EP1.1 ll วิธีจีบผู้ชายสไตล์เด็กวิศวะ [1]

1190 Words
ฉันหยิบบาร์บี้ราคาห้าบาทหัวล้านตรงกลางที่เจอแถวโต๊ะม้านั่งเมื่อเช้าฟาดปากปีจอของมันข้อหาหมิ่นประมาทความเป็นสตรี ก่อนที่จะชี้หน้ามันพร้อมจ้องตาถลึงอย่างเอาเรื่อง “เดี๋ยวมึงจะโดน!” ฉันพูดเสียงเหี้ยมเกรียม “เดี๋ยวโดนอะไรล่ะ มึงเอาบาร์บี้นี่ตีกูแล้ว -_-^” “ก็มึงกวนตีน” “งั้นเอาถุงเท้ายัดไปก่อนมั้ย? ประหยัดงบได้ดี” “เอาไปยัดไข่เจียวมึงก่อนเหอะ! เล็กเท่าขี้ตาหมา” ฉันประชดประชันพลางยิ้มเยาะอย่างเหนือกว่า ในขณะที่ไอ้โจ้กับไอ้นับยืนเสือกอย่างสงบ “พูดแบบนี้ มึงเคยเห็นเหรอ?” “แล้วมึงเคยเห็นของกูเหรอ?” ฉันเชยใบหน้าสบสายตากับร่างสูงจนเกิดกระแสไฟฟ้าเปรี๊ยะๆ ไอ้เจเงียบไปนิดนึงก่อนจะแค่นยิ้มเหยียดด้วยนัยน์ตาแวววาว “ก็ไม่เคยเห็นไง ไหนเปิดให้กูดูหน่อย” มันพูดจาทะเล้นแล้วยื่นปลายนิ้วชี้มาเขี่ยบริเวณคอเสื้อของฉันไปทางซ้ายทีขวาทีอย่างมีเลศนัย “ใครจะไปเปิดให้มึงดู คนที่กูอยากให้ดูน่ะ คนโน้น” ฉันไหวไหล่แล้วไล่สายตาไปมองยังเป้าหมายที่ยืนอยู่ไกลๆ เขากำลังคุยกับกลุ่มเพื่อนอีกสองคนอย่างสนิทสนม ร่างสูงหัวเราะอย่างเอียงอายพลางใช้นิ้วชี้เขี่ยข้างแก้ม กริยาท่าทางของเขาทำเอาฉันอยากกระโจนเข้าใส่สุดๆ “นะเจนะ ช่วยกูหน่อย กูทุบหัวเขา มึงแบกเอาไปส่งห้องเลย” “พูดเล่นหรือจริงจังวะเนี่ย?” มันทำหน้าเหยเก “ไอ้หลินแม่งโรคจิตฉิบหายเลยว่ะ โจ้” ไอ้นับเอ่ยพลางมองหน้าฉันอย่างระอา “น่านะ มึงช่วยกูหน่อยนะ” ฉันส่งสายตาปิ๊งๆ ไปรอบๆ พวกมันเบะปากเป็นกลีบดอกคาร์เนชั่นแล้วหันหน้าหนีแทบจะพร้อมๆ กัน ฉันเลยวิ่งเข้าไปเกาะไหล่ทีละคน “งั้นมึงก็เสนอแนวทางให้กูหน่อยสิ กูคิดไม่ออกจริงๆ” ฉันพูดเสียงอ่อนเสียงหวาน แล้วเอียงคอมองหน้าพวกมันทีละคนเพื่อขอคำตอบ “เสนอไอเดียหน่อยสิ หื้ม” “ยากหน่อยนะ ถ้ามึงอยากเป็นแฟนกับไอ้เซฟ... แม่งโคตรติ๋ม แถมยังอยู่ในแก๊งตุ๊ด เป็นผู้ชายรึเปล่าก็ไม่รู้” ไอ้โจ้ว่าแล้วปรายสายตามองไปยังเป้าหมายแบบคิดไม่ตก “แก๊งตุ๊ดคืออะไรวะ?” ฉันย่นคิ้ว ชื่อดูแบบ... “แก๊งตุ๊ดก็คือแก๊งตุ๊ดอ่ะมึง มึงดูหน้าเพื่อนมันแต่ละคนที่ยืนตรงนั้นดิ ชะนีตายเรียบ” ไอ้โจ้บุ้ยบ้ายให้ฉันโฟกัสสายตาเข้ากับเบ้าหน้าของเพื่อนเขาทีละคน ลักษณะช่างสำอาง ผิวเนียนละเอียดและใบหน้าหวานปานผู้หญิงนั่นก็บ่งชัดว่าทำไมเรียกแก๊งตุ๊ด... โอ้โห สวยกว่ากูอีกมั้งนั่น -*- “ก็แค่หน้าสวยอ่ะมึง” ฉันมองโลกในแง่ดีแล้วโบกมือไปมาไล่ความคิดไร้สาระออกไป ก่อนจะจ้องหน้ามันใหม่เพื่อความเมตตากรุณาให้ช่วยคิดว่าฉันต้องทำยังไงถึงจะได้ผู้ชายคนนั้นมาครอบครอง... “เอาไงวะนับ มึงว่าไอ้หลินจะเป็นแฟนกับไอ้เซฟได้ยังไง?” มันหันไปขอความเห็นจากไอ้นับ ฉันเลยหันขวับแล้ววิ่งไปเกาะรายต่อไปแทน นัยน์ตาสีน้ำตาลกะพริบปริบๆ หลายทีพร้อมรังสีคาดหวัง “ตึ้บเลยว่ะ” ไอ้นับตอบแล้วโบ้ยไปทางไอ้เจ “ไม่ต้องมาจ้องกูเลยหลิน กูคิดไม่ออก” “โอ๊ย ก็พอกูเสนอวิธีพวกมึงก็บอกว่าไม่เวิร์ค พอให้ช่วยคิดก็เสือกบอกว่ายากอีก” ฉันโวยวายหน้าบอกบุญไม่รับพร้อมกอดอกฟึดฟัดเพราะอาการของพวกสามแสบ ฉันนิ่งไปพักใหญ่ก่อนจะนึกอะไรออกมาได้ “เออ พวกมึงความจริงไม่ต้องถึงขั้นเป็นแฟนมันก็ได้นะเว้ย” ฉันเอ่ยเสียงใสด้วยใบหน้าแช่มชื่นผิดกับเมื่อกี้ พวกสามแสบเลยทำหน้าเหมือนฉันจะมีความหวังขึ้นมาบ้าง “อ๋อ ถ้าแค่เป็นเพื่อน พวกกูก็พอจะนึกวิธีได้อยู่นะ” ไอ้โจ้ว่าแล้วทำท่าจะพูดต่อ หากแต่โดนฉันยกมือเบรกมันเอาไว้ก่อน ฉันไม่ได้หมายความว่าจะเป็นเพื่อนซะหน่อย “ไม่ใช่ๆ กูไม่ได้หมายความว่ากูอยากเป็นเพื่อนกับเขา” ฉันส่ายหัวรัวๆ เพื่อปฏิเสธ “อ้าว แล้ว?” “กูหมายถึงว่าไม่ต้องเป็นแฟนก็ได้ แค่ได้กันก็พอ” โอ๊ย แค่คิดชีวิตก็ฟินสุด อะไรสุดแล้วอ่ะ หลินจะไม่ทน คนอย่างหมอนั่นต้องเป็นของฉัน จะเอาๆๆ จะอาววว เค้าอยากได้ >O “ชะนีสมัยนี้นี่พัฒนาไปไกลเนอะ ไอ้นับ” ไอ้เจผู้ปากหมาเอ่ยขึ้นมาก่อนพลางมองหน้าฉันอย่างหมิ่นเหม่ เฮอะ! นี่มันศตวรรษที่ 20 แล้วนะยะ ขืนมัวเหนียมอาย ผู้ชายกลายเป็นชะนีหมด ฉันก็อดสิเพคะ! “โธ่ มึง ความจริงกูเป็นคนเรียบร้อยนะ แต่ว่าดูจากอายุก็แก่แล้วอะเนอะ” “…” “จะเล่นตัวจนผัวไม่มี กูก็ไม่เอาอ่ะ” “แต่มึงเล่นตัวบ้างก็ได้ ไม่ใช่ไปเสนอให้เขาถึงที่ -_-^” ถ้อยคำจากปากไอ้เจ ไม่รู้ว่ามันมีปัญหาอะไรกับฉันมากมายนัก ถึงได้หาเรื่องขัดตลอด “กูไม่ได้เสนอ! มึงเห็นกูเป็นคนยังไง!” ฉันกระแทกเสียงไม่พอใจที่มันบังอาจมาดูถูกความเป็นลูกผู้หญิงจริงแท้ของฉัน มันเหยียดหยามกันเกินไปแล้วนะ ทำไมฉันต้องไปเสนอตัวมั่วๆ ด้วย ถ้าหมอนั่นไม่สนองฉันก็แย่น่ะสิ “โอ้โห อย่างนี้ไม่เรียกเสนอแล้วเรียกอะไร?” “ยัดเยียด!” “พอ! กูไม่คุยกับมึงแล้ว!” “โอ๊ย เยอะแยะเว่อร์วังอลังการนะพวกมึงเนี่ย กูไม่ขอความช่วยเหลือก็ได้ กูจะจัดการของกูเอง” ฉันตัดบทอย่างหงุดหงิด พลางกวาดสายตาไปมองพวกไร้ประโยชน์ทีละคน เฮอะ ฉันไม่เห็นต้องพึ่งพวกมัน กะอีแค่จีบผู้ชายคนเดียวมันจะไปยากอะไรวะ? “มึงอยู่เฉยๆ ไปเลยไอ้หลิน เดี๋ยวกูจัดการให้” ไอ้โจ้โพล่งขึ้นพลางถอนหายใจแรงๆ อย่างเหนื่อยหน่าย “โอ๊ย รอมึงช่วย กูคงขึ้นคานตายก่อน” ฉันบ่นอุบเพราะรู้ว่ามันเป็นพวกชอบผัดวันประกันพรุ่ง บางครั้งมันก็รับปากไปงั้นๆ ไม่เคยรับผิดชอบคำพูดตัวเองเลยสักครั้ง แล้วฉันจะเอาอะไรไปเชื่อมันได้วะ? “ถ้ากูทำให้ไอ้เซฟโทรหามึงได้ มึงจะให้อะไรกู?” ไอ้โจ้ยักคิ้วจึ๋งๆ พร้อมยื่นข้อเสนอที่น่าสนใจแต่ไม่น่าเชื่อถือ คนอย่างมันเนี่ยนะ จะทำอะไรได้? “เอาไว้ทำได้ก่อน แล้วมึงค่อยมาคุย” ฉันว่าแล้วโบกมือไล่มันไปไกลๆ อย่ามาทำเป็นเก่งทั้งที่ทำห่าอะไรไม่ได้เลยจะดีกว่า ฉันเบะปากใส่ก่อนจะหันไปมองตามร่างสูงอีกที เขากำลังยืนหัวเราะร่วนกับเพื่อนๆ โอ๊ย… ดูตาหยีๆ นั่นสิ น่ารักน่ากิน หลินจะเอา >O
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD