ตอนที่2 ลืมมันไปหมดแล้ว
รถหรูที่ก่อนหน้านี้แวะส่งพริตาจอดที่หน้าบ้านหลังหนึ่ง เขากับวชิรวิชญ์ไม่ได้มีแค่แคลอรีนกับพริตาเป็นเพื่อน แต่ยังมีอีกหลายกลุ่มแต่ยังเรียกว่าเพื่อนแท้ไม่ได้
“ทำไมช้าวะ ไหนว่าจะตามกูมา”
“แวะส่งแพร”
“หึ” วชิรวิชญ์แสยะยิ้ม คนอย่างดีแลนถ้าฝืนใจไม่มีทางที่จะทำอย่างแน่นอน
ปาร์ตี้คนโสดจัดขึ้นเพื่อหาคู่วันไนท์สแตนด์ในยามค่ำคืน แน่นอนว่าเกือบทุกตารางนิ้วมันเต็มไปด้วยของมึนเมาที่ช่วยให้พวกเขาถึงสวรรค์ชั้นสูงสุด
ความสัมพันธ์ที่ไม่รู้จักกัน ไม่รู้จักชื่อ พวกเขาแค่ต้องการมีความสุขจากร่างกายของกันและกันเท่านั้น
เกือบจะข้ามเป็นวันใหม่ดีแลนได้หญิงสาวคนหนึ่งกับห้องสี่เหลี่ยมแสงไฟมืดสลัว เขาไม่เข้าหาใครก็ไม่ได้แปลว่าจะไม่มีเหยื่อมาติดกับ พวกเธอรู้อยู่แล้วว่าดีแลนคือความเย็นชา ถ้าอยากเล่นด้วยต้องเข้ามาเอง บทร้อนบนเตียงนุ่มสิ้นสุดต่างฝ่ายต่างแยกย้าย แต่ก่อนจะต่างคนต่างไปดีแลนมักจะจ่ายค่าตัวให้พวกหล่อนเสมอ
“นี่ปาร์ตี้คนโสด คุณไม่ต้องจ่ายหรอกนะคะ”
“เอาไป ฉันไม่อยากติดค้าง” เขาวางเงินบนเตียงสีขาวปึกหนึ่งข้าง ๆ กายหญิงสาวที่นั่งสวมต่างหู เธอเหลือบสายตามองเห็นความหนาของเงินก็อดไม่ได้ที่จะยกยิ้ม
“เราจะเจอกันอีกมั้ย”
“แล้วแต่โอกาส”
“ฉันขอติดต่อคุณได้มั้ย” หญิงสาวถามอย่างมีหวัง เขาไม่รู้จักเธอ แต่เธอรู้จักเขา
“ไม่”
“เย็นชาจัง” หลังติดกระดุมเสื้อนักศึกษาเม็ดสุดท้ายเสร็จดีแลนก็ออกมาจากห้องไม่สนใจสายตาหว่านเสน่ห์ของเธอเลยสักนิด
“มึงกลับยัง” หลังจากออกมาจากห้องเขาก็โทรเพื่อนที่อยู่ที่นี่เหมือนกันกับเขา เมื่อคืนวชิรวิชญ์เองก็ลากสาวขึ้นห้องไปเหมือนกัน
“ยัง มึงจะกลับแล้ว?”
“อืม”
“กลับก่อนเลย อย่าให้ยัยแคลรู้นะว่าเรามา” วชิรวิชญ์ย้ำ พวกเขาจะได้ยินเสียงบ่นอย่างน่ารำคาญหากแคลอรีนรู้
ดีแลนขับรถกลับคอนโดในเวลาเกือบแปดโมงเช้า มือหนึ่งบังคับรถที่แล่นอยู่บนถนน มือหนึ่งนวดต้นคอไล่อาการเมื่อยขบ ทุกคืนวันศุกร์เขากับวชิรวิชญ์มักอยู่ที่ปาร์ตี้นั้น และกลับเช้าเป็นเรื่องปกติ
ติ๊ด
“แดน!” ก่อนที่เขาจะผลักประตูเข้าห้องเองแคลอรีนที่อยู่ห้องตรงข้ามดันเห็นเขาซะก่อน คนตัวสูงเมินเพื่อนผู้หญิงอย่างตั้งใจแต่เธอไม่ยอมปล่อยผ่านเขาไปง่าย ๆ
“แดน! นายไปมั่วที่ปาร์ตี้นั่นมาอีกแล้วเหรอ”
แอดดด
พริตาที่อยู่ห้องติดกับแคลอรีนเปิดประตูออกมาเพราะได้ยินเสียงเพื่อนดังขึ้น แต่เธอไม่ได้คิดว่าจะเจอเขาด้วย
“แพรนึกว่าแคลเรียกน่ะ”
“แพรมาช่วยเราด่ามันหน่อยซิ ไปมั่วมาอีกแล้ววินล่ะ อย่าบอกนะว่ามันก็ไปด้วยน่ะ”
“อืม” ดีแลนครางรับในลำคอแต่ปรายตามองไปที่พริตาเล็กน้อยก่อนจะหนีเสียงบ่นเข้าไปในห้องของตัวเอง
ปึง
“อย่าหนีนะ”
ติ๊ด ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ
แคลอรีนรัวกดรหัสผ่านห้องของดีแลนเมื่อถูกเขาปิดประตูใส่หน้า แต่ทว่าเธอยิ่งต้องโมโหสุดขีดเมื่อดีแลนแอบเปลี่ยนรหัสหนีตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้
“แดน! ฉันจะฟ้องลุงกับป้า”
“แคล.. เสียงเริ่มดังแล้วนะ”
“เอ่ออ ก็มันโมโหอะ แพรทำอะไรอยู่เหรอถึงได้ยินเสียงเรา”
“แพรกำลังจะออกมาชวนแคลกินข้าวน่ะ เราเจียวไข่ตั้งสามฟองแหนะ”
“อยู่คนเดียวทำไมทำเยอะขนาดนั้น มีข้าวด้วยหรือเปล่า” แคลรอรีนเดินเข้าห้องของเธอด้วยความคุ้นชิน พริตาชอบทำอาหารง่าย ๆ และชวนเพื่อนสาวมากินประจำ
“แดน!” ก่อนที่ประตูจะปิดลงมือหนาก็ยันประตูห้องเอาไว้ ดีแลนเอาตัวเองมาอยู่ในห้องที่หอมไข่เจียวด้วยและเป็นการมาเหยียบห้องของพริตาครั้งแรกตั้งแต่เป็นย้ายมาอยู่ใกล้กันแค่เอื้อมนี้
“มาให้ฉันด่าเหรอฮะ”
“หิว”
“หิว?”
“ตั้งแต่เมื่อคืนมีแต่เหล้าในท้อง”
“ไม่ใช่ว่าอิ่มอีหนูจนกินอะไรไม่ลงเหรอแดน”
“พูดมาก” เขาว่าให้แคลอรีนแล้วมองเลยไปที่เจ้าของห้อง เธอยืนทำหน้าสับสนจนเจอกับสายตาเขาจึงได้สติ
“แดนกินด้วยก็ได้นะ ข้าวมีเยอะ”
“น่าปล่อยให้อด” เขายังโดนแคลอรีนบ่นให้ไม่หยุด แต่เสียงของลูกพี่ลูกน้องไม่ได้กระทบกระเทือนเขาเลยสักนิด ชายหนุ่มเดินไปนั่งลงที่โต๊ะอาหารขนาดไม่ใหญ่มากแต่โชคดีที่มันมีเก้าอี้เข้าชุดถึงสี่ตัว
ตืดด ตืดด
“พี่นิติโทรมาทำไมเนี่ย” แคลอรีนบ่นขึ้นก่อนจะกดรับสาย
“ค่า พี่ว่าไงคะ”
“ฮะ! มันแตกได้ไงอะยางใหม่นะคะ”
“โอเคค่ะเดี๋ยวแคลรีบไปดู” แคลอรีนตกอยาในความสนใจของอีกสองคนอัตโนมัติเมื่อน้ำเสียงนั้นดูตกใจเกินปกติ
“รถฉันยางแตก กินกันสองคนเลยนะ”
“ให้ฉันช่วยมั้ย”
“ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวให้แด๊ดส่งคนมาเอาไปซ่อม” พูดกับดีแลนจบก็ออกไป ในห้องจึงเหลือเพียงเขากับเธออย่างน่าอัดอึด
“มีไข่เจียวอย่างเดียวนะ แดนอยากกินอะไรเพิ่มอีกหรือเปล่า”
“ที่ห้องเธอมีอย่างอื่นนอกจากไข่?” พริตาเผลอช้อนตามองคนที่ถามเธอแบบนั้น ‘เขารู้ด้วยเหรอ’
“มีมา..”
“ไม่เอา ของไร้ประโยชน์แบบนั้นเธอเก็บไว้กินเองเถอะ” หญิงสาวพยักหน้าเม้มปากแก้เก้อก่อนจะตักข้าวให้เขาและดันจานไข่เจียวไปเบื้องหน้าให้
“เธอไม่กิน?”
“แพร..ยังไม่หิว”
เคร้ง
ดีแลนปล่อยช้อนร่วงใส่จานข้าวทันที สายตาจับจ้องใบหน้าหวานอย่างไม่พอใจเพราะคิดว่าเธอไม่อยากกินข้าวกับเขา
“ทำไม เห็นหน้าฉันแล้วกินไม่ลง?”
“เปล่า เดี๋ยวแพรกินพร้อมแดนก็ได้” มือหนาหยิบช้อนขึ้นมาอีกครั้งเมื่อเพียงใช้สายตาก็เอาชนะเธอได้ แต่ก็เป็นมื้อที่โคตรจะเงียบจนแทบไม่มีเสียงช้อนกระทบจาน
“อิ่มแล้ว”
“อืม แพรกินไม่เยอะหรอก”
“แล้วทำทำไมเยอะแยะ”
“แพรทำเผื่อแคลน่ะ ป่านนี้เป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้ไม่เห็นกลับมาสักที” หญิงสาวพูดถึงเพื่อนอีกคนด้วยความเป็นห่วง
“เดี๋ยวอาก็ส่งคนมาช่วยเองแหละ ป่านนี้คลุมโปงนอนไปแล้วมั้ง”
“...” ความเงียบเข้าปกคลุมเมื่อได้อยู่กันเพียงลำพังในห้องเป็นครั้งแรก หลังจากคืนนั้นเธอกับเขาก็แทบไม่พูดคุยกันเลย
ครืดดด
“ขอโทษนะ”
“ฉันลืมมันไปหมดแล้ว”