บทที่ 4 แอบยั่ว

2376 Words
  บทที่ 4 แอบยั่ว     “อนุเฟย !” เสียงของพระชายาเสวี่ยนซ่านดังขึ้น หัวใจเต้นรัวๆ ทำไมมันถึงยังไม่ตาย ก็ไหนเมื่อคืน มันตายไปแล้วนี่ พระชายาทุกลำดับต่างก็เห็น   พระชายาอวี้เฟย และพระชายาโจหลุน ใบหน้าก็ซีดเป็นไก่ต้ม ความหวาดกลัวมันวิ่งเข้ามาเกาะกุมในหัวใจของพวกนาง    จินลู่ในร่างของอนุเฟยจู ยกแก้มขึ้นเล็กน้อย แววตาวาววาม ก่อนจะหลุบเปลือกตาลง ซ่อนมันเอาไว้ข้างใน   “พวกเจ้ามาแล้ว ก็เข้ามาข้างใน เพราะข้าจะชำระความแล้ว” เสียงเย็นชา ของเจ้าชีวิตดังขึ้น ทำให้เหล่าพระชายต้องผวา และขนหัวลุก หวาดกลัวเหลือเกินว่างานจะเข้าตน และจากนี้ไป อาจจะไม่ได้ชูคออยู่ที่ตำหนักแห่งนี้อีก    “เอ่อ ท่านอ๋อง ท่านจะชำระความอะไรพวกข้าเหรอเจ้าคะ” พระชายาลำดับสามอวี้เฟยเอ่ย   “สิ่งที่พวกเจ้าทำ กับคนอื่น ทำเหมือนคนอื่นไม่ใช่คน ข้าก็จะทำเหมือนพวกเจ้าเป็นผักปลาเช่นกัน” โม่หรานเอ่ย พวกนางทั้งสามต่างตกใจ   “ไม่นะเจ้าคะ ข้าไม่ได้ทำอะไรใคร ใครกันที่เป็นคนใส่ร้ายข้า ข้าจะ” พระชายาอวี้เฟยพูดไม่จบ เพราะแววตาของอ๋องสี่มองมาแบบเย็นชา    “เจ้าจะทำอะไรเหรอ อวี้เฟย” ถามแบบเสียงเย็น เหมือนกับน้ำแข็ง   “อะ ปละเปล่านะเจ้าคะ ข้า แค่พูดไปแบบไม่ทันได้คิดอะไร” อวี้เฟยรีบปฏิเสธ  “งั้นเหรอ ข้านึกว่า เจ้าจะจับคนอื่นกดน้ำอีกรอบ” เสียงเยาะเย้ยของท่านอ๋อง ทำให้ทุกคนต่างหวาดกลัวจนหัวหด   “ท่านอ๋องอย่าพูดเช่นนั้นสิเจ้าคะ ไม่มีใครไปกดน้ำใครหรอก” ใบหน้าที่สวยงามของเหล่าพระชายาทั้งสามต่างซีดเผือด เพราะมีชนักติดหลังอยู่    “พวกเจ้าทุกคน ฟังในสิ่งที่ข้าจะตัดสิน” อ๋องสี่พูด ทุกคนหัวใจต่างเต้น ตึ่ก ตึ่ก   “เมื่อยามเหาะ (23.00-24.59) พวกเจ้าบุกมาที่ตำหนักของอนุเฟย แล้วทำการตบตี สั่งให้บ่าวไพร่กระทืบ จนอนุเฟยกระอักเลือด เท่านั้นยังไม่พอ อวี้เฟย กลับจับอนุเฟย ที่อ่อนแรงเต็มทีไปกดน้ำ แล้วให้บ่าวไพร่นำไปไว้ที่โรงเก็บฟาง…ข้าถามเจ้า พวกเจ้านั้นยังเป็นคนอยู่ไหม” เอ่ยถามเหล่าพระชายาทั้งสามของตนด้วยความเย็นชา   “…ข้า ข้าเปล่านะเจ้าคะ” พระชายาลำดับสี่ โจหลุนรีบปฏิเสธ ใบหน้างามเกิดความขาวซีดเหมือนกระดาษ แต่เฟยจู กลับเงยหน้าขึ้น แล้วส่งยิ้มเยาะๆ ไปให้   “เจ้า… นางแพศยา” พระชายาโจหลุนตาลุกวาว ที่เห็นว่าอนุเฟยเยาะเย้ยตน จึงลืมตัว เดินลิ่วมาที่เฟยจูอย่างรวดเร็ว จนใครก็ไม่ทันตั้งตัว แต่จินลู่ ในร่างของเฟยจูนั้น ได้เตรียมการต้อนรับเอาไว้แล้ว   อ๋องโม่หรานมองตาม ว่าพระชายารองสี่จะทำอะไร   โจหลุนกระชากผมของเฟยจูขึ้น แล้วก็ชะงักไป เพราะดวงตาของอนุเฟยลุกเป็นไฟ และแล้ว มือของพระชายาลำดับสี่ก็ยกขึ้น แตะไปที่ใบหน้าของอนุ ที่นางแสนเกลียดชัง    เพียะ !   เสียงก็ดังสนั่นไปทั่วห้อง และใบหน้างามของเฟยจู ก็หันไปตามแรงตบ จนเลือดกบปาก อ๋องโม่หรานรีบถลาเข้ามา แล้วผลักพระชายาโจหลุนออกไป แล้วเข้ามาพยุงร่างของเฟยจูเข้าสู่ในอ้อมกอดอย่างรวดเร็ว ในขณะที่โจหลุนอึ้ง ว่าตนยังไม่ทันได้ตบหน้าของอนุเฟยเลยนะ แล้วทำไม…   “เว่ยเทียน…จับพระชายาโจหลุนเอาไว้ แล้วรอฟังคำตัดสินของข้า” สั่งความด้วยความเดือดดาล   “ขอรับ” เว่ยเทียนเข้าจับกุมพระชายาตามคำสั่ง   “เจ้าเป็นอะไรมากไหม อนุเฟย” บอกเสียงเบา นิ้วมือแกร่งค่อยๆ ลูบแผ่วเบาไปที่ใบหน้านวล ที่ตอนนี้บวมแดงอย่างชัดเจน ดวงตากลมดั่งดวงดาวมีน้ำตาเอ่อคลออยู่    ใบหน้างามนั้นช่างน่าสงสาร เพราะริ้วรอยตั้งแต่เมื่อคืนนั้นก็ยังคงมีให้เห็น ว่าเขียวช้ำมากแค่ไหน ยังจะมาถูกตบอีก เห็นแล้วดวงตาของอ๋องสี่ ก็ลุกวาบจนอยากจะฆ่าให้ตาย   “ข้า…ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ แต่ข้า เจ็บเหลือเกิน ฮึก” จินลู่ในร่างของเฟยจู สะอื้น จนไหล่ไหว บีบคั้นหัวใจของอ๋องโม่หรานจนแทบคลั่ง พระชายาทุกคนมองภาพนั้นด้วยความแค้นเคือง พวกนางเกลียดมัน แม้ท่านอ๋องไม่ย่างกรายมาที่ตำหนักของมัน แต่องครักษ์และบ่าวไพร่ของที่นี่ ต่างรักมันทั้งนั้น ต่างจากพวกนาง ที่ไม่ค่อยมีใครเคารพรัก ทำตามคำสั่งของนางก็แค่นั้น   “เจ้าคงเจ็บมาก” ท่านอ๋องพูด พลางกอดอนุแนบอก แล้วหันไปหาเหล่าพระชายา ที่ต่อไปจะกลายเป็นแค่อดีต   “พวกเจ้าบังอาจนัก กล้าทำกับอนุเฟยได้ องครักษ์ทุกนายฟังคำสั่งข้า”   “นำตัวของพระชายาไปโบยห้าสิบไม้ แล้วให้ทำงานเยี่ยงทาสหนึ่งอาทิตย์ เมื่อหาย ก็นำไปปล่อยที่ชายแดน ให้เหล่าคนจรและคนชั่วทั้งหลายกระทำย่ำยีได้ตามใจชอบ และข้าได้ปลดพวกเจ้าทั้งหลายออกจากการเป็นพระชายาแล้ว ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป” เสียงเข้มและเย็นชาพูดขึ้น   “ขอรับ” ‘โหดสัด ปลัดบอก’ จินลู่คิด   “ไม่นะเจ้าคะ ท่านอ๋อง ข้าเป็นพระชายาของท่าน ที่เซี่ยประทานให้นะเจ้าคะ ถ้าทำแบบนี้ ท่านพ่อข้าไม่ปล่อยท่านแน่” เสวี่ยนซ่านขู่   “ข้าต้องกลัวพ่อเจ้าด้วยเหรอ เสวี่ยนซ่าน สิ่งที่เจ้าทำ มันเลวร้ายมากมายนัก เจ้าเห็นชีวิตคนอื่นเป็นผักเป็นปลา ไร้ซึ่งชีวิตจิตใจ แบบนี้ ข้าควรทำยังไงดี” เอ่ยเสียงเย็นชา เหล่าพระชายาต่างหวาดกลัวโทษทัณฑ์ที่ได้รับในครั้งนี้   “งั้น เอาใหม่ ข้าจะตัดสินใหม่ก็แล้วกัน คนเป็นใหญ่พูดขึ้น เนื่องด้วยเหล่าพระชายาทั้งสี่ได้กระทำในสิ่งที่เลวร้าย ข้า อ๋องสี่ โม่หราน ขอตัดสินว่า ให้แยกร่างของพระชายาทั้งสี่แล้วเอาไปโยนลงในบ่อจระเข้ เดี๋ยวนี้” คำสั่งถือว่าเด็ดขาด    “ขอรับท่านอ๋อง”   “ไม่นะ ๆ ๆ ๆ ข้ายังไม่อยากตาย ท่านอ๋อง ข้าขอโทษ”   “เฟยจูข้าขอโทษ ยกโทษให้ข้าด้วย ต่อไปข้าจะไม่ทำร้ายเจ้าอีก” เสวี่ยนซ่านเอ่ย แต่เฟยจูกลับนิ่งเงียบ ส่งแววตาสาสมใจไปให้ เธอไม่ได้รู้สึกสงสารแม้แต่น้อย เพราะพวกนี้ ทำกับเฟยจูตัวจริงจนตาย แล้วทำไมเธอต้องใจดีกับคนแบบนี้ด้วย   “ช่วยข้า ๆ” อวี้เฟยระล่ำระลัก แต่เฟยจู กลับซุกใบหน้าลงที่อกแกร่ง และกอดเอวของอ๋องสี่แน่น                     “นำตัวไป” อ่องโม่หรานไม่ได้มีความเห็นใจกับคนเหล่านี้ แม้อนาคต บิดาของพวกนางจะต้องจัดการกับตนก็ตาม   “เว่ยเทียน เจ้าไปตามหมอมาด่วน” สั่งเว่ยเทียน   “ขอรับ” องครักษ์ไปแล้ว อ๋องสี่ก็ประคองอนุไปนั่งที่เก้าอี้ แล้วเชยคางสวยขึ้นมอง   “บวมแดงแบบนี้ เจ้าต้องเจ็บมากเป็นแน่” พูดเสียงนุ่ม แล้วไล้ที่แก้มบวมเบ่งไปด้วย   จินลู่ในตอนแรกที่มัวแต่สนใจเรื่องราวต่าง ๆ จึงแอบยั่วแอบอ่อยคนที่กอดด้วยความสะใจ แถมตนเองก็กอดตอบด้วย แต่ตอนนี้สิ เหตุการณ์มันเปลี่ยนไปแล้ว อาการเคอะเขิน จึงฉายชัดขึ้น ทั้งที่เธอไม่เคยเลยที่จะมาเขินอายอะไรแบบนี้   “เอ่อ…ท่านอ๋อง คือว่า” พูดไม่ออก เธอเขิน ที่มีมือของผู้ชาย มาลูบที่ใบหน้าของตน ที่โลกโน้น ไม่เคยมีแม้แต่แฟน เพราะมัวแต่ทำงาน จนไม่ได้สนใจใคร แต่คราวนี้ มีผัวแล้วโว้ย !   จินลู่คิดในใจ แถมสามีของเธอคนนี้ ก็ไม่ใช่ไก่กาอาราเล่ เพราะเป็นถึงท่านอ๋องโน่น แถมหน้าตาก็หล่อเหลา รูปร่างก็สูงใหญ่บึกบึน ถ้าได้ซบที่อกนะ คงฟินสุด ๆ    เมื่อคิดไปในทางหื่น ใบหน้าของอนุเฟยจู จึงเกิดริ้วรอยสีแดงพาดผ่าน แม้จะมีรอยฟกช้ำก็ไม่อาจปกปิดได้ จึงเป็นความน่าเอ็นดูที่เกิดขึ้นภายในใจของอ๋องโม่หราน  ซึ่งน่าแปลกเป็นอย่างยิ่ง แต่ก่อน ไม่เคยมีใจคิดพิศวาสแม้แต่น้อย แค่สงสาร เพราะเป็นลูกอนุ ทำให้ถูกตบตี ตนจึงขอตบแต่งมาอยู่ที่ตำหนักของตน    แต่ก็ไม่คิดว่า โม่เจิ้นหลง ผู้เป็นกษัตริย์ หรือที่เรียกอีกคำ ก็คือ เซี่ย จะมีราชโองการให้ตนรับเสวี่ยนซ่าน บุตรอำมาตย์มาเป็นพระชายารองลำดับหนึ่งแถมมีโจหลุน ผู้บุตรีของท่านเสนาธิการยานพาหนะ มาเป็นพระชายารองลำดับสี่อีกด้วย เมื่อมีรองลำดับหนึ่งกับลำดับสี่ขาดแต่สองกับสาม งานนี้ก็ไม่รอดอีก   อ๋องโม่หรานจึงประกาศออกมา ว่าจะรับพระชายาพร้อมๆ กัน ทั้งหมด อนุเฟยจูนั้นเป็นบุตรของท่านอำมาตย์เสวี่ยนฮุ่ย กับอนุเฟยเฟย แต่กลับไม่ได้รับความสนใจใยดีจากผู้เป็นบิดา แถมจัดให้มาเป็นข้ารับใช้ของเสวี่ยนซ่านอีกด้วย   นัยน์ตาคมของอ๋องโม่หรานมองใบหน้าของอนุเฟยนิ่ง ก็เห็นความงามที่ซุกซ่อนอยู่ในใบหน้าที่บวมช้ำนั่น   “เจ้าถูกตบตีแบบนี้มานานแล้วเหรอ” อ๋องโม่หรานถามขึ้น   "สองปีเจ้าค่ะ” ตอบกลับไป ความคิดล่องลอยไปหาเฟยจูตัวจริง ที่ตอนนี้คงรับรู้แล้ว ว่าคนที่ทำให้ตนถึงแกความตาย คนพวกนั้น ก็หลีกหนีเวรกรรมไม่พ้น และพญามัจจุราช ที่ชำระความผิดบาปนั้น ก็คือ…อ๋องโม่หราน ผู้เป็นสามีของ เฟยจูนั่นเอง   “นานขนาดนั้น ทำไม ข้าถึงไม่รู้เรื่องนะ” รำพันกับตัวเอง พลางมองใบหน้าและลำตัวของนาง ด้วยความเสียใจ ถ้ารู้มาก่อน คงจัดการไปตั้งแต่แรกแล้ว   “ข้าขอโทษ ที่ไม่รู้เรื่องนี้มาก่อน จึงทำให้เจ้าถูกทำร้ายแบบนี้มานานนับแรมปี เจ้าจะลงโทษข้าดีไหม” ท่านอ๋องถามขึ้น ทำให้ เฟยจู และนางกำนัลแฝดอึ้ง   ท่านจะให้เธอลงโทษอะไร ในเมื่อเธอเป็นแค่อนุ จินลู่ในร่างของเฟยจูถึงกับมึน “เอ่อ… ท่านจะให้ข้าลงโทษท่านแบบไหนเจ้าคะ... ก็ท่านเป็นอ๋อง ข้าเป็นเพียงอนุ ไม่ได้เป็น เซี่ย นะท่าน ที่จะสั่งลงโทษท่านได้ เอ่อ ข้าต้องขออภัยเจ้าค่ะ” เฟยจูถึงกับมึน   “ก็ข้าขาดตกบกพร่อง ดูแลเจ้าไม่ดี ทั้งที่ตอนรับเจ้ามาตบแต่งเป็นอนุนั้น ข้าคิดว่าจะไม่ให้เจ้าเจอแบบเดิมที่อยู่กับจวนของท่านอำมาตย์เสวี่ยน แต่สุดท้าย ก็ไม่ใช่เลย” อ๋องโม่หรานรู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก   เฟยจูจึงพูดออกมา   “แต่ท่านก็ชำระความให้ข้าแล้วนี่เจ้าคะ ข้าปลอดภัยแล้ว เดี๋ยวหมอมา บาดแผลของข้าก็จะหายแล้วเจ้าค่ะ” บอกไปอย่างไม่รู้จะพูดอะไรดี   “ว่าแต่ ทำไม หมอถึงมาไม่ถึงสักที” พูดยังไม่ทันขาดคำ เสียงแหวกอากาศก็ดังมาให้ได้ยิน   ฟิ้ววว !  ตุ๊บ!  เสียงคนเดินเข้ามาด้านในสองคน เฟยจูได้ยิน จึงหันไปมองที่ประตู ก็เห็นเป็นแบบนั้นจริง ๆ    “คาราวะท่านอ๋อง” ท่านหมอทำความเคารพอ๋องสี่   “ตามสบายท่านหมอ ท่านรีบมาดูอาการของอนุเฟยที” บอกไป ท่านหมอก็รีบมา ก่อนที่จะทำการตรวจร่างกายของเฟยจู ท่ามกลางสายตากดดันของอ๋องสี่    “เป็นยังไงบ้าง” ถามไป เพราะมันนานแล้ว ท่านหมอสบตากับเฟยจู เห็นข้อความบางอย่างส่งมาให้ ก็กระแอมกระไอออกมา งานนี้ ลำบากใจจริง ๆ    “ร่างกาย ถูกทำร้ายหนักมาก ร่างกายภายในบอบช้ำหนัก ที่สามารถลุกได้ขนาดนี้ คือต้องสู้มาก ข้าแนะนำให้ท่านอ๋อง ช่วยเพิ่มพลังวัตรให้กับอนุเฟยทุกวันขอรับ เพียงแค่ห้าวัน ร่างกายก็จะหายเป็นปกติ และนี่ตัวยา เอาให้อนุเฟยกิน วันละสองรอบ นะขอรับ” บอกไป พลางวางยาเม็ดสีดำเอาไว้ให้ สิบเม็ด   จินลู่มองด้วยแววตาที่เฉยเมย แม้จะรู้ว่าขมมากก็ตาม เธอเป็นทหาร การต่อสู้ การกินยามันเป็นเรื่องปกติมาก   “ขอบคุณท่านหมอ” บอกไป ก่อนจะยิ้มให้   “นี่คือหนึ่งอีแปะทองแดง เป็นค่ารักษาอนุเฟย” ท่านอ๋องยื่นเงินให้ หญิงสาวมองตามอย่างสนใจ มันเป็นเหรียญที่ออกแดง ความหนาประมาณ 1C. ขนาดก็เท่ากับเหรียญสิบบาทของไทยนี่แหละ ที่เธอรู้จัก ค่าเงินบาท ก็เพราะเคยไปทำภารกิจที่เมืองไทยตั้ง หกเดือน จึงคุ้นเคยเป็นอย่างดี   “ขอบคุณอ๋องสี่ขอรับ ข้าต้องลา” หลังจากรับอีแปะทองแดงมาแล้ว ก็คาราวะอ๋องโม่หราน แล้วก็กลับไป โดยองครักษ์ของท่านอ๋องไปส่งถึงที่ “เดี๋ยวข้าจะใช้พลังวัตรรักษาเจ้านะ เจ้าไปนั่งที่เตียงนอนเถอะ” โม่หรานบอกกับเฟยจู หญิงสาวทำตาม อ๋องสี่ก็ขึ้นไปนั่งที่เตียงนอน    กลิ่นหอมอ่อนละมุน ลอยออกมาจากร่างกายที่เย้ายวน ทำให้ท่านอ๋องเกิดอาการหัวใจเต้นแรงขึ้นมา และไม่ใช่แค่โม่หรานเท่านั้น เฟยจูเองก็ใจเต้นเหมือนกัน   “เจ้าเลิกเสื้อขึ้นด้วย” บอกด้วยเสียงที่แหบพร่า หญิงสาวก็รีบทำตาม ฝ่ามือแกร่งของอ๋องสี่ก็วางทาบที่กลางหลังของอนุตน แต่กลับเกิดสปาร์คกันเหมือนไฟดูด จึงต้องชะงักไปด้วยกันทั้งคู่ หญิงสาววูบวาบไปทั่วร่างกาย อย่างไม่เข้าใจตนเอง ว่าที่เธอเป็นเมื่อครู่นั้น มันคืออะไร           ‘เกิดอะไรขึ้น ทำไมเราต้องวูบวาบ หัวใจสะดุดด้วยนะ’ จินลู่คิดในใจอย่างมึนงงและสับสน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD