมื่อพะยอมเป็นแบบนี้มาตั้งแต่เกิด แล้วอาการแบบนี้ใครก็รู้ทั้งนั้นว่ามันรักษาไม่หาย แต่สายหยุดก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ เธอเดินตรงไปที่บ่อน้ำบ้านยายลำยงเพื่อจะมาหาน้องสาว แต่กลับไม่พบใครเลยสักคน เห็นแต่ครุไม้ที่ถูกวางทิ้งไว้ “อีพะยอม” สายหยุดรีบวิ่งตรงไปชะโงกหน้าดูที่บ่อน้ำ เพราะกลัวว่าน้องจะกระโดดลงไปตามประสาคนเสียสติ แต่เมื่อมองลงไปก็เห็นแค่บ่อเปล่าที่มีน้ำเท่านั้น และดูไม่มีอะไรบอกเลยว่าพะยอมจะอยู่ด้านล่าง สายหยุดคิดว่าคงไม่ใช่อย่างที่เธอคิด “ได้ยินเสียงกูแล้วหนีอีกล่ะสิ” เธอพูดกับตัวเอง เมื่อคิดบางอย่างได้ ในใจของสายหยุดนั้นก็เจ็บปวดไม่น้อยที่น้องเป็นแบบนี้ แค่รู้ว่าผัวของตัวเองทำอะไรน้องมันก็เจ็บพอแล้ว แต่เพราะบุญคุณของเทิดมันค้ำคอ ไหนจะไม่มีทางไหนให้ไปอีกแล้วหากตัดขาดจากเทิด ทำให้เธอนั้นทำอะไรไม่ได้ นอกจากวอนขอเขาว่าอย่ากระทำเช่นนั้นกับพะยอมอีก ถึงจะไม่รู้ว่าเขานั้นทำกับน้องของตัวเองถึงขั้นไหนแล้วก็ตาม แต่กลับกลายมาเป็นว่าน้องโกรธไม่พูดไม่จาไม่ยอมเจอหน้ามาหลายวัน ทั้งที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ถ้าเทิดทำแบบนี้มาหลายครั้งแล้ว ทำไมพะยอมถึงเพิ่งจะมาพูดเอาครั้งนี้ ทางฝั่งของพะยอมนั้น เธอรีบกุลีกุจอวิ่งออกมาอย่างสุดชีวิต เพราะไม่ต้องการที่จะพบกับพี่สาว เธอเองก็ยังไม่รู้ว่าจะหลบหน้าสายหยุดไปอีกนานแค่ไหน แต่ที่คิดเอาไว้ก็คงจนกว่าเธอจะหายโกรธนั่นแหละ “เวรเอ๊ย ต้องมาเหนื่อยแต่เช้า ข้าวก็ยังไม่ได้กิน จะไปไหนดีล่ะทีนี้” เธอหยุดวิ่งเพื่อพักหายใจพลางพูดกับตัวเอง พะยอมกวาดตามองไปรอบ ๆ ก็พบว่ารอบตัวเธอนั้นล้วนมีแต่ทุ่งนา มีทั้งนาที่มีข้าวปลูกอยู่ และนาที่ถูกปล่อยทิ้งร้างไว้ สายตาของพะยอมมองเห็นเถาผักบุ้งที่กำลังแตกยอดงาม เธอจึงคิดอะไรดี ๆ ออก หญิงสาวรีบถกผ้าถุงให้สูง เพื่อจะลงไปเก็บยอดผักบุ้ง เธอตั้งใจว่าจะเก็บผักบุ้งยอดงามพวกนี้ไปแลกก๋วยเตี๋ยวสักชาม เพราะเช้านี้คงไม่ได้กลับไปกินข้าวที่บ้านแน่ ๆ เดินออกมาก็ไกลมากแล้ว กว่าจะย้อนกลับไปอีกคงได้หิวจนเป็นลมตายแน่ พะยอมเดินเก็บยอดผักบุ้งอย่างเพลิดเพลิน ยิ่งเก็บก็ยิ่งเจอแต่ยอดสวย ๆ กว่าจะรู้ตัวเธอก็เก็บได้หอบใหญ่แล้ว “โห... เยอะขนาดนี้เอาไปแบ่งขายอีกยังได้เลยนะเนี่ย” เธอว่าพร้อมกับหอบผักบุ้งที่เก็บได้เดินขึ้นมาบนคันนา แล้วมุ่งหน้าตรงไปที่ตลาดในเมือง แม้ว่าจะอาบน้ำมาแล้ว แต่ด้วยสภาพที่เพิ่งจะลงไปเก็บผักบุ้งในหนองนา ก็ทำให้สภาพของพะยอมนั้นสะบักสะบอมอยู่พอสมควร แต่ผู้คนในตลาดก็ไม่ได้สนใจเธอนัก เพราะก็เคยเห็นเธอในสภาพที่เละเทะกว่านี้มาแล้ว พะยอมจำได้ว่าเธอเคยเดินผ่านร้านก๋วยเตี๋ยวในซอยหนึ่งของตลาด เป็นทางที่จะต้องผ่านไปยังประตูเข้าวัดทิศเหนือ “อ้าวนังพะยอม มาเอาอะไรเหรอ” เจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยวพอหันมาเห็นเด็กสาวยืนมองเธออยู่ที่หน้าร้านจึงได้เอ่ยถามขึ้น “ฉันเอาผักบุ้งมาขาย” พะยอมเองก็ไม่รู้หรอก ว่าเจ๊เจ้าของร้านจะรับซื้อผักบุ้งของเธอหรือเปล่า แต่ก็อยากลองเสี่ยงดวงดูก่อน หากขายได้ขึ้นมาจริง ๆ นี่อาจจะเป็นลู่ทางการทำมาหากิน ระหว่างที่เธอรอเวลาหาทางกลับไปยังโลกที่ตัวเองจากมา “ไหน ผักบุ้งอะไรของเอ็ง” สาวอวบว่าพร้อมกับเดินเข้ามาดูใกล้ ๆ เมื่อเธอเห็นยอดผักบุ้งนาในมือของพะยอมก็ต้องตาลุกวาว เพราะมันทั้งสวยและเยอะมาก ซึ่งมากพอสำหรับขายก๋วยเตี๋ยวในหนึ่งวันหรืออาจจะสองวันเลยทีเดียว “เอ็งไปเก็บมาจากไหน” สาวอวบเจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยวเงยหน้าขึ้นถามเด็กสาว หวังจะหลอกถามแหล่งที่มา แต่พะยอมนั้นไม่ใช่พะยอมคนเดิมอีกแล้ว เธอไม่ได้จะให้ใครมาหลอกง่าย ๆ “คนค้าขายเขาไม่บอกแหล่งทุนหรอกนะ ถ้าฉันบอกว่าไปเก็บจากไหน คนก็แห่ไปเก็บมาขายหมดสิ ถ้าอยากได้ฉันจะเก็บมาส่งให้ ของมีเยอะพอที่จะเอามาส่งให้ทุกวัน คิดราคากันเองก็ได้นะ ถ้ารับตลอด” พะยอมพูดเจรจา นั่นจึงทำให้แม่ค้าร้านก๋วยเตี๋ยวแทบจะไม่อยากเชื่อสิ่งที่เธอได้ยิน ‘คนอย่างอีผีบ้าพะยอมนี่หรือ จะมาพูดเจรจาซื้อขาย’ เธอคิดในใจ แต่ก็ช่วยไม่ได้ ช่วงนี้ผักบุ้งราคาแพง หาเก็บเอาเองก็ยากเพราะพวกแม่ค้าแม่ขายหาเก็บกันจนหมดทุ่ง เธอเองก็ไม่มีเวลาว่างพอจะไปหาเก็บเอาเองเสียด้วย “เออ ๆ หมดนี่ข้าให้เอ็งห้าสิบสตางค์ก็แล้วกัน เอาก็เอาไม่เอาก็ไปขายที่อื่น” สาวอวบพูดตัดพ้อ โดยหวังว่าพะยอมจะยอมขายให้ เพราะราคาที่เธอประเมินก็ถือว่าแพงแล้ว “วันนี้ขอห้าสิบสตางค์กับก๋วยเตี๋ยวฟรีหนึ่งชาม แล้วถ้าพรุ่งนี้จะเอาอีก จะเก็บหอบละห้าสิบสตางค์มาให้” “มันจะเกินไปแล้วนะอีพะยอม ขายแพงขนาดนี้ก็หอบไปขายที่อื่นเถอะ กูก็อยากจะรู้ว่าใครเค้าจะซื้อของมึง” “งั้นฉันขอลานะ จะเอาไปขายให้แม่ค้าผัก แล้วเจ๊ก็ไปซื้อต่อจากแม่ค้าผักเอาเองก็แล้วกัน ราคาคงจะขึ้นมาอีกเป็นเท่าตัว ช่วงนี้ในนาหาผักบุ้งยากด้วยสิ น่าเสียดายจริง ๆ” พะยอมพูดทิ้งท้ายก่อนจะทำท่าหมุนตัวเตรียมเดินออกมาจากร้าน “เออ ๆ เอาก็เอา” เมื่อได้ยินเสียงตอบรับจากแม่ค้าก๋วยเตี๋ยวพะยอมก็ยิ้มออกมาด้วยความพอใจ “มานั่งรอก่อน เดี๋ยวข้าทำก๋วยเตี๋ยวให้” สาวอวบว่าก่อนจะเดินเข้ามาหาหญิงสาวที่ยืนหอบผักบุ้งอยู่หน้าร้าน “เอาผักบุ้งมาสิ ข้าจะเอาไปแช่น้ำ” เธอกล่าวพร้อมกับเอื้อมมือมาแย่งผักบุ้งไปจากอกของพะยอม แต่เจ้าของผักบุ้งกลับดึงหอบผักบุ้งของตัวเองกลับไปกอดไว้แน่น “ถ้าได้ก๋วยเตี๋ยวแล้วถึงจะให้ ของแบบนี้มันก็ต้องยื่นหมูยื่นแมวสิ” ยิ่งพะยอมพูดอะไรออกมา สาวเจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยวก็ยิ่งรู้สึกว่าเธอแปลกไปจากปกติ คนสติไม่ดีจะมีเล่ห์มีเหลี่ยมขนาดนี้เชียวหรือ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เธอจำใจต้องยอมเดินไปทำก๋วยเตี๋ยวมาแลกกับผักบุ้งยอดงาม
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD